เลขาฯ ก้าวหน้าเสนอ 5 ข้อ เลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ยุติดำเนินคดีม็อบ สร้างบรรยากาศทำรัฐธรรมนูญ ประกันสิทธิกระบวนการยุติธรรมผู้ถูกจับ “ประยุทธ์” เสียสละลาออก ขอศาลเป็นปราการด่านสุดท้ายพิทักษ์สิทธิมนุษยชน สร้างพื้นที่ปลอดภัยอภิปรายปมสถาบัน เผย สน.มักกะสันอ้าง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ค้นแต่ไม่เจอสิ่งผิดกฎหมาย
วันนี้ (16 ต.ค.) ที่ทำการคณะก้าวหน้า อาคารไทยซัมมิท ถ.เพชรบุรี นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตามมาตรา 11 ของ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2558 ว่า การเดินขบวนของผู้ชุมนุมไปที่ทำเนียบรัฐบาลไม่มีอะไรที่เป็นความรุนแรง ไม่มีการทำลายทรัพย์สิน พล.อ.ประยุทธ์เลือกมาตรา 11 เพราะไม่พอใจ ไม่สบายใจกับข้อเสนอการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ การชุมนุมที่ พล.อ.ประยุทธ์คิดว่ากระทบต่อขบวนเสด็จ และอาจกระทบต่อตำแหน่ง โดยยืนยันว่าการชุมนุมวันละ 2-3 ชั่วโมงไม่ได้กระทบต่อชาติ และยังมีกฎหมายอื่นให้ใช้ หาก พล.อ.ประยุทธ์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแบบฟุ่มเฟือยต่อไป ก็ย่อมสามารถใช้รวบยึดอำนาจสู่ตัวเอง เป็นการทำรัฐประหารแบบไม่ต้องฉีกรัฐธรรมนูญ ขณะที่การประกาศก็ไม่ต้องถูกตรวจสอบ
ส่วนการออกหมายจับ นายเอกชัย หงส์กังวาน และนายบุญเกื้อหนุน เป้าทอง ในความผิดกฎหมายอาญามาตรา 110 ร่วมกันกระทำการประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินี มีโทษสูงสุดจำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุก 16-20 ปีนั้น เลขาธิการคณะก้าวหน้ากล่าวว่า เหตุการณ์ในวันนั้นประชาชนเพียงยืนชุมนุมรอบๆ แล้วชูสามนิ้ว ตะโกนบ้าง แต่ไม่มีการประทุษร้ายต่อเสรีภาพ พร้อมยืนยันแกนนำผู้ชุมนุมตั้งใจหลีกเลี่ยงที่จะไม่เผชิญกับขบวนเสด็จ และไม่มีใครทราบมาก่อนว่าจะมีการเสด็จของพระราชินีผ่านทำเนียบรัฐบาลมาทางสะพานชมัยมรุเชษฐ ถ้าหากจะตั้งข้อกล่าวหา ควรที่จะต้องสืบสวนข้อเท็จจริงให้ชัดว่าที่ขบวนเสด็จพระราชดำเนินเลือกเส้นทางนี้ เจ้าหน้าที่ทราบมาก่อนหรือไม่
นายปิยบุตรกล่าวว่า เราต้องยอมรับความจริง สร้างพื้นที่ให้กับการพูดคุย ซึ่งตนมีข้อเสนอ คือ 1. ต้องยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายเแรงในเขตกรุงเทพมหานคร ยุติการดำเนินคดีผู้ชุมนุมทั้งหมดทันที และสร้างบรรยากาศแห่งการทำรัฐธรรมนูญใหม่ไปด้วยกัน 2. ประกันสิทธิในกระบวนการยุติธรรมให้ผู้ถูกจับกุม ทุกคนต้องรู้ว่าจะโดนข้อหาอะไร ถูกจับกุมที่ไหน ต้องรู้และมีสิทธิในการมีทนายความเข้าเยี่ยม 3. พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ควรเสียสละเพื่อประเทศไทยลาออกจากตำแหน่ง เพราะอยู่ในอำนาจมา 6 ปีนานเกินพอแล้ว นี่จะเป็นการทำคุณูปการครั้งใหญ่ครั้งสุดท้าย ตราบที่ยังอยู่ในตำแหน่งประเทศนี้เดินต่อไปไม่ได้ 4. เรียกร้องไปยังศาลหรือองค์กรตุลาการ เมื่อใดที่รัฐบาลลุแก่อำนาจมากขึ้น ขอให้เป็นปราการด่านสุดท้ายที่จะพิทักษ์สิทธิมนุษยชน และ 5. ต้องมีความพยายามช่วยกันในการเปิดพื้นที่ปลอดภัยในการอภิปราย ถกเถียง พูดคุยเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างจริงใจและตรงไปตรงมา เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันให้อยู่คู่ประชาธิปไตย เปิดพื้นที่ให้เยาวชนแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา มีวุฒิภาวะ
ต่อมานายปิยบุตรได้แถลงภายหลังพูดคุยกับตำรวจ สน.มักกะสัน ที่เข้ามาตรวจค้นภายในที่ทำการว่า การตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ได้อ้างตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งเมื่อมาดูแล้วไม่มีอะไร ก็ได้มีการทำบันทึกอ่านให้ทราบว่า ตรวจแล้วไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย และตนได้ลงนามรับทราบเรียบร้อยแล้ว จะไม่มีการตั้งข้อกล่าวหา หรือร้องทุกข์กล่าวโทษใดๆ ทั้งสิ้น