วันนี้ (16 ต.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร 2563 ที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ที่มีมวลชนเข้าร่วมการชุมนุมเป็นจำนวนมากว่า ต้องยอมรับความจริงว่าเป็นการชุมนุมที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ของรัฐบาล แต่ก็เป็นการชุมนุมที่มีความสงบเรียบร้อย ไม่มีเหตุการณ์ความวุ่นวายใดๆ เกิดขึ้น เป็นการแสดงออกทางการเมืองตามคำประกาศข้อเรียกร้องของกลุ่มคณะราษฎร 2563 ที่เคยประกาศไว้ และการตัดสินใจของแกนนำคณะราษฎร 2563 ในการเลือกสถานที่การชุมนุม หลังจากถูกสลายการชุมนุมที่บริเวณข้างทำเนียบรัฐบาล มาเป็นบริเวณสี่แยกราชประสงค์ นับว่าเป็นการตัดสินใจเลือกทำเลได้เหมาะสมกับการชุมนุม มีความสะดวกในการเดินทาง อยู่ท่ามกลางย่านธุรกิจ ผู้ชุมนุมมีความสะดวกสบาย และการกำหนดระยะเวลาการชุมนุมตั้งแต่ 17.00 น. ถึง 22.00 น. เป็นเวลาที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง ทำให้มวลชนที่เข้าร่วมการชุมนุมเดินทางกลับบ้านได้ทันเวลารถไฟฟ้า และรถเมล์ ขสมก. อีกทั้งการชุมนุมใช้เวลาไม่ดึกจนเกินไป เป็นผลดีต่อสุขภาพของทุกคน ไม่กระทบต่อการทำงานของประชาชน และการเรียนการสอนของนักเรียน นิสิตนักศึกษาแต่อย่างใด
แม้ว่ารัฐบาลจะมีประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แล้วก็ตาม แต่การชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร 2563 ก็ยังดำเนินการต่อไป ซึ่งไม่เป็นผลดีทั้งฝ่ายรัฐบาลที่ต้องบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ตามที่ประกาศไว้ และฝ่ายผู้ชุมนุมที่กระทำผิดกฎหมาย มีการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แต่อย่างใด เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์การชุมนุมบานปลายออกไป อยากจะเสนอให้รัฐบาลได้ใช้หลักรัฐศาสตร์มากกว่าหลักนิติศาสตร์ในการแก้ปัญหากับกลุ่มผู้ชุมนุม โดยการเปิดโอกาสให้มีตัวแทน ตั้งโต๊ะเจรจาพูดคุยระหว่างตัวแทนรัฐบาลกับตัวแทนผู้ชุมนุม เหมือนสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์เคยทำมาแล้ว เพื่อพูดคุยถึงปัญหาข้อเรียกร้อง และแนวทางแก้ไขปัญหาจากกลุ่มผู้ชุมนุม ว่ามีข้อเรียกร้องอะไรบ้างที่ฝ่ายรัฐบาลสามารถสนองตอบได้ และมีปัญหาข้อเรียกร้องใดบ้างที่จะต้องพูดคุยทำความเข้าใจต่อกัน เพื่อไม่ให้ปัญหาบานปลายกระทบไปยังสถาบันหลักของชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนไม่พึงปรารถนาให้เกิดขึ้นแต่อย่างใด จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายถอยกันคนละก้าวเพื่อหันหน้าเข้าหากัน ทำความเข้าใจแก้ปัญหาร่วมกัน เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติของเราทุกคน