xs
xsm
sm
md
lg

กกต.นครปฐม เชิญผู้สมัครนายก และสมาชิกสภา อบจ.นครปฐม เข้ารับฟังคำชี้แจง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นครปฐม - ผอ.กกต.นครปฐม ให้ความรู้ผู้สนใจสมัครเป็นนายก อบจ. และสมาชิกสภา อบจ. เพื่อไม่ให้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ก่อนเปิดรับสมัครวันที่ 2-6 พ.ย.นี้
 
วันนี้ (29 ต.ค.) น.ส.บุญเรือน ไทยวัฒนธรรม ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครปฐม จัดประชุมชี้แจงให้ความรู้แก่ผู้ที่สนใจสมัครเป็นนายก อบจ. และสมาชิกสภา อบจ. เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ที่กำหนดให้มีขึ้นในวันที่ 20 ธ.ค.โดยมีผู้สนใจเข้ารับฟังจำนวนมาก และในวันที่ 2-6 พ.ย.นี้ ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. กกต.จังหวัดนครปฐม จะเปิดรับสมัครผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ. และสมาชิกสภา อบจ. ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม

การให้ความรู้ในครั้งนี้ ได้แนะนำเกี่ยวกับคุณสมบัติหลักฐานต่างๆ ที่ต้องใช้ในการรับสมัคร ขั้นตอนการรับสมัคร การให้หมายเลข การประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้สมัครรับเลือกตั้ง และในวันที่ 13 พ.ย.2563 กกต.จังหวัดนครปฐม ได้เชิญผู้แทนจาก กกต.ส่วนกลาง มาให้ความรู้แก่ผู้สมัครในเรื่อง ข้อควรรู้สำหรับผู้สมัครรับเลือกตั้ง

สำหรับคุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ต้องมีสัญชาติไทยโดยการเกิด ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา อบจ.ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง ส่วนผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่สมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง ต้องไม่อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราว หรือถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 

ซึ่งสามารถศึกษาข้อมูลได้จากพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 และพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ.2550 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2562 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ect.go.th แอปพลิเคชัน Smart vote หรือสอบถามสายด่วน 1444

ทั้งนี้ การสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้ว่าตนเองขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามในการสมัคร มีโทษตามมาตรา 120 ที่บัญญัติว่า ผู้ใดลงสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี






กำลังโหลดความคิดเห็น