ผู้จัดการรายวัน - LINE ประกาศเดินหน้าเป็นแพลตฟอร์มแห่งอนาคตสำหรับทุกธุรกิจ เผยเทรนด์สำคัญพร้อมโซลูชันใหม่ขับเคลื่อนธุรกิจไทยสู่โลกดิจิทัล ชี้สถานการณ์ไทยเปลี่ยนจาก Globalization สู่ Decentralization ด้วย 3 เทรนด์ใหม่ พร้อมนำเสนอโซลูชันใหม่สอดรับ 3 เทรนด์สู่การเป็นดิจิทัลแพลตฟอร์มแห่งอนาคตสำหรับธุรกิจทุกประเภท
นายนรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ LINE ประเทศไทย เปิดเผยว่า การระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ทุกธุรกิจเร่งปรับตัว และได้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่พลิกโฉมธุรกิจทั่วโลกครั้งใหญ่ไปโดยสิ้นเชิง คือการก้าวขึ้นสู่โลกออนไลน์อย่างรวดเร็วโดยไม่ได้มีสูตรสำเร็จในการใช้ดิจิทัลรับมือวิกฤตครั้งนี้มาก่อน
เราจึงมองว่าการทำธุรกิจแบบ Decentralization ที่ให้ความสำคัญต่อภาคส่วนย่อยมากขึ้น สามารถสอดรับการเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันนี้ได้เป็นอย่างดี ควบคู่กับเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดในปัจจุบัน
นีลเส็น ประเทศไทย ได้เปิดเผยข้อมูลและแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไประหว่างช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา สรุปออกมาเป็น 4 ประเด็นสำคัญ ได้แก่
1. Basket ผู้บริโภคมีแนวโน้มเลือกซื้อสินค้าในปริมาณน้อยลง, 2. Homebody ผู้บริโภคนิยมหันมาดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่บ้าน, 3. Rational ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าโดยคำนึงถึงเหตุผลมากขึ้น และ 4. Affordability ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าโดยคำนึงปัจจัยด้านราคามากขึ้น
นายนรสิทธิ์กล่าวต่อว่า จากข้อมูลเชิงสถิติบนแพลตฟอร์ม LINE ในปัจจุบันชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมใหม่ๆ ของผู้บริโภคมากมายหลายด้าน เรียกเทรนด์นี้ว่า
1. New Human หรือผู้บริโภคกับพฤติกรรมใหม่ ตัวอย่างเทรนด์นี้ที่เห็นได้ชัดคือกระแสซีรีส์วายพลิกจากความชอบเฉพาะกลุ่มสู่พฤติกรรมกระแสหลักของผู้ชมชาวไทยก่อนจุดติดเป็นกระแสซีรีส์วายฟีเวอร์ทั่วเอเชีย สร้างกลุ่มแฟนตัวจริง หรือ Fandom ที่พร้อมสนับสนุนนักแสดงซีรีส์วายในดวงใจ ก่อให้เกิดรูปแบบธุรกิจใหม่ Y-Economy ด้วยการใช้ศิลปิน นักแสดงเป็นกลไกนำไปสู่ความจงรักภักดีต่อแบรนด์และการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าที่เกี่ยวข้อง
จากข้อมูลผลสำรวจโดย LINE ประเทศไทยยังพบว่า 80% ของผู้ชมซีรีส์วายชาวไทยคือเกือบ 20 ล้านคนนิยมดูซีรีส์วายผ่านช่องทาง LINE TV เป็นหลัก
2. New Rule บรรทัดฐานใหม่ในการเก็บข้อมูลไม่พึ่งพาคนกลาง การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประเด็นที่ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมาที่อาจส่งผลต่อทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งในฝั่งแพลตฟอร์มและฝั่งแบรนด์ การเก็บข้อมูลโดยตรงจากลูกค้า (First-party data) จึงเป็นทางออกที่ทุกกลุ่มธุรกิจควรให้ความสำคัญ และควรเริ่มเตรียมตัว ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ วิธีดำเนินธุรกิจให้สอดคล้อง รองรับมาตรการเหล่านี้ให้ทันท่วงที
ทาง LINE จึงเปิดให้แบรนด์สามารถเก็บข้อมูลโดยตรงจากลูกค้าบนแพลตฟอร์ม LINE มานานเกือบ 3 ปีผ่าน LINE Business Connect for CRM (BCRM) โดยในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา LINE มีฐานข้อมูลสะสมที่ได้รับโดยตรงจากผู้ใช้งานมากกว่า 300 ล้านโปรไฟล์รวมจากทุกแบรนด์ที่ใช้บริการ
3. New Power เอเชียได้ก้าวเข้ามาเป็นขั้วอำนาจทางเศรษฐกิจใหม่ของโลก เฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มูลค่าการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ใน 3 ไตรมาสแรกมีมูลค่ารวมกว่า 24 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ มากกว่าทวีปอเมริกาเหนือกว่า 3 เท่า ส่งให้เอเชียกลายเป็น New Power ที่อิทธิพลและพลังเหนือภูมิภาคอื่นทั่วโลก
ประเทศไทยขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลกในด้านการชอปปิ้งผ่านโซเชียลมีเดียมาตั้งแต่ปี 2552 โดยเฉพาะ Chat Commerce ซึ่งมีผลสำรวจเผยว่าเป็นช่องทางการซื้อขายรูปแบบ E-Commerce ที่ดีที่สุดสำหรับเอสเอ็มอีไทย หากวัดจากผลตอบแทนจากการลงทุน หรือ ROI - Return on Investment 3 จึงอาจกล่าวได้ว่า Chat Commerce คือช่องทางที่ดีที่สุดสำหรับการขายสินค้าแบบ E-Commerce ที่เหมาะและตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยได้อย่างลงตัว
ทั้งนี้ LINE ได้แนะนำเครื่องมือและโซลูชันใหม่ๆ เพื่อการเติบโตของทุกธุรกิจไทยสู่ยุค Decentralization ไม่ว่าจะเป็น 1. MyRestaurant โซลูชันสำหรับจัดการบริการต่างๆ ด้านธุรกิจอาหารบน LINE OA ภายใต้ความร่วมมือจาก LINE MAN Wongnai ช่วยดูแลธุรกิจอาหารตั้งแต่บนโลกออนไลน์ถึงหน้าร้านและบริการจัดส่งอย่างครบวงจร
2. Event Stickers สติกเกอร์รูปแบบใหม่ที่แบรนด์สามารถกำหนดยอดดาวน์โหลดได้เองเพื่อควบคุมงบประมาณได้ตามต้องการ เป็นการขยายฐานให้กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถเข้าถึงโซลูชันนี้ในการทำธุรกิจได้มากขึ้น
3. LINE OA Store แหล่งรวมเครื่องมือและโซลูชันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ LINE OA ในด้านต่างๆ โดยมีแผนเปิดให้ใช้งานภายในสิ้นปีนี้เช่นเดียวกับ MyRestaurant