กกต.ย้ำมติห้าม ขรก.การเมือง-ส.ส.-ส.ว.-จนท.อื่นรัฐช่วยหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น แต่ไม่ห้ามพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองสนับสนุน เผยกำชับ ผอ.กกต.จว.สอดส่องให้มีการปฏิบัติตาม กม.อย่างเท่าเทียม อย่าเลือกปฏิบัติ เตือนอย่านำเรื่องใส่ร้ายมาร้อง กกต. เข้าข่ายร้องเท็จ หวังคนออกมาใช้สิทธิร้อยละ 75
วันนี้ (4 พ.ย.) นายปกรณ์ มหรรณพ และนายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ร่วมพบปะสื่อมวลชนในกิจกรรมประชุมชี้แจงการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. และนายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต. เป็นวิทยากรให้ความรู้แก่สื่อมวลชนเพื่อความเข้าใจในการทำข่าวการเลือกตั้งท้องถิ่น
นายปกรณ์กล่าวว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นในครั้งนี้ถือเป็นภาระหนักมากของ กกต.และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากกฎหมายและระเบียบต่างๆ มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก รวมทั้งข้อความที่เพิ่มมาก็ทำให้เกิดปัญหาในการตีความ ทำให้ กกต.ต้องประชุมวินิจฉัยเมื่อวันที่ 3 พ.ย.ว่าข้าราชการการเมือง ส.ส. ส.ว. เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ไม่สามารถช่วยผู้สมัครท้องถิ่นหาเสียงเลือกตั้งได้ โดย กกต.ได้กำชับไปยังผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัดทุกจังหวัดให้สอดส่องให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ รวมทั้งการสืบสวนสอบสวน ไต่สวน ให้รีบดำเนินการให้เป็นรูปธรรมด้วยความเสมอภาค ระวังการได้เปรียบเสียเปรียบ ไม่ให้เกิดข้อครหาหรือการร้องเรียนจากเรื่องนี้ ส่วนผู้สมัครและผู้ช่วยหาเสียงขอให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
นายปกรณ์กล่าวถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นว่า กกต.เป็นผู้ควบคุมการเลือกตั้ง ภาระหน้าที่หลัก 3 เรื่อง คือ การแบ่งเขต และพิมพ์บัตรเลือกตั้ง ซึ่ง กกต.ดำเนินการเรียบร้อย หลังจากนี้ อปท.จะเป็นผู้รับผิดชอบ โดยมี กกต.จังหวัดและ กกต.กลางเป็นพี่เลี้ยง ส่วนเรื่องการสืบสวน ไต่สวนกรณีมีการร้องเรียน หรือความปรากฏซึ่งเป็นภารกิจหนักของ กกต.หลังการเลือกตั้ง
“ผมอยากให้ข้อมูลเพื่อความเป็นธรรม เพราะกฎหมายในส่วนนี้มีปัญหา เนื่องจากกฎหมายให้เพียง กกต. ผอ.กต. และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องสั่งระงับให้หยุดการกระทำ ถ้าเกิดเหตุ ให้อำนาจเพียงแค่นี้ เพราะฉะนั้นท่านต้องไปศึกษาดูให้ดี เพราะกฎหมายกำหนดไว้เพียงแค่นี้ เราอยากให้ข้อมูลเพื่อความเป็นธรรมกับทุกท่าน ท่านต้องไปศึกษา อย่าสุ่มเสี่ยง ทำผิดช่วยผู้สมัคร ซึ่งเรื่องนี้เป็นมติของ กกต.แล้ว”
ด้านนายฐิติเชฏฐ์กล่าวว่า ยืนยันว่า กกต.7 คน คำนึงถึงปัญหาที่เกิดขึ้น รวมทั้งปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต การรับสมัครสมาชิกและนายก อบจ.3 วันที่ผ่านมาเรียบร้อยดี จากที่ลงพื้นที่เห็นผู้สมัครทุกกลุ่มการเมืองใช้เวทีรับสมัครอย่างถูกต้อง ขอกำชับผู้สมัครทุกคนหากมีการร้องเรียนหรือกลั่นแกล้ง กกต.จะดำเนินคดีทุกคดี โดยเฉพาะหากมีการนำเรื่องเท็จมาร้อง หวังว่าปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้น ตนได้คุยกับผู้สมัครทุกกลุ่ม และยืนยันกับตนว่าจะหาเสียงด้วยความสุจริต ไม่มีการใส่ร้ายป้ายสีกัน ซึ่งก็ได้กำชับว่าขอให้ปฎิบัติตามกฎหมาย เพราะ กกต.ก็ต้องยึดระเบียบและกฎหมาย
“ยืนยันว่า กกต.จะทำหน้าที่ด้วยความสุจริต โปร่งใส และเที่ยงธรรม และทำหน้าที่ให้สมกับอำนาจที่กฎหมายได้กำหนดไว้”
นายฐิติเชฏฐ์ยังให้สัมภาษณ์เชิญชวนประชาชนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายกและสมาชิก อบจ.ในวันที่ 20 ธันวาคมนี้ และอยากฝากถึงผู้ที่จะลงสมัครได้ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครตามกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นให้รอบคอบ เช่น หากไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมาก็จะถูกจำกัดสิทธิในการลงสมัครรับเลือกตั้ง เพราะหากมาสมัครโดยขาดคุณสมบัติจะมีโทษตามมาตรา 120 โทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 2 หมื่น-2 แสนบาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี ทั้งนี้ กกต.มีความคาดหวังว่าประชาชนจะออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ต่ำว่า 75 เปอร์เซ็นต์ ยืนยันว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นในครั้งนี้ กกต.จะดำเนินการด้วยความโปร่งใส บริสุทธิ์และยุติธรรมที่สุด
เมื่อถามถึงพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองสามารถสนับสนุนการเลือกตั้ง อบจ.ได้หรือไม่ นายฐิติเชษฐ์กล่าวว่า พรรคการเมืองสามารถให้การสนับสนุนได้ แต่ในส่วนของกลุ่มการเมืองที่ท่านสมัครรับเลือกตั้ง หากมีบุคคลตามที่ กกต.มีมติว่าไม่สามารถช่วยผู้สมัครหาเสียงเลือกตั้งได้ ก็ไม่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งบุคคลเหล่านี้อย่าไปช่วยผู้สมัครรับเลือกตั้งหาเสียงเพราะสุ่มเสี่ยงที่จะทำผิดกฎหมายได้
ส่วนรัฐมนตรีที่ไม่ได้เป็น ส.ส.ก็เข้าข่ายเป็นข้าราชการเมืองไม่สามารถช่วยผู้สมัครหาเสียงได้ ส่วนบุคคลที่เคยถูกตัดสิทธิทางการเมืองหรือถูกยุบพรรค ถ้าทำในฐานะผู้ช่วยหาเสียงสามารถทำได้ เพราะการถูกตัดสิทธิทางการเมือง คือไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้