เมืองไทย 360 องศา
ชักเริ่มนั่งไม่ติดเสียแล้ว สำหรับ “นายนิพนธ์ บุญญามณี” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จากพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และละเลยไม่ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด มาตรา 79 เมื่อครั้งที่ดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา โดยทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้ส่งสำนวนและพยานหลักฐานไปยังอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาสั่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
ทั้งนี้ นายนิพนธ์ บุญญามณี ถูกฟ้องจากกรณีละเว้นไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ 2 คัน จำนวน 50 ล้านบาท ให้แก่บริษัท พลวิศว์ เทคพลัส จำกัด ซึ่งเป็นคู่สัญญา ซึ่งจากการที่ ป.ป.ช.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาไต่สวนข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐานการที่ อบจ.สงขลา ยังไม่ดำเนินการเบิกจ่ายเงินให้แก่ผู้ขาย จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยงานบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 ข้อ 64(4) และระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2547 ข้อ 64 และเห็นว่า การเบิกจ่ายเงินล่าช้าดังกล่าวไม่มีเหตุผลอันควร และนำมาสู่การชี้มูลความผิดดังกล่าว
อย่างไรก็ดี โฆษก ป.ป.ช.กล่าวถึงการสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า ยังไม่แน่ชัด เนื่องจากการชี้มูลความผิดดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่ดำรงตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา และปัจจุบันเขาก็ได้พ้นจากตำแหน่งดังกล่าวมาแล้ว แต่ก็ได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปยังอัยการสูงสุด เพื่อส่งฟ้องศาลอาญาคดีทุจริต ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับศาลจะมีคำสั่งออกมาอย่างไร
แม้ว่าเรื่องนี้ยังต้องเข้าสู่การพิจารณาในศาลอาญาคดีทุจริตฯ ยังต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ แต่เมื่อพิจารณาจากที่มา และจากเส้นทางการฟ้องร้องในชั้นที่ผ่านมา ก็ต้องบอกว่า นายนิพนธ์ “น่าหวาดเสียว” โอกาสชนะ หรือหลุดคดีนี้ก็คงต้องลุ้นกันหนักหน่อย เพราะเมื่อพิจารณาจากหลักฐานที่ ป.ป.ช.แถลงออกมาให้เห็นแล้วว่า “หนักเอาการ” เพราะถือว่า “แพ้ตามรายทาง” จากที่มีการร้องเรียนในระดับพื้นที่
ขณะเดียวกัน ในทางการเมืองหลังจากที่มีการชี้มูลความผิดจาก ป.ป.ช.แบบนี้ แม้ว่าในพรรคร่วมรัฐบาลจะไม่มีใครออกมากดดัน โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่กล่าวในทำนองว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่จะมาเป็นรัฐมนตรี และยังต้องเข้ากระบวนการในศาล ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ก็ไม่ได้กดดันอะไรออกมา
แต่ที่น่าจับตากลับกลายเป็นในพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกันเอง โดยเฉพาะคำพูดของ “นายอลงกรณ์ พลบุตร” รองหัวหน้าพรรค ที่ออกมาเรียกร้องให้ นายนิพนธ์ ลาออกทั้งจากตำแหน่งรัฐมนตรี และตำแหน่งการเมืองในพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อรักษามาตรฐานของพรรคในเรื่องจริยธรรม และยกตัวอย่างบุคคลของพรรคในอดีตหลายคนที่ได้แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก เช่น นายวิทยา แก้วภราดัย นายวิฑูรย์ นามบุตร และ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นต้น
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือว่าน่าจับตาไม่น้อย และแม้ว่า ณ ตอนนี้ นายนิพนธ์ บุญญามณี ยืนกรานว่าไม่ลาออก โดยให้เหตุผลว่า เป็นคนละกรณีกัน และอ้างว่า เขาทำหน้าที่เป็นผู้รักษาผลประโยชน์ให้รัฐ ไม่ใช่เป็นการทุจริตก็ตาม แต่ถึงอย่างไรในอนาคตข้างหน้า ที่ไม่นานนักจะต้องเข้าสู่การพิจารณาของศาลอาญาคดีทุจริต ซึ่งถึงตอนนั้นหากศาลรับฟ้อง มันก็มีปัญหาทันที
ต้องลุ้นกันว่าศาลจะสั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ หากสั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ ก็ถือว่าน่ามีปัญหาตามมาไม่น้อย โดยเฉพาะน่าจะเกิดปัญหาปั่นป่วน สั่นสะเทือนมาถึงรัฐบาลอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะการแย่งเก้าอี้รัฐมนตรีที่เชื่อว่าจะต้องเกิดขึ้นตามมาอีก เพราะอย่างที่รู้กันดีว่าภายในพรรคประชาธิปัตย์ มีหลายก๊กหลายเหล่า หากต้องมีการเปลี่ยนคนมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีจริง ก็ย่อมส่งผลสะเทือนมาถึงรัฐบาลอีกรอบ และหากพิจารณาจากแนวโน้มในวันนี้ และจากสำนวนหลักฐานตามที่ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงออกมาแล้ว ถือว่า “หนัก” สำหรับ นายนิพนธ์ ที่นำไปสู่การชี้มูลความผิด ตามมาตรา 157 ดังกล่าว
ดังนั้น หากพิจารณาจากแนวโน้มภายนอกแล้ว ยังเชื่อว่า จะต้องถูกกดดันมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะในเรื่องจริยธรรม และสปิริตในฐานะรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ในอดีตมักชูภาพลักษณ์ในเรื่องแบบนี้มานาน และแม้ว่าในอนาคตผลจะออกมาแบบไหนก็ตาม แต่นาทีนี้ สำหรับ นายนิพนธ์ บุญญามณี ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เก้าอี้เริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ แล้ว !!