ผู้จัดการรายวัน360-"ปิยบุตร-ธนาธร" ตั้งหลักสู้คดีอาญา กรณีพรรคอนาคตใหม่กู้เงิน ดักคอศาลอาญาจะใช้คำวินิจฉัยของศาลรธน.มาผูกพันไม่ได้ เตือนใช้นิติสงครามซ้ำ ระวังจะเป็นไฟลามทุ่ง ชม "อานนท์-รุ้ง" กล้าหาญ "พี่ศรี" จี้ กกต.ยึดเงิน 191.2 ล้านเข้ากองทุนฯ
วานนี้ (28ต.ค.) ที่อาคารไทยซัมมิท นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในฐานะอดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าว กรณี กกต. มีมติให้ดำเนินคดีอาญากับ อดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ทั้ง 16 คน จากกรณีกู้เงิน จนนำไปสู่การยุบพรรค ว่าการดำเนินคดีอาญาของกกต.เป็นผลมาจากคำวินิจฉัยของศาลรธน.ที่ยุบพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งกระบวนการไต่สวนคดียุบพรรค และการวินิจฉัยของศาลรธน. ถูกตั้งคำถามในแง่มุมทางวิชาการว่า ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตามแม้คำวินิจฉัยศาลรธน. ผูกพันทุกองค์กร แต่ผูกพันเฉพาะในส่วนของผลคำวินิจฉัยเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องผูกพันศาลอื่นด้วย โดยเฉพาะในกรณีนี้เป็นการดำเนินคดีอาญา จึงไม่ผูกพันศาลอาญา เพราะหากตีความว่า คำวินิจฉัยศาลรธน. ผูกพันศาลอาญา แบบนี้จะเกิดผลประหลาดทันที ศาลรธน.จะกลายเป็นศาลอาญาโดยปริยาย เพียงแต่ไม่ได้พิพากษาจำคุก
"เราพร้อมสู้คดีอย่างเต็มที่ และเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ภายหลังศาลรธน.ยุบพรรคอนาคตใหม่ ผมเคยแถลงว่า ภาพยนตร์ยุบพรรครอบนี้ จะไม่จบแบบเดิม หากผู้กำกับภาพยนตร์ยุบพรรคอนาคตใหม่ จะเป็นการตัดไฟแต่ต้นลมถือว่าเป็นการคิดผิด เพราะจะเป็นไฟลามทุ่ง 8 เดือนที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่า ไฟลามทุ่งจริงๆ" นายปิยบุตรกล่าว
นายปิยบุตร กล่าวว่า ถ้าเราต้องการให้กระบวนการนิติสงครามหยุดสักที ก็ต้องสู้ ทั้งๆ ที่รู้กฎหมายไม่เป็นคุณแก่เรา หากไม่สู้กฎหมายก็จะบดขยี้กันต่อไป การสู้เท่านั้นถึงจะยุตินิติสงครามได้ หากผู้กำกับภาพยนตร์ยุบพรรคยังคิดเหมือนเดิมว่า ทุกอย่างจะจบนั้นท่านคิดผิด และไฟจะลามทุ่งกว่าเดิม
"คดีอาญาต้องใช้เวลาไม่สามารถรวบรัดตัดความได้ทันที กระบวนเริ่มต้นที่ตำรวจ อัยการ และไปศาลตามระบบปกติ ถ้าว่ากันตามข้อเท็จจริง ไม่มีอะไรต้องกังวล แต่กังวลเรื่องกระบวนการนิติสงครามมากกว่า ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทย สรุปว่ากระบวนการยุติธรรมถูกแบบมาเพื่ออำนวยความยุติธรรมแบบเสมอหน้าหรือเพื่อรับใช้บางคนเท่านั้น" นายปิยบุตรกล่าว
นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า กระบวนการทำงานของ กกต. มีความผิดปกติ ไม่ได้เปิดเผยอย่างเป็นทางการ แม้ฝ่ายตนเองเป็นผู้ถูกดำเนินคดีก็ยังไม่ได้ทราบถึงการดำเนินการของ กกต. อย่างเป็นทางการ แต่กลับพบมติ กกต. จากข่าวที่ปรากฏตามสื่อมวลชน
ด้านนายธนาธร กล่าวว่า พวกเราตั้งพรรคอนาคตใหม่เพื่อต้องการทำพรรคการเมืองแบบใหม่ที่มีคุณภาพ เพื่อดึงศรัทธาของประชาชนให้กลับมายังระบอบรัฐสภาอีกครั้ง และต้องการทำให้พรรคการเมืองเกิดความโปร่งใส ภายใต้รธน.ฉบับนี้ ตั้งพรรคการเมืองได้ยาก ถ้าไม่มีเงินแทบจะไม่มีความเป็นไปได้ในการตั้งพรรคการเมือง เพราะมีการกำหนดให้ตั้งสาขาพรรค และกำหนดให้สมาชิกพรรคเสียเงินค่าสมาชิก เราตั้งใจสู้ในระบบเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างสันติที่สุด แม้ว่าจะใช้เวลาก็ตาม
"การทำพรรคการเมืองเราไม่ได้ขอนายทุนคนไหน จึงต้องกู้ เราระดมเงินทุนแทบตาย จะขายของออนไลน์ก็ไม่ให้ การหาสมาชิกพรรคสักคนเพื่อมาเลือกตัวแทนพรรคเพื่อส่ง ส.ส. ก็ไม่ง่าย แต่เราก็พยายามทำเพื่อให้ทุกคนเห็นถึงความตั้งใจ ถามว่าพวกคุณไม่อยากเห็นพรรคการเมืองแบบพรรคอนาคตใหม่หรือ เรายืนยันเจตนาที่ดีในการสร้างพรรคการเมือง โปร่งใสตรวจสอบได้ และสมาชิกพรรคมีส่วนร่วมและเป็นเจ้าของ ขอบคุณประชาชนที่ยังคอยให้กำลังใจเราให้เดินหน้าและสู้ต่อไป สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเศษหินในรองเท้าของพวกเราเท่านั้น หยุดเราไม่ได้เราจะเดินหน้าต่อแม้เราจะมีอิสรภาพข้างนอกที่จำกัด แต่ยังมีคนกล้าหาญกว่าเราอีกจำนวนมาก เช่น อานนท์ หรือ รุ้ง ถ้าเรายอมแพ้ แล้วจะมองหน้าคนเหล่านี้ได้อย่างไร คดีความต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเราจะหยุดเราไม่ได้ และจะไม่เป็นเงื่อนไขในการเจรจาเพื่อลดทอนข้อเรียกร้องของเรา เพราะเราต้องการสร้างประชาธิปไตยที่เท่าเทียมกันตามแนวทางของพรรคอนาคตใหม่ และคณะก้าวหน้า" นายธนาธร กล่าว
"พี่ศรี" จี้ กกต.ยึดเงิน 191.2 ล้านเข้ากองทุนฯ
ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวถึงกรณี กกต. ยังไม่ได้ข้อยุติเรื่องเงินกู้ 191.2ล้านบาท จะต้องนำเข้ากองทุนพัฒนาการเมืองหรือไม่ เนื่องจากมีความเห็นที่แตกต่างกันระหว่างสำนักงาน กกต. และคณะที่ปรึกษากฎหมายของ กกต. โดยทางฝ่ายสำนักงานเสนอว่าสามารถที่จะยึดเงินเข้ากองทุนฯได้ แต่ทางคณะที่ปรึกษากฎหมายของกกต. เห็นว่าเมื่อศาลฯ สั่งยุบพรรค ก็ไม่เหลือพรรคการเมือง ที่จะให้กกตไปเรียกเงินมาเป็นของกองทุนฯได้
กรณีนี้ทางสมาคมฯเห็นว่า แม้พรรคจะถูกยุบไปแล้ว แต่ตาม ม. 95 วรรคสอง ของพ.ร.ป.พรรคการเมือง 60 กำหนดให้หัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค จะต้องชำระบัญชีของพรรคจนกว่าจะแล้วเสร็จ หากมีทรัพย์สินของพรรคส่วนใดที่คงเหลือ ต้องยึดมาขายทอดตลาดทั้งหมด และเมื่อศาลฯ มีคำวินิจฉัยโดยชัดแจ้งแล้วว่า อดีตหัวหน้าพรรค และอดีตกรรมการบริหารพรรค15 คน กระทำผิด ม. 66 ประกอบ ม. 72 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ดังนั้น ทั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค จะปฏิเสธภาระความรับผิดชอบที่คณะตนได้กระทำไปในทางที่ผิดกฎหมายในขณะที่ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองมิได้ ซึ่งเมื่อ กกต.ต้องไปดำเนินการ ส่งเรื่องฟ้องร้องในทางอาญาเอาผิด หัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคทั้ง 15 คนแล้ว ก็จักต้องพ่วงเรียกค่าเสียหายในทางแพ่ง ที่คงเหลือทั้งหมดเพื่อให้ศาลสั่งนำเงินเข้ากองทุนพรรคการเมืองต่อไปด้วย จึงจะชอบ
ทั้งนี้ ทางสมาคมฯจะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อ กกต. ในวันนี้ (29ต.ค.) เพื่อให้ดำเนินการ ไล่เบี้ยยึดเงิน 191.2 ล้านบาท จากหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ทั้ง 15 คน มาคืนกองทุนพรรคการเมือง
วานนี้ (28ต.ค.) ที่อาคารไทยซัมมิท นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในฐานะอดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงข่าว กรณี กกต. มีมติให้ดำเนินคดีอาญากับ อดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ทั้ง 16 คน จากกรณีกู้เงิน จนนำไปสู่การยุบพรรค ว่าการดำเนินคดีอาญาของกกต.เป็นผลมาจากคำวินิจฉัยของศาลรธน.ที่ยุบพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งกระบวนการไต่สวนคดียุบพรรค และการวินิจฉัยของศาลรธน. ถูกตั้งคำถามในแง่มุมทางวิชาการว่า ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตามแม้คำวินิจฉัยศาลรธน. ผูกพันทุกองค์กร แต่ผูกพันเฉพาะในส่วนของผลคำวินิจฉัยเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องผูกพันศาลอื่นด้วย โดยเฉพาะในกรณีนี้เป็นการดำเนินคดีอาญา จึงไม่ผูกพันศาลอาญา เพราะหากตีความว่า คำวินิจฉัยศาลรธน. ผูกพันศาลอาญา แบบนี้จะเกิดผลประหลาดทันที ศาลรธน.จะกลายเป็นศาลอาญาโดยปริยาย เพียงแต่ไม่ได้พิพากษาจำคุก
"เราพร้อมสู้คดีอย่างเต็มที่ และเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ภายหลังศาลรธน.ยุบพรรคอนาคตใหม่ ผมเคยแถลงว่า ภาพยนตร์ยุบพรรครอบนี้ จะไม่จบแบบเดิม หากผู้กำกับภาพยนตร์ยุบพรรคอนาคตใหม่ จะเป็นการตัดไฟแต่ต้นลมถือว่าเป็นการคิดผิด เพราะจะเป็นไฟลามทุ่ง 8 เดือนที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่า ไฟลามทุ่งจริงๆ" นายปิยบุตรกล่าว
นายปิยบุตร กล่าวว่า ถ้าเราต้องการให้กระบวนการนิติสงครามหยุดสักที ก็ต้องสู้ ทั้งๆ ที่รู้กฎหมายไม่เป็นคุณแก่เรา หากไม่สู้กฎหมายก็จะบดขยี้กันต่อไป การสู้เท่านั้นถึงจะยุตินิติสงครามได้ หากผู้กำกับภาพยนตร์ยุบพรรคยังคิดเหมือนเดิมว่า ทุกอย่างจะจบนั้นท่านคิดผิด และไฟจะลามทุ่งกว่าเดิม
"คดีอาญาต้องใช้เวลาไม่สามารถรวบรัดตัดความได้ทันที กระบวนเริ่มต้นที่ตำรวจ อัยการ และไปศาลตามระบบปกติ ถ้าว่ากันตามข้อเท็จจริง ไม่มีอะไรต้องกังวล แต่กังวลเรื่องกระบวนการนิติสงครามมากกว่า ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทย สรุปว่ากระบวนการยุติธรรมถูกแบบมาเพื่ออำนวยความยุติธรรมแบบเสมอหน้าหรือเพื่อรับใช้บางคนเท่านั้น" นายปิยบุตรกล่าว
นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า กระบวนการทำงานของ กกต. มีความผิดปกติ ไม่ได้เปิดเผยอย่างเป็นทางการ แม้ฝ่ายตนเองเป็นผู้ถูกดำเนินคดีก็ยังไม่ได้ทราบถึงการดำเนินการของ กกต. อย่างเป็นทางการ แต่กลับพบมติ กกต. จากข่าวที่ปรากฏตามสื่อมวลชน
ด้านนายธนาธร กล่าวว่า พวกเราตั้งพรรคอนาคตใหม่เพื่อต้องการทำพรรคการเมืองแบบใหม่ที่มีคุณภาพ เพื่อดึงศรัทธาของประชาชนให้กลับมายังระบอบรัฐสภาอีกครั้ง และต้องการทำให้พรรคการเมืองเกิดความโปร่งใส ภายใต้รธน.ฉบับนี้ ตั้งพรรคการเมืองได้ยาก ถ้าไม่มีเงินแทบจะไม่มีความเป็นไปได้ในการตั้งพรรคการเมือง เพราะมีการกำหนดให้ตั้งสาขาพรรค และกำหนดให้สมาชิกพรรคเสียเงินค่าสมาชิก เราตั้งใจสู้ในระบบเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างสันติที่สุด แม้ว่าจะใช้เวลาก็ตาม
"การทำพรรคการเมืองเราไม่ได้ขอนายทุนคนไหน จึงต้องกู้ เราระดมเงินทุนแทบตาย จะขายของออนไลน์ก็ไม่ให้ การหาสมาชิกพรรคสักคนเพื่อมาเลือกตัวแทนพรรคเพื่อส่ง ส.ส. ก็ไม่ง่าย แต่เราก็พยายามทำเพื่อให้ทุกคนเห็นถึงความตั้งใจ ถามว่าพวกคุณไม่อยากเห็นพรรคการเมืองแบบพรรคอนาคตใหม่หรือ เรายืนยันเจตนาที่ดีในการสร้างพรรคการเมือง โปร่งใสตรวจสอบได้ และสมาชิกพรรคมีส่วนร่วมและเป็นเจ้าของ ขอบคุณประชาชนที่ยังคอยให้กำลังใจเราให้เดินหน้าและสู้ต่อไป สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเศษหินในรองเท้าของพวกเราเท่านั้น หยุดเราไม่ได้เราจะเดินหน้าต่อแม้เราจะมีอิสรภาพข้างนอกที่จำกัด แต่ยังมีคนกล้าหาญกว่าเราอีกจำนวนมาก เช่น อานนท์ หรือ รุ้ง ถ้าเรายอมแพ้ แล้วจะมองหน้าคนเหล่านี้ได้อย่างไร คดีความต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเราจะหยุดเราไม่ได้ และจะไม่เป็นเงื่อนไขในการเจรจาเพื่อลดทอนข้อเรียกร้องของเรา เพราะเราต้องการสร้างประชาธิปไตยที่เท่าเทียมกันตามแนวทางของพรรคอนาคตใหม่ และคณะก้าวหน้า" นายธนาธร กล่าว
"พี่ศรี" จี้ กกต.ยึดเงิน 191.2 ล้านเข้ากองทุนฯ
ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวถึงกรณี กกต. ยังไม่ได้ข้อยุติเรื่องเงินกู้ 191.2ล้านบาท จะต้องนำเข้ากองทุนพัฒนาการเมืองหรือไม่ เนื่องจากมีความเห็นที่แตกต่างกันระหว่างสำนักงาน กกต. และคณะที่ปรึกษากฎหมายของ กกต. โดยทางฝ่ายสำนักงานเสนอว่าสามารถที่จะยึดเงินเข้ากองทุนฯได้ แต่ทางคณะที่ปรึกษากฎหมายของกกต. เห็นว่าเมื่อศาลฯ สั่งยุบพรรค ก็ไม่เหลือพรรคการเมือง ที่จะให้กกตไปเรียกเงินมาเป็นของกองทุนฯได้
กรณีนี้ทางสมาคมฯเห็นว่า แม้พรรคจะถูกยุบไปแล้ว แต่ตาม ม. 95 วรรคสอง ของพ.ร.ป.พรรคการเมือง 60 กำหนดให้หัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค จะต้องชำระบัญชีของพรรคจนกว่าจะแล้วเสร็จ หากมีทรัพย์สินของพรรคส่วนใดที่คงเหลือ ต้องยึดมาขายทอดตลาดทั้งหมด และเมื่อศาลฯ มีคำวินิจฉัยโดยชัดแจ้งแล้วว่า อดีตหัวหน้าพรรค และอดีตกรรมการบริหารพรรค15 คน กระทำผิด ม. 66 ประกอบ ม. 72 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ดังนั้น ทั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค จะปฏิเสธภาระความรับผิดชอบที่คณะตนได้กระทำไปในทางที่ผิดกฎหมายในขณะที่ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองมิได้ ซึ่งเมื่อ กกต.ต้องไปดำเนินการ ส่งเรื่องฟ้องร้องในทางอาญาเอาผิด หัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคทั้ง 15 คนแล้ว ก็จักต้องพ่วงเรียกค่าเสียหายในทางแพ่ง ที่คงเหลือทั้งหมดเพื่อให้ศาลสั่งนำเงินเข้ากองทุนพรรคการเมืองต่อไปด้วย จึงจะชอบ
ทั้งนี้ ทางสมาคมฯจะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อ กกต. ในวันนี้ (29ต.ค.) เพื่อให้ดำเนินการ ไล่เบี้ยยึดเงิน 191.2 ล้านบาท จากหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ทั้ง 15 คน มาคืนกองทุนพรรคการเมือง