xs
xsm
sm
md
lg

“สมชาย” หนุนขยายเวลาประชุม กมธ.พิจารณาร่างแก้ รธน. หลังงดเลี่ยงม็อบ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (แฟ้มภาพ)
“ส.ว.สมชาย” ออกตัวสนับสนุนขยายเวลาการประชุม กมธ.พิจารณาร่างแก้ รธน. เหตุต้องงดประชุมเลี่ยงม็อบ ยันฝ่ายมั่นคงไม่แทรกแซง เผย กมธ.ไม่ลงมติชี้ขาดร่าง รธน. แค่ให้ความเห็นส่วนตัว

วันนี้ (16 ต.ค.) นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ฐานะที่ที่ปรึกษากรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) ก่อนรับหลักการ รัฐสภา กล่าวสนับสนุนต่อการขอขยายเวลาการประชุม กมธ.ตามที่นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ฐานะประธาน กมธ. เตรียมเสนอเรื่องต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เพราะมองว่าการงดประชุม กมธ.จำนวน 2 นัด เมื่อวันที่ 15-16 ตุลาคม หลังจากที่มีความกังวลเรื่องการชุมนุมและการรักษาความปลอดภัยพื้นที่ราชการสำคัญนั้นทำให้ช่วงเวลาพิจารณาหายไป แม้วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคมจะนัดประชุมเพิ่มเติมก็ตาม ทั้งนี้ การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญถือเป็นเรื่องสำคัญ​ดังนั้นควรทำให้รอบคอบ และไม่ควรเร่งรัดจนเกินไป

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่งดประชุมเพราะมีคำสั่งจากฝ่ายความมั่นคงนั้น มีคนตั้งข้อสังเกตว่าคือการแทรกแซงงานนิติบัญญัติ นายสมชายกล่าวว่า ไม่มีการแทรกแซง แต่ต้องรับฟัง เพราะหากมีคนเตือนว่า รัฐสภามีบุคคลขู่วางระเบิดต้องรับฟัง ทั้งนี้ การชุมนุวันที่ 14 ตุลาคมที่มวลชนปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นสถานที่ราชการ อยู่ใกล้กับรัฐสภาด้วย กมธ. ต้องให้ความร่วมมือ และวันที่ 14 ตุลาคมนั้น กมธ. นัดประชุมและพิจารณาไปได้เพียง 1ชั่วโมง 30 นาทีก่อนเห็นพ้องร่วมกันว่าให้ยุติการประชุม

เมื่อถามว่า หากประชุมที่รัฐสภาไม่ได้อีก สามารถย้ายไปที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา อาคารสุขประพฤติได้หรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า ตนไม่ทราบ

เมื่อถามถึงความคืบหน้าการทำงานและวาระที่ต้องพิจารณา นายสมชายกล่าวว่า ขณะนี้การทำงานของกมธ.​ยังมีวาระพิจารณาที่สำคัญ​คือ การรับฟังความเห็นของ กมธ. ต่อญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นรายมาตรา ทั้ง 4 ฉบับและการพิจารณาการจัดทำรายงาน กมธ. รวมถึงรายงานของอนุ กมธ.ด้านกฎหมาย ทั้งนี้ กมธ.เห็นร่วมกันว่าจะไม่ลงมติเพื่อชี้ขาด ดังนั้น การทำงานคือการรับฟังความเห็นของ กมธ.​ทุกคนและทำบันทึกความเห็นเสนอต่อรัฐสภา โดยส่วนตัวให้ความเห็นไปแล้ว ในหลายประเด็น อาทิ ญัตติเสนอแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 270 และมาตรา 271 ว่าด้วยอำนาจ ส.ว.ที่ติดตาม เร่งรัด และเสนอแนะการปฏิรูปประเทศและพิจารณาร่างกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูป ตนเห็นว่าสามารถแก้ไขได้โดยอำนาจของรัฐสภา และไม่ต้องนำไปทำประชามติ เพราะอยู่นอกเหนือเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 อีกทั้งหากแก้ไขควรปรับเนื้อหาซึ่งตนเสนอร่างแก้ไขแล้ว คือ อำนาจการติดตามการปฏิรูปให้เป็นอำนาจร่วมกันของ ส.ว.และ ส.ส. เพื่อให้รัฐมนตรีและข้าราชการให้ความสำคัญ

นายสมชายกล่าวด้วยว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ​ มาตรา 159 และมาตรา 272 ว่าด้วยกระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีในรัฐสภา ที่ให้อำนาจ ส.ว.ร่วมลงมติเลือก ตนมองว่ามาตราที่ให้อำนาจ ส.ว.ร่วมเลือกนายกฯ นั้นมาจากการเสนอคำถามพ่วงตอนทำประชามติรับหรือไม่รับรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ดังนั้นควรทำประชามติถามประชาชน แต่ยังมีประเด็นพิจารณาคือ จะทำประชามติก่อนแก้ไข หรือหลังแก้ไข อย่างไรก็ตาม ยังมี กมธ.หลายคนที่ยังไม่ได้ให้ความเห็นในเรื่องต่างๆ จึงต้องให้ความเป็นธรรมและสิทธิต่อการแสดงความเห็นด้วย ดังนั้น การขยายเวลาทำงานไม่ใช่เพื่อยื้อเวลาตามที่หลายให้ความเห็นแน่นอน


กำลังโหลดความคิดเห็น