การตลาด - พลังสาววาย สายเปย์ที่แท้ทรู ไม่มีกินแต่ต้องมีของให้ดารา ซัปพอร์ตแบบ 360 องศาแบบไม่มีอะไรกั้น เป็นพรีเซ็นเตอร์พร้อมซื้อสินค้าทันที จ่ายหนักสุดซื้อโฆษณาบนป้ายบิลบอร์ดที่ไทม์สแควร์ นิวยอร์กโปรโมตให้ด้วย เพียงขอแค่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ดาราในดวงใจดัง ดัง และดัง งานนี้ “ไลน์” อึ้งสุดๆ หลังเจาะอินไซด์สาววาย พบอำนาจการซื้อและพฤติกรรมสาววายไม่ธรรมดา สามารถเปลี่ยนโลกการตลาดได้เลย
ฉุดไม่อยู่แล้วจริงๆ กับกระแสคอนเทนต์ชายรักชาย หรือซีรีส์วาย จากก่อนหน้านี้ที่ทางผู้จัดการรายวัน 360 องศาได้รวบรวมตัวเลขไว้ว่าตลาดซีรีส์วายมีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท โดยกลุ่มเป้าหมายคือ กลุ่มสาวๆ ทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ โสดและไม่โสด ต่างก็ยกหัวใจถวายชีวิตให้ดาราสายวายไปจนหมดแล้ว ซึ่งไม่ใช่แค่สาวไทยที่เสียอาการ แต่ลามไปเป็นเทรนด์ที่สาวๆ ทั่วเอเชียและทั่วโลกกำลังตกหลุมรักหนุ่มวายไปแล้วเช่นกัน
การที่ซีรีส์วายมีโอการเติบโตได้อย่างมหาศาล เกิดเป็นปรากฏการณ์สาววายสายจิ้นนั้น ทาง “ไลน์” ได้ทำการเจาะลึกอินไซด์เกี่ยวกับตลาดสาววายได้อย่างน่าสนใจ และนักการตลาดไม่ควรมองข้าม เพราะสาววายเป็นสายเปย์ที่แท้ทรู
นายนรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ LINE ประเทศไทย เปิดเผยว่า จากข้อมูลเชิงสถิติบนแพลตฟอร์ม LINE ในปัจจุบันชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมใหม่ๆ ของผู้บริโภคมากมายหลายด้าน เรียกเทรนด์นี้ว่า “New Human” หรือผู้บริโภคกับพฤติกรรมใหม่
ตัวอย่างเทรนด์นี้ที่เห็นได้ชัด คือ “กระแสซีรีส์วาย” พลิกจากความชอบเฉพาะกลุ่มสู่พฤติกรรมกระแสหลักของผู้ชมชาวไทย ก่อนจุดติดเป็นกระแสซีรีส์วายฟีเวอร์ทั่วเอเชีย สร้างกลุ่มแฟนตัวจริงหรือ Fandom ที่พร้อมสนับสนุนนักแสดงซีรีส์วายในดวงใจ ก่อให้เกิดรูปแบบธุรกิจใหม่ Y-Economy ด้วยการใช้ศิลปิน นักแสดงเป็นกลไกนำไปสู่ความจงรักภักดีต่อแบรนด์ และการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ทางไลน์ได้ศึกษาแบบเจาะลึกศึกษาอินไซด์พฤติกรรมผู้ชมบน LINE TV พบว่า 80% ของผู้ชมซีรีส์วายชาวไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงราว 18,986,376 คน หรือเกือบ 20 ล้านคน นิยมดูซีรีส์วายผ่านช่องทาง LINE TV เป็นหลัก ซึ่งกลายเป็นเทรนด์ที่ขยายไปทั่วเอเชียและทั่วโลก เกิดเป็นพฤติกรรมใหม่ที่น่าจับตามอง
*** เปิดพฤติกรรม 3 ระดับสาววาย
นอกจากนี้ หากเจาะลึกในรายละเอียด ยังพบด้วยว่ากลุ่มสาววายที่นิยมดูซีรีส์วายนั้นแบ่งพฤติกรรมได้ 3 ระดับ คือ 1. New Adopter หรือกลุ่มหน้าใหม่ที่เริ่มดูซีรีส์วายครั้งแรก กลุ่มนี้ยังมีพฤติกรรมผู้บริโภคไม่แตกต่างจากทั่วไป
2. Core Watchers เป็นกลุ่มที่อัปเกรดมาจากกลุ่มแรก ที่เริ่มติดใจ สนใจ แล้วชวนเพื่อนมาดู มาพูดคุยในเรื่องเดียวกัน เป็นคอมมูนิตีเล็กๆ
3. Fandom เป็นกลุ่มที่มีความสนใจดารานักแสดงชายที่เล่นซีรีส์วายหนักมาก เป็นกลุ่มที่พร้อมซัปพอร์ตดารานักแสดงชายสายวายคนโปรดอย่างไม่มีข้อแม้ และพร้อมทำทุกวิถีทางที่จะช่วยให้นักแสดงคนโปรดคนนั้นดังขึ้นและเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการดูซีรีส์ จะเปิดทั้งในแท็บเล็ต มือถือ หรือแม้แต่ช่องทางทีวี เพื่อช่วยเพิ่มยอดวิว เพิ่มเรตติ้ง และหากนักแสดงคนนั้นได้งานพรีเซ็นเตอร์ หรือเห็นว่าอิงการใช้สินค้าตัวใด ก็พร้อมซื้อและสนับสนุนในทันที
สำหรับพฤติกรรมของสาววายที่เกิดขึ้น โดยพร้อมสนับสนุนนักแสดงซีรีส์วายในดวงใจ ก่อให้เกิดรูปแบบธุรกิจใหม่ ที่เรียกว่า “Y-Economy” คือ การใช้ศิลปิน นักแสดงสายวาย เป็นกลไกนำไปสู่ความจงรักภักดีต่อแบรนด์ และการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าที่เกี่ยวข้อง โดยคิดเป็นมูลค่ามหาศาล เนื่องจากพลังสาววาย พร้อมเปย์หนักอย่างไม่น่าเชื่อ
*** หนักถึงขั้นซื้อบิลบอร์ดไทม์สแควร์
นักการตลาดจึงไม่ควรมองข้ามตลาดสาววาย และต้องฉลาดพอที่จะทำการตลาดกับกลุ่มนี้ เพราะเป็นกลุ่มที่พร้อมเปย์ก็จริง แต่ก็ฉลาดที่จะเปย์เช่นกัน
“พฤติกรรมสาววายเป็นกลุ่มที่พร้อมจ่ายหนักในการซัปพอร์ตดาราสายวายในดวงใจ โดยยึดคติขนาดว่า ไม่มีกินแต่ต้องมีของให้ดาราคนนั้นทุกครั้งที่เจอกัน ต้องตามไปดูทุกอีเวนต์ที่ปรากฏตัว ต้องสนับสนุนผลงานทุกชิ้น และซื้อสินค้าทุกอย่างที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ ช่วยโปรโมตให้ดังมากขึ้นในวงกว้าง อย่างกรณี “สิงโต ปราชญา” นักแสดงนำ "Sotus The Series พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง" ถึงขนาดที่ว่า Fandom ทั้งสาวไทยและสาวจีนทุ่มเงินกว่า 20 ล้านบาทซื้อโฆษณาบนป้ายบิลบอร์ดย่านไทม์สแควร์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา อวยพรวันเกิดและให้กำลังใจกันมาแล้ว” นายนรสิทธิ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม นักการตลาดสามารถเข้าไปทำตลาดในรูปแบบ Y-Economy ได้ตั้งแต่ การเข้าไปมีส่วนในซีรีส์วาย ไม่ว่าจะเป็นการไทอินแบรนด์หรือสินค้า แต่หากทำไม่เนียนไม่เรียล ดูเหมือนยัดเยียดจนเกินไป กลุ่มสาววายก็พร้อมต่อต้านและตอบโต้ทันที เพราะทำให้นักแสดงที่ตนชื่นชอบเหมือนถูกยัดเยียดให้ขายสินค้าจนเกินไป แต่ถ้าทำได้ดีจริง สาววายก็พร้อมจะเชื่อและซื้อสินค้านั้นทันทีอย่างไม่มีข้อแม้
นอกจากนี้ ยังสามารถเพิ่มซีนพิเศษ ตอนพิเศษที่ไม่มีในซีรีส์ แต่แบรนด์พร้อมสนองให้กลุ่ม Fandom ให้รับชมกันเป็นพิเศษ ทำให้ได้ใจสาววายไปเต็มๆ เช่น ซีนคู่จิ้น เป็นต้น การที่แบรนด์กล้าเข้ามาเล่นกับกลุ่มซีรีส์วายจะถูกให้การยอมรับจากสาววายในฐานะที่เป็น แบรนด์ที่มีความกล้าหาญ แบรนด์ที่มีความทันสมัย และก่อให้เกิดความจงรักภักดีต่อแบรนด์อย่างเหนียวแน่น
นายนรสิทธิ์กล่าวต่อว่า ซีรีส์วายที่ได้รับความนิยมนั้น ส่วนหนึ่งมาจากนิยายกลุ่ม Boy love ที่ได้รับความนิยมอยู่ก่อนแล้ว ซี่งหนังสือกลุ่มนี้ถือเป็นตลาดหนังสือนิยายอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าสนใจและกำลังเติบโตสูงมาก และหากเป็นผลงานที่ชื่นชอบและถูกนำมาทำเป็นซีรีส์ และใช้นักแสดงที่เคมีมีความจิ้นเข้ากันด้วยแล้ว ยิ่งทำให้สาววายพร้อมสนับสนุนในทุกช่องทาง
*** พลังสาววายสู่ความจิ้นนอกจอ
นอกจากความจิ้นในจอที่เกิดจากซีรีส์แล้ว ยังมีกลุ่มสาววายอีกกลุ่มที่พร้อมจิ้นนอกจอกับนักแสดงชายด้วยกัน เช่น “โป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ” กับ “เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี” จนกลายเป็นแฮชแท็กฮิตบนทวิตเตอร์ #คู่จิ้นรุ่นลุง #โป๊ปเต๋อ เป็นต้น
ล่าสุดสองหนุ่มนักแสดงคู่จิ้น “โอห์ม-ฐิติวัฒน์ ฤทธิ์ประเสริฐ” และ “ฟลุ้ค-ณธัช ศิริพงษ์ธร” จากซีรีส์เรื่องฮิต “Until We Meet Again the Series” (ด้ายแดง) ซึ่งต่อมาทางโอห์มได้เป็นหนึ่งในนักแสดงหลักกับละครเรื่อง ภูตรัตติกาล ของทางช่อง 8 แต่จากที่ผู้ใหญ่ได้เห็นถึงกระแสเรียกร้องให้มีงานคู่จึงจับเอา "ฟลุ้ค ณธัช" มาร่วมแสดงรับเชิญในเรื่องด้วย โดยได้มีการเพิ่มบทของฟลุ้คมาโดยเฉพาะ จากเดิมที่ละครถ่ายไปแล้วครึ่งเรื่อง ส่งผลให้ละครเรื่องนี้ต้องเพิ่มตอนเข้าไปอีก
อีกกรณีล่าสุดอย่าง กองละครภูตรัตติกาล ได้เปิดให้แฟนคลับ My Blue หรือแฟนคลับของคู่จิ้นวายอย่าง OHM-FLUKE ให้เข้าไปเยี่ยมนักแสดงที่กองถ่ายได้ 1 วันเพื่อเป็นการตอบแทน ซึ่งพบว่างานนี้เหล่าแฟนๆ สาววายไปกันมากมาย พร้อมมี Food Support จากแฟนคลับชาวไทยและแฟนคลับต่างประเทศ ร่วมส่งไปให้บริการถึงที่เพื่อเป็นการขอบคุณ ที่สำคัญ พลังสาววายยังส่งให้ละครภูตรัตติกาลขึ้นเทรนด์ฮิตบนทวิตเตอร์มาแล้ว จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมละครเรื่องนี้จึงต้องมีการเพิ่มตอนออกอากาศไปอีกเกือบ 2 สัปดาห์
รวมถึงช่อง 8 ในเครืออาร์เอส ก็มีแนวคิดที่จะทำซีรีส์วายลงผังเช่นกัน เพราะมองเห็นโอกาสในการทำตลาดได้อย่างดี เพราะพลังสาววาย คือกลุ่มเป้าหมายที่จะกลายเป็นผู้ซื้อสินค้าจากทาง RSMall ได้เป็นกอบเป็นกำนั่นเอง