อดีตเลขาฯ อนาคตใหม่ โวย กกต.แทนที่จะแจ้งความฟันคดีเงินกู้แต่แรก กลับงัด ม.72 ชงศาล รธน.ยุบพรรคก่อน ยันมีผลแค่คำวินิจฉัย พร้อมสู้คดีต่อในศาลอาญา ด้าน “ธนาธร” บอกแค่เศษหินในรองเท้าทำให้เสียสมาธิ ไม่ตอบอยู่เบื้องหลังม็อบ แต่โบ้ยรัฐเพาะเมล็ดความเกลียดชัง ผลักคนเลือกข้าง จี้ฟังม็อบด้วยวุฒิภาวะ ยอมรับปัญหาสถาบันฯ แล้วแสวงหาทางออกแบบสันติ
วันนี้ (28 ต.ค.) ที่ทำการคณะก้าวหน้า อาคารไทยซัมมิททาวเวอร์ ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วยอดีตกรรมการบริหารพรรค แถลงถึงกรณีที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้สำนักงาน กกต.แจ้งความดำเนินคดีอาญาต่ออดีต กก.บห.16 คน จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรค เนื่องจากกระทำผิดมาตรา 66 ประกอบมาตรา 72 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ในประเด็นกู้ยืมเงินจากนายธนาธร โดยนายปิยบุตรกล่าวว่า คำวินิจฉัยในคดีนี้ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์อยู่มาก ทั้งกรณีระบุพรรคการเมืองเป็นนิติบุคคลมหาชน, เงินกู้แม้ไม่ใช่รายได้แต่เป็นรายรับ, การเลือกปฏิบัติ เหตุพรรคอื่นๆ กู้เงินแต่กลับไม่ถูกดำเนินคดี, การแปลความเกินเจตนารมณ์ของกฎหมาย
นายปิยบุตรกล่าวต่อว่า ตนมีข้อสังเกตว่า เมื่อ 19 ต.ค. นายสนธิญาณ สวัสดี อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ร้องเรื่องนี้ไปที่ กกต.ถามถึงการดำเนินคดีอาญา อีก 7 วันต่อมา กกต.ก็มีมติให้ดำเนินคดีอาญาทั้งนายธนาธร และ กก.บห.ในฐานะเป็นคนรับเงิน หาก กกต.เห็นว่าการกู้เงินนั้นกู้ไม่ได้เป็นการให้ประโยชน์อื่นใดแก่พรรค และพรรครับเงิน ก็ต้องไปแจ้งความ สน.ทุ่งสองห้อง แต่แรก แต่กลับเอา ม.72 ขึ้นมาใช้เพื่อเปิดทางสู่ศาลรัฐธรรมนูญ และความตั้งใจคือยุบพรรคเสร็จแล้วค่อยเอามาดำเนินคดีอาญาต่อ ทั้งที่เรื่องนี้ต้องใช้คดีอาญาตั้งแต่เริ่มต้น
อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ยังชี้ว่า คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันทุกองค์กรเฉพาะผลคำวินิจฉัยเท่านั้น ยืนยันพร้อมสู้คดีอย่างเต็มที่ และเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมจะดำเนินต่อไปได้ โดยการยุบพรรคอนาคตใหม่ทำให้ไฟลามทุ่งจนเป็นหนึ่งในสาเหตุความไม่พอใจที่ทำให้ประชาชนออกมาชุมนุม ตนคิดว่าการยุบพรรคจนถึงการดำเนินคดีอาญาต่อพวกตนจะเป็นคำถามที่ดังขึ้นอีกว่าเรามี กกต.เพื่อจัดการเลือกตั้ง หรือเป็นเครื่องมือจัดการฝ่ายตรงข้ามผู้มีอำนาจในปัจจุบัน
“ถ้าว่าตามหลักกฎหมายก็ตามที่เราสู้มาตลอดตั้งแต่คดียุบพรรค เรายืนยันในหลักการ ถ้าจะกังวลก็แค่กับกระบวนการนิติสงครามที่ทำกันมาอย่างต่อเนื่อง เราทราบกันดีว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยถูกตั้งคำถามเสมอว่าอำนวยความยุติธรรมหรือกลายเป็นเครื่องมือผู้มีอำนาจไปแล้ว ซึ่งไม่เฉพาะกับเราเท่านั้น แต่เกี่ยวกับทุกคนเลยว่ากระบวนการยุติธรรมอำนวยความยุติธรรมให้ทุกคนอย่างเสมอหน้า หรือกระบวนการยุติธรรมถูกออกแบบมาเพื่อรับใช้คนบางคน” นายปิยบุตรกล่าว
ขณะที่นายธนาธรกล่าวว่า เราตั้งพรรคขึ้นมาด้วยความหวังดี เสนอตัวเป็นทางเลือกให้ประชาชนในการพาประเทศไทยก้าวไปข้างหน้า สร้างขึ้นมาและทำมันอย่างโปร่งใส ซึ่ง กกต.หลายท่านยืนยันได้ว่าเอกสารต่างๆ ที่เราทำนั้นทำอย่างโปร่งใส หลายคนเอ่ยปากชม แต่ว่าภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ การตั้งพรรคนั้นเป็นเรื่องยาก ไม่มีเงินทำไม่ได้ เพราะต้องมีสาขาพรรค ตัวแทนพรรคประจำจังหวัด มีสมาชิกที่ต้องจ่ายเงินเป็นค่าสมาชิก ฯลฯ เราไม่รับบริจาคจากนายทุนใหญ่ เราระดมทุน ขายสินค้า แต่ก็ห้ามขายออนไลน์ จนสุดท้ายก็ออกมาในรูปแบบของเงินกู้ แต่สิ่งที่เราได้รับคือการยุบพรรคอย่างนี้หรือ
อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ระบุว่า นี่คือสิ่งที่ทำให้เราถอยไม่ได้ เพราะยังมีคนรอคอยเราอยู่ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพียงเศษหินในรองเท้า ทำให้เสียสมาธิ เสียเวลา แต่เรายังเดินหน้าต่อไป คดีความต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะไม่ยอมให้ลดทอนข้อเรียกร้อง ในการยืนหยัดสร้างประชาธิปไตย สร้างประเทศไทยที่คนทุกคนเท่าเทียมกัน
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการกล่าวหานายธนาธรอยู่เบื้องหลังการชุมนุมของกลุ่มที่เรียกตนเองว่าคณะราษฎร นายธนาธรกล่าวว่า อย่างแรกที่สุดเราต้องเข้าใจว่าการแสดงออกเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ และข้อเสนอต่างๆ ของพวกเขานั้นไม่มีข้อใดพูดถึงเรื่องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่เรียกร้องให้มีการปฏิรูปให้เหมาะกับยุคสมัย และสอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตย แต่สิ่งที่เราเห็นจากผู้มีอำนาจคือการไม่ยอมรับการดำรงอยู่ของปัญหานี้ในรัฐสภา การจะแก้ไขปัญหาได้จะต้องตระหนักร่วมกันก่อน ที่ผ่านมาไม่มีจากฝั่งผู้มีอำนาจเลย เราจึงเป็นกังวล เพราะแทนที่จะยอมรับแล้วแสวงหาทางออกร่วมกันอย่างสันติ วิธีการที่รัฐบาลเลือกใช้คือการโหมกระพือความเกลียดชัง ให้คนเข้าใจผิดว่าผู้ชุมนุมต้องการล้มล้างสถาบัน นี่คือสิ่งที่เป็นอันตราย ให้ประชาชนเลือกข้าง ไม่สมควรทำ
นายธนาธรกล่าวว่า และที่สำคัญเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังที่ถูกรัฐบาลหว่านไว้กำลังเติบโต เราได้เห็นมาแล้ว เช่น ข่าวนักเรียนที่ไม่ยืนเคารพธงชาติโดนตบ หรือเหตุการณ์ทำร้ายผู้ชุมนุมที่ ม.รามคำแหง กลุ่มคนเหล่านี้ผมไม่เชื่อว่าถูกจ้างมาทำ แต่พวกเขาทำเพราะจิตสำนึกที่ถูกสร้างมาทำให้คนเกลียดชังกัน และการอภิปราย 2 วันที่ผ่านมา โดยเฉพาะในฝั่งสมาชิกวุฒิสภา จะเห็นว่าเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ดังนั้น วันนี้เราต้องทำความเข้าใจร่วมกัน รับฟังด้วยความเป็นผู้ใหญ่ มีวุฒิภาวะ เพราะถ้าเราไม่หยุดยั้งเมล็ดพันธุ์แห่งการเกลียดชังจะเป็นต้นไม้ จะเติบโตทำให้การใช้ความรุนแรงกับผู้เห็นต่างมีความชอบธรรม อยากให้ทุกคนกลับมามีสติ บ้านเมืองเราพอมีทางออกได้ อย่าปลูกฝังให้กับคนรุ่นต่อไป เพราะถ้าเติบโตแล้วจะแก้ไขยากมาก