“แรมโบ้อีสาน” ลงพื้นที่สุราษฎร์ฯ ส่งมอบที่ดินราชพัสดุ เพื่อประชาชนใช้ประโยชน์

“สุภรณ์” ลงนามบันทึกส่งมอบที่ดินราชพัสดุ เพื่อจะนำมาจัดสรรให้ประชาชนเข้าทำประโยชน์ ตามกระบวนการจัดสรรที่ดินของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ

วันนี้ (24 ต.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา) พร้อมคณะ ได้เดินทางมาร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึก (MOU) การส่งมอบที่ดินราชพัสดุ ระหว่างคณะอนุกรรมการนโยบายที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดย นายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายไพฑูรย์ ชนะชู สหกรณ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย นายธวัช หงส์บิน นายอำเภอพระแสง นายชวลิต โรจน์รัตน์ นายจงรักษ์ ใจดี ที่ปรึกษากรมธนารักษ์ และตัวแทนภาคประชาชน จำนวน 5 ราย ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี

สำหรับการจัดพิธีลงนามบันทึก (MOU) ในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี จะจัดให้มีการประชุมคณะอนุกรรมการนโยบายที่ดินจังหวัดขึ้น ในสัปดาห์หน้าเพื่อติดตามความคืบหน้าการนำที่ดินราชพัสดุที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมธนารักษ์ และได้เคยอนุญาตให้บริษัทเอกชนเช่าปลูกปาล์มน้ำมัน เนื้อที่ประมาณ 6,000 ไร่เศษ ปัจจุบันหมดอายุการอนุญาตตามสัญญา เพื่อจะนำมาจัดสรรให้ราษฎรเข้าทำประโยชน์ ตามกระบวนการจัดสรรที่ดินของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) โดยส่งมอบให้กับคณะทำงานส่งเสริมพัฒนาอาชีพและการตลาดจังหวัดสุราษฎร์ธานีเพื่อดำเนินการเตรียมความพร้อมในด้านระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานควบคู่การพิจารณาคัดเลือกราษฎรผู้มีคุณสมบัติเข้ารับการจัดสรรที่ดินของคณะทำงานจัดที่ดินของจังหวัด ต่อไป

นายสุภรณ์ กล่าวภายหลังการเป็นสักขีพยานในวันนี้ ว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เล็งเห็นถึงปัญหาความเดือดของพี่น้องประชาชน ในเรื่องไม่มีที่ดินทำกิน ซึ่งได้เข้าไปบุกรุกที่ดินของรัฐ เช่น ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ที่ราชพัสดุ หรือที่สาธารณประโยชน์ แล้วถูกดำเนินคดี ทำให้เกิดความเดือดร้อน และเป็นปัญหาสังคม ส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา และเป็นปัญหาสะสมมานาน จึงได้ดำเนินการแก้ปัญหาโดยนำที่ดินของรัฐมาดำเนินการจัดที่ดินตามโครงการ คทช.เพื่อเป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนต่อไป และผลการทำ MOU ในวันนี้จะนำไป เรียนนายกรัฐมนตรีเพื่อทราบถึงความคืบหน้า และปัญหาอุปสรรคการดำเนินโครงการ คทช.และแนวทางแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนต่อไป
ในการนี้มีประชาชนที่เดือดร้อนจำนวนประมาณ 500 คน จากอำเภอพระแสง และ อำเภอเคียนซา มารอฟังผลสรุปการบันทึกความคืบหน้า MOU โดย นายสุภรณ์ และรองผู้ว่าฯได้ลงมาชี้แจงจนเป็นที่พอใจก่อนจะแยกสลายเดินทางกลับ