“พันธมิตรชานม” อาละวาด “เนติวิทย์” ขอบคุณ “โจชัว หว่อง” ช่วย “ปั่นแฮชแท็ก-นัดประท้วง” “อดีตรอง ผอ.ข่าวกรอง” แฉตัวการใหญ่เบื้องหลังม็อบไทย “พุทธะอิสระ” ชี้จุดจบล่วงหน้า ต้นแบบจากฮ่องกง ก็ต้องจบแบบฮ่องกง
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (19 ต.ค. 63) นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นายกสโมสรนิสิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตประธานสภานิสิตจุฬาฯ โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ Netiwit Chotiphatphaisal @NetiwitC ระบุว่า
“โจชัว หว่อง แจ้งผม และให้ผมแจ้งเพื่อนๆ ให้ทราบว่า วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคมนี้ เวลา 16.00 น. เขาจะไปแสดงพลังสนับสนุนการต่อสู้ของคนไทย ต่อต้านเผด็จการ ที่หน้าสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฮ่องกง (Royal Thai Consulate-General, Hong Kong)
“โจชัว หว่อง และคนฮ่องกงจะไปประท้วงต่อต้านรัฐบาลไทยที่หน้ากงสุลไทยในฮ่องกง พวกเราควรจะสนับสนุนพวกเขาที่แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ก็ช่วยพวกเรา วันนี้เวลา 15.00 น. เวลาประเทศไทย (เวลา 16.00 น.ที่ฮ่องกง) พวกเรามาทวีตและติดแฮชแท็ก #MilkTeaAlliance #save12hkyouths ช่วยให้ขึ้นอันดับ 1 ของโลกกันครับ
นายเนติวิทย์ ยังทวีตข้อความอีกว่า “ประชาชนฮ่องกงออกมาช่วยกระจายข่าวการต่อสู้ของคนไทยให้ทั่วโลกรู้ รวมถึงแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่นั่นด้วย พวกเราเองก็มาช่วยคนฮ่องกงที่ถูกกดขี่เสรีภาพด้วยกันโดยติด #save12hkyouths รณรงค์และกดดันให้รัฐบาลจีนและฮ่องกง ปล่อยตัวเยาวชน 12 คน ที่จีนจับตัวอยู่ ให้กลับฮ่องกงโดยสวัสดิภาพทันที”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระแสติดแฮชแท็ก #MilkTeaAlliance ของชาวเน็ตที่ต้องการเคลื่อนไหวทางการเมืองคนรุ่นใหม่ในฮ่องกง ไต้หวัน และ ไทย เรียกว่า “พันธมิตรชานม” (ไทยโพสต์ออนไลน์)
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ (17 ต.ค. 63) โจชัว หว่อง นักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตยชาวฮ่องกง ได้ทวีตข้อความผ่านทาง ทวิตเตอร์ Joshua Wong (@joshuawongcf) ว่า “ผมขอเป็นกำลังใจให้ชาวไทยทุกคนนะครับ”
ขณะเดียวกัน นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “New World Order (1)”
โดยระบุว่า “หลังเหตุการณ์เครื่องบินก่อการร้ายชนตึกเวิลด์เทรดเซนเตอร์ ในนครนิวยอร์ก เมื่อ 11 กันยายน 2001 อภิมหาอำนาจได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ใหญ่ คือ การจัดระเบียบโลกใหม่ New World Order ใครไม่ใช่พวกถือว่า เป็นศัตรู และมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของโลกมีได้ประเทศเดียว และใช้ยุทธวิธีทางทหารโจมตีก่อนถามทีหลัง preemptive strike
ผู้นำประเทศใดที่ขัดขวางยุทธศาสตร์การครองโลกหรือผลประโยชน์ของนักเลงโตต้องถูกกำจัด และใน 10 กว่าปีที่ผ่านมา สหรัฐฯได้กำจัดผู้นำที่เข้มแข็งในหลายประเทศ เริ่มตั้งแต่ อิรัก ลิเบีย อียิปต์ และซีเรีย ซัดดัม กัดดาฟี มูบารัก จึงต้องถูกกำจัดด้วยเหตุจลาจลในประเทศ
ส่วนในเอเชีย จีน ถือเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่ต้องโค่นล้มให้ได้ ฮ่องกงโมเดล จึงเกิดขึ้น หากฮ่องกงโมเดลสำเร็จ จะมีฐานทัพใหญ่จ่อคอหอยจีน
ตั้งเป็นคำถามหรือข้อสงสัยโตๆ นะ มีใครที่พลาดหวังจากฮ่องกง เลยหันมาเมืองไทย เหลือแต่ไทยเพียงแห่งเดียวที่อาจจะสนองยุทธศาสตร์ของลัทธิครองความเป็นเจ้าในการปิดล้อมจีน ปิดทางออกลงใต้ของจีน
ความวุ่นวายทางการเมืองจึงเกิดขึ้นในไทย มีการประสานงานให้คนสองฝ่ายรู้จักกัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในการชุมนุมประท้วง ปฏิบัติการทวงคืนประชาธิปไตยจึงต้องเกิดขึ้นในไทย เลียนแบบแฟลชม็อบของฮ่องกง นี่มันเกมที่ถูกปั่นให้เกิด เกมที่บีบบังคับไทยให้ยอมตามความต้องการของลัทธิครองความเป็นเจ้า โดยอาศัยตัณหาของนักการเมืองเป็นตัวเดิน ด้วยสารพัดข้อเรียกร้อง
เพื่อสนองผลประโยชน์ของต่างชาติ สถาบันอันเป็นเสาหลักถูกกล่าวหา ต้องล้มล้าง เพื่อเปิดทางให้คนอื่นเข้ามากอบโกย เหมือนเช่นผู้นำลิเบีย อิรัก อียิปต์ ที่ถูกโค่นล้มเช่นนั้นหรือ คิดผิดคิดใหม่ได้
มันมีบางประเทศที่ดำเนินนโยบายการเมืองระหว่างประเทศผิดพลาด เพื่อนหายหมด”
ด้าน นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ อดีตพระพุทธะอิสระ ผู้ก่อตั้งวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า
มีหลายคนถามเข้ามาว่า ม็อบที่เกิดขึ้นนี้มันจะจบอย่างไร ตอบ จบแบบเดียวกันกับม็อบฮ่องกง
อธิบายความว่า เมื่อผู้อยู่เบื้องหลังของม็อบหยิบเอาม็อบฮ่องกงมาเป็นต้นแบบ แถมยังมีคนต่างชาติคอยให้การสนับสนุน
จึงเป็นที่แน่ชัดว่า ม็อบครั้งนี้เกิดจากการแทรกแซงของคนนอกประเทศ และพวกต่างชาติเหมือนกับม็อบฮ่องกง
ฉะนั้น จุดจบของม็อบนี้ ก็คงไม่ต่างอะไรกับม็อบฮ่องกงดอก
ถามต่อจ้า แล้วเจ้าหน้าที่และประชาชนจะปฏิบัติตนอย่างไร
ตอบว่า กินข้าวให้อิ่ม นอนให้หลับ ทำจิตใจให้วางว่าง ดับเย็นสบายหรือถ้าอยากให้มีค่า แนะนำที่ทำได้ง่ายๆ คือ อดทน อดกลั้น และวางว่างดับเย็น แต่ไม่ทิ้งเมื่อเห็นว่า ม็อบฮ่องกงโมเดลเขาเหนื่อยแล้ว คอยออกไปบอกให้เขากลับบ้าน
ถามว่า แล้วความเสียหายที่เกิดขึ้นหละ เราจะปล่อยให้มันเกิดขึ้นเช่นนี้หรือ
ตอบว่า อะไรที่มันจะเสียก็ต้องให้มันเสีย แต่ต้องระวังไม่ให้กระทบกับคนส่วนใหญ่ของประเทศ
เมื่องานเลี้ยงของม็อบเลิก เจ้าหน้าที่ค่อยยื่นบิลเก็บค่าเสียหายทีหลัง ตอนนี้ทำใจร่มๆ เตรียมพร้อมรอดูสถานการณ์อย่าเครียด”
แน่นอน, มาถึงตอนนี้ ดูเหมือน “ม็อบเยาวชนปลดแอก” ไม่ว่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นอะไรก็ตาม มีความเด่นชัดอย่างยิ่ง ในการเป็น “ฮ่องกง โมเดล” และสิ่งที่น่าจับตามองอย่างใกล้ชิด อีกอย่างก็คือ การเคลื่อนไหวที่เป็นเครือข่าย หรือ ที่เรียกว่า “พันธมิตรชานม” ของเยาวชนหลายประเทศ ที่เคลื่อนไหวต่อสู้กับเผด็จการเช่นเดียวกัน
เพราะนั่นหมายถึงพลังที่จะผลักดันปัญหาให้เป็นปัญหาร่วมของคนรุ่นใหม่ ผลักดันการต่อสู้และความร่วมมือให้เป็นเครือข่ายระดับนานาชาติ เพื่อฟ้องโลก เพื่อล้มล้างระบอบการปกครอง และวัฒนธรรมแบบเดิมของแต่ละประเทศ แม้เสี่ยงที่จะถูกแทรกแซงจากมหาอำนาจโลกก็ตาม นี่คือ ประเด็นที่น่ากลัว เพราะในที่สุด อาจต้องแลกด้วยอำนาจอธิปไตยของประเทศถูกครอบงำ และการล่าอาณานิคมในรูปแบบใหม่หรือไม่
นอกจากนี้ ยังเป็นที่สงสัยว่า การชุมนุมครั้งนี้เรียกร้องอะไรกันแน่ เพดานสูงสุดอยู่ที่ “ปฏิรูปสถาบันฯ” หรือ เปลี่ยนแปลงประเทศ อย่างที่มีการปั่นกระแส “สาธารณรัฐไทย” ออกมา และปรากฏในม็อบด้วย
รวมทั้งการที่หลายฝ่าย พยายามจะใช้เวทีรัฐสภา ในการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ เพื่อแก้รับฟังปัญหาของม็อบ และแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นก็ยังอยู่ที่ว่า ถ้าข้อถกเถียง ไม่เป็นไปตามที่ม็อบเรียกร้องปฏิรูปสถาบัน 10 ข้อ ม็อบจะยอมหรือไม่ ถ้าไม่ยอมทำอย่างไร และหรือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ม็อบเรียกร้องให้แก้หมาย 1 และ 2 (หมวดพระมหากษัตริย์) ด้วย ถ้ารัฐสภา ไม่เห็นด้วยจะทำอย่างไร จะยอมม็อบหรือไม่ รัฐสภาจะปกป้องสถาบันฯ หรือ ยอมจำนมให้แก่ม็อบ???
สิ่งเหล่านี้ ถือว่าเปิดประชุมนุมสมัยวิสามัญง่ายนิดเดียว แต่จะตามใจม็อบได้มากน้อยแค่ไหน และปกป้องสถาบันเอาไว้หรือไม่ เป็นเรื่องใหญ่ของรัฐสภาไทย ทั้งหมดยังต้องตามมาด้วยกระแสเห็นด้วยหรือต่อต้านอีกต่างหาก ม็อบหนึ่งลง อาจมีม็อบหนึ่งขึ้น อย่างที่มีคนพูดถึงเอาไว้แล้ว ทั้งหลายเหล่านี้ มีทางหนีทีไล่เอาไว้บ้างหรือยัง?
ยิ่งถ้าการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ จบลงแบบแก้อะไรไม่ได้เลย ก็จะยิ่งเข้าตาจนไปใหญ่ จะทำอย่างไร? ซึ่งก็ไม่แน่เหมือนกัน ไม่เชื่อคอยดู!!!