เคบีทีจี (KBTG) ประกาศเป้าหมายใน 5 ปีข้างหน้า ก้าวสู่การเป็นผู้นำทางด้านแบงกิ้งในกลุ่มประเทศเออีซี พร้อมสร้าง Development Hub ใน 3 ประเทศ ทั้งไทย เวียดนาม และจีน ภายใต้กรอบวัฒนธรรมองค์กร “One KBTG” ที่หลอมรวมกันเป็นหนึ่ง สู่เป้าหมาย “Think Thailand Think KBTG”
นายเรืองโรจน์ พูนผล ประธาน กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) เปิดเผยว่า จากวิกฤตโควิด-19 ที่ส่งผลให้รูปแบบการดำเนินชีวิตในสังคมปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปสู่วิถีใหม่ที่แตกต่างจากอดีตอย่างรวดเร็ว ทาง KBTG ทำทรานส์ฟอร์เมชันครั้งสำคัญที่สุดภายใต้แนวคิด “วัน เคบีทีจี” (One KBTG) โดยมีแกนสำคัญในการปฏิรูปวัฒนธรรมองค์กร การปฏิรูปกระบวนการทำงาน (Agile Transformation) และการให้พนักงานมีส่วนร่วม (Transformation Community) เพื่อผลักดันให้ KBTG เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง และตั้งเป้าหมายเป็นผู้นำทางด้านแบงกิ้งในเออีซี ซึ่งสอดคล้องต่อยุทธศาสตร์ของธนาคารกสิกรไทยที่มีเป้าหมายสู่ธนาคารแห่งภูมิภาค (Regional Bank)
โดยยุทธศาสตร์การดำเนินงานของ KBTG ซึ่งจะสร้างความเข้มแข็งให้แก่องค์กรผ่าน 3 แกนหลัก คือ 1.เพื่อให้ลูกค้าทุกรายสามารถทำธุรกิจต่อได้ ทำให้คนรู้จักออมเงิน ลงทุน และซื้อประกัน ซึ่งเป็นเสาหลัก 2.ทำให้เกิดสมดุลทางการเงินของชีวิต และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าให้มากที่สุดเพราะมีเงินสะสม นำเงินส่วนที่เหลือไปลงทุนเพื่อที่จะเกษียณได้ 3.เปลี่ยนรูปแบบธุรกิจธนาคารแบบเดิมเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่จะนำนวัตกรรมออกไปให้แก่ทุกๆ คนได้ใช้ ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ที่ไหน หรือทำธุรกรรมรูปแบบใด
"เมื่อธนาคารกสิกรไทยได้ก้าวสู่การเป็น 1 ใน 20 ธนาคารที่ดีที่สุดในเอเซียแปซิฟิก KBTG ก็อยากจะตามสู่ไปสู่จุดนั้นเช่นกัน จึงทำให้เราต้องมอง ต้องก้าวไปข้างหน้าไปก้าวหนึ่งเสมอ โดยขณะนี้ KBTG ได้ตั้ง Development Hub ขึ้นใน 3 ประเทศ คือ ไทย เวียดนาม และจีน และในต้นปีหน้าจะเปิด KASIKORN X(KX)เพื่อสร้างบิสิเนสโมเดลใหม่ๆ โดยมีนโยบายจะเพิ่มทีมงานจากปัจจุบันที่ 1,500 คน เป็น 1,900 คนภายในปี 2568 เพื่อรองรับการขยายงาน ซึ่งน่าจะเห็นได้ผลงานใหม่ออกมาอย่างเต็มที่ เนื่องจากปีนี้ยังติดโควิด-19 ทำให้ยังติดขัดหลายอย่าง ขณะที่ผลงานของเราที่ออกมาก่อนหน้านี้ ได้แก่ แอปพลิเคชันขุนทอง Make eatable ก็ได้รับการตอบรับที่ดี"
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาในส่วนแอปพลิเคชันขุนทองมีลูกค้าดาวน์โหลดแล้ว 500,000 ราย แอป Make ดาวน์โหลดแล้ว 20,000 ราย Eatable 10,000 ราย และมีพันธมิตรใช้ Contactless Technology 20 ราย ขณะที่ยอดผู้ใช้งาน K+ ปัจจุบันอยู่ที่ราว 14 ล้านคน คาดว่าจะมียอดทำธุรกรรมทำสถิติกว่า 20,000 ล้านรายการในปีนี้ และมียอดผู้ใช้งาน K+ แตะ 15 ล้านคนในสิ้นปี
นอกจากนี้ KBTG ได้ตั้ง Development Hub ขึ้นใน 3 ประเทศ คือ ไทย เวียดนาม และจีน เพื่อให้การพัฒนาเทคโนโลยีได้ทันกับโครงสร้างการให้บริการของธนาคารกสิกรไทยและพันธมิตรที่มุ่งสู่ดิจิทัล แบงกิ้งมากขึ้น
ขณะที่ธนาคารกสิกรไทย ประสบความสำเร็จในการให้บริการ QR KBank ใน สปป.ลาว และได้ขยายบริการจากนครหลวงเวียงจันทน์ไปที่สะหวันนะเขตเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าใช้บริการแล้ว 70,000 ราย คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 200,000 ราย
ส่วนในพม่า ได้ร่วมกับเอยาวดี ฟาร์มเมอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ แบงก์ หรือเอแบงก์ เตรียมนำแอปพลิเคชัน K+ ไปพัฒนาใช้ในพม่าในชื่อ A+ และในประเทศจีน KBTG เปิด K-TECH ที่เมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน โดยมีทุนจดทะเบียน 300 ล้านหยวนเรียบร้อยแล้ว ตั้งเป้าจะรับพนักงานประมาณ 300 คน โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาเทคโนโลยีการทางเงิน