“หมวดเจี๊ยบ” ผิดหวังแถลงการณ์ “บิ๊กตู่” บอกถอยคนละก้าว ไม่ถอยจริง จี้ลาออกสถานเดียว เป็นการถอยที่คนไทยต้องการ ชี้ ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรง เพราะไม่มีทางเลือก ลั่นไม่มีนายกฯ ประยุทธ์ รัฐสภาก็เดินหน้าแก้ รธน.ได้
วันนี้ (22 ต.ค.) ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง หรือ หมวดเจี๊ยบ สมาชิกและอดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงแถลงการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่ระบุยอมถอยคนละก้าว ว่า เป็นถ้อยแถลงที่น่าผิดหวัง และไม่ได้เป็นการถอยที่แท้จริง แต่เป็นแค่การซื้อเวลาเพื่อนั่งเก้าอี้นายกฯต่อไปเท่านั้น หาก พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการจะถอยจริงๆ จะต้องประกาศลาออก เพราะนั่นคือ ข้อเรียกร้องข้อแรกของผู้ชุมนุม ทั้งยังได้รับการขานรับจากคนทั้งประเทศที่ไม่ได้ไปร่วมเดินขบวนเช่นกัน และอย่าคิดไปเองว่าประเทศไทยขาด พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ เพราะถึงไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ก็เชื่อว่า รัฐสภายังสามารถเดินหน้าทำงานต่อเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ และหาทางออกต่างๆ ให้ประเทศได้ แสดงว่า แถลงการณ์ที่ท่านนั่งอ่านออกทีวีเมื่อคืนนี้ เป็นการพูดไปตามสคริปต์เพื่อแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าเท่านั้น
“พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่ได้ยินเสียงที่ผู้คนเรือนแสนที่ยืนตะโกนบนท้องถนน ว่า อาเฮียตู่ออกไป จึงไม่ได้คิดจะลาออก ทั้งๆ ที่ หัวใจของปัญหา คือ ตัว พล.อ.ประยุทธ์ เอง แต่กลับมาทำเป็นลอยตัวอยู่เหนือปัญหา”
ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวอีกว่า คนไทยส่วนใหญ่เห็นด้วยว่าปัญหาการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง ไม่ใช่ด้วยการยึดอำนาจโดยกำลังทหาร และควรใช้รัฐสภาเป็นเวทีแก้ปัญหาการเมือง แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่จำเป็นต้องนั่งเป็นนายกฯ ต่อ เพราะถึงไม่มีท่านก็เชื่อว่ารัฐสภาจะสามารถเดินหน้าทำงานต่อไปได้ และในเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ กล้าพูดว่าตนเอง เชื่อมั่นในระบอบรัฐสภา ก็หวังว่า หลังจากนี้ คงจะไม่กลืนน้ำลายตัวเองด้วยการยุบสภา เพื่อให้ตัวเองได้กลับมาเป็นนายกฯอีก เพราะจะยิ่งเป็นการถ่วงอนาคตของประเทศ แล้วอย่ามาอ้างว่าต้องอยู่ต่อเพื่อแก้ปัญหาปากท้อง หรือโควิด-19 เพราะประเทศไทยยังมีคนดีและมีฝีมืออีกมากที่สามารถทำงานแทนได้ และน่าจะแก้ปัญหาได้ดีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยซ้ำ
ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวอีกว่า ส่วนการที่ พล.อ.ประยุทธ์ มาพูดเอาความดีความชอบให้ตัวเองเรื่องการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงนั้น ก็เพราะรู้ตัวอยู่แล้วว่าไม่สามารถฝืนใช้ประกาศดังกล่าวต่อไปได้ เพราะถึงประกาศไปก็ไม่มีใครฟัง เยาวชนไม่เชื่อจึงออกมารวมตัวกันเดินขบวนเป็นหมื่นเป็นแสนคนทุกวัน แม้แต่รัฐบาลเองก็จัดม็อบชนม็อบ ทั้งใน กทม. และต่างจังหวัด แถมยังมีข้าราชการแต่งเครื่องแบบออกมายืนนำขบวนอย่างชัดเจน ทั้งๆ ที่เป็นเวลาราชการ จึงอยากถามว่าพวกท่านไม่ต้องทำงานให้บริการพี่น้องประชาชนกันหรืออย่างไร เหตุใดจึงละทิ้งหน้าที่การงานแล้วมาเดินขบวนได้ แสดงว่า นี่เป็นคำสั่งของรัฐบาลใช่หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ มีข่าวรัฐมนตรีและบุคคลในรัฐบาลออกมาเรียกร้องให้มวลชนฝ่ายของท่านออกมาเดินขบวน ทั้งๆ ที่ตนเองมีตำแหน่งสำคัญอยู่ในรัฐบาล และเป็นฝ่ายออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเอง แต่กลับไม่เคารพกฎหมาย หรือประกาศที่ตนเองเป็นคนออกคำสั่ง โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ได้ห้ามปราม แถมยังมีข้าราชการออกมาเดินนำขบวน แสดงว่า รัฐบาลต้องไฟเขียว ไม่อย่างนั้นข้าราชการคงไม่กล้ากระทำเช่นนี้ ทำให้ประชาชนทั่วไปตั้งคำถามว่ารัฐบาลจัดม็อบชนม็อบแบบนี้ มันเหมาะสมหรือไม่
ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวอีกว่า อย่าอ้างว่าเป็นการเดินขบวนในต่างจังหวัด ซึ่งอยู่นอกพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะก็มีการรวมตัวและเคลื่อนไหวในพื้นที่ กทม. ด้วย ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ทั้งหมดคือขบวนการเดียวกัน เพียงแต่แยกกันเคลื่อนไหวแบบดาวกระจายเช่นเดียวกับม็อบ แสดงว่า รัฐบาลก็ไม่ได้เคารพกฎหมายที่ตนเองประกาศออกมาเช่นกัน ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จึงรู้ตัวว่าต้องยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะถึงจะคงประกาศฉบับนี้ไว้ ก็ไม่สามารถบังคับใช้ได้จริง เนื่องจากประชาชนทุกฝ่ายมองเห็นประกาศดังกล่าวเป็นเพียง “ทิชชูเปียก” ที่ไม่มีความศักดิ์สิทธิ์และไม่มีใครเชื่อฟัง สุดท้าย พล.อ. ประยุทธ์ เลยต้องรีบชิงออกมาพูดตัดหน้าว่าจะยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ก่อนถูกศาลสั่งให้ยกเลิก เพราะเป็นการออกคำสั่งโดยมิชอบมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ต้องมาลำเลิกบุญคุณว่า การยกเลิกประกาศสถานการณ์ คือ การถอยของท่าน เพราะที่จริงแล้ว ท่านถูกบีบให้เลิก จึงไม่มีทางเลือก ที่สำคัญ การถอยอย่างเดียวที่คนไทยส่วนใหญ่ต้องการจาก พล.อ.ประยุทธ์ คือ การลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทันทีสถานเดียวเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นๆ คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ปล่อยให้รัฐสภาเดินหน้าแก้ไขต่อไป แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่จำเป็นต้องนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีต่อไป” ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าว