ที่ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนผลิตน้ำดี หทัยรัก ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ กรรมการบริหาร พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายเมฆินทร์ เอี่ยมสอาด ผู้อำนวยการศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์และช่วยเหลือประชาชน พรรคประชาธิปัตย์ (BLUE HOUSE) และคณะ ลงพื้นที่ชุมชนดังกล่าว เพื่อเยี่ยมเยียนเด็กจากครอบครัวที่พ่อแม่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยมีการแจกนมผงสำหรับเด็กอ่อนและนมจืดสำหรับเด็กเล็ก ตามนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ที่เน้นการช่วยเหลือให้ตรงจุดในกลุ่มแม่และเด็ก เนื่องจากครอบครัวที่มีลูกเล็กเวลามีปัญหาเรื่องการเงินจะได้รับผลกระทบมาก เพราะมีค่าใช้จ่ายหลายอย่างที่ไม่สามารถลดได้ อีกทั้งเพื่อเป็นการสร้างรอยยิ้มให้กับเด็ก ทางศูนย์ฯ ก็ได้มีการแจกขนมและไอศกรีมด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ดร.รัชดา และคณะ ยังได้ลงพื้นที่เยี่ยมเยียน 3 ครอบครัว คือ ครอบครัวยากจนพ่อติดยา ครอบครัวบ้านถูกไฟไหม้ ซึ่งคนในชุมชนช่วยเอาเศษไม้ไปสร้างบ้านให้เพื่อพออยู่อาศัยไปก่อน และครอบครัวยากจนมีลูกป่วยจิตเวช ทั้งนี้ได้มีการดูแลเบื้องต้นให้ผ่านพ้นความยากลำบากช่วงนี้ไปก่อน และจะประสานให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ช่วยดูแลต่อไปด้วย
ทั้งนี้ ดร.รัชดา กล่าวภายหลังจากการลงพื้นที่ ว่า ที่ผ่านมา ในฐานะของรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ได้มีการนำเสนอผลงานของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาการระบาดของไวรัส ในด้านการดูแลสังคมมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในการลงพื้นที่ที่ชุมชนแห่งนี้ ทางตนพร้อมกับทางศูนย์ฯ ได้แจกจ่ายนมและแจกขนมพร้อมไอศกรีมด้วย เพื่อเป็นการเสริมพลังและสร้างรอยยิ้มให้กับเด็กๆ ที่อยู่ในชุมชนแห่งนี้เกือบๆ 100 คน ซึ่งถือเป็นพลังของชาติในอนาคต นอกจากนี้ ตนก็ยังได้เยี่ยมเยียนสอบถามทุกข์สุขของชาวบ้าน 3 ครอบครัว ซึ่งตนก็จะได้นำสิ่งที่ได้พูดคุยและปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อนำเสนอให้กับทางพรรค ผู้เกี่ยวข้อง และรัฐบาล ให้ดำเนินการต่อไป ตามหลักการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ให้ 3 องค์ประกอบสำคัญ คือ รัฐมนตรี ส.ส. และกรรมการบริหารพรรค ทำงานสอดประสานซึ่งกันและกัน เพื่อผลักดันการแก้ไขปัญหาประชาชนจนประสบผลสำเร็จ
ด้าน นายเมฆินทร์ กล่าวว่า ทางศูนย์ฯ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาเด็กและเยาวชน
ซึ่งเป็นวัยที่พร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อนำไปพัฒนาประเทศอนาคต ดังนั้น หากเด็กขาดนมซึ่งเป็นสารอาหารที่บำรุงสมองแล้วนั้น ก็จะทำให้กระบวนการเรียนรู้ช้าลงด้วย ดังนั้น ทางศูนย์ฯ จึงได้มีการแจกนม เพื่อให้เด็กๆ ได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่และถือเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองท่ามกลางการระบาดของไวรัสชนิดนี้
นอกจากนี้ จากการลงพื้นที่ภายในบ้าน 3 หลังของชุมชนนี้ ปรากฏว่า มีปัญหาที่แตกต่างกัน แต่ที่สำคัญก็คือ หากมีการระบาดของไวรัสดังกล่าวในรอบที่ 2 แล้ว จะทำให้กลุ่มคนที่เปราะบางเหล่านี้ ไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้เหมือนกับคนอื่นๆ ดังนั้น ตนจึงอยากให้รัฐบาล ใช้โอกาสนี้ เร่งสำรวจประชาชน ที่ยังยากไร้และอยู่ในชุมชนแออัด เพื่อให้เป็นฐานข้อมูลที่สำคัญในการช่วยเหลือ ถ้าหากไวรัสชนิดนี้กลับมาระบาดอีกครั้ง ก็จะได้เป็นคนกลุ่มแรกๆ ที่ได้รับการเยียวยาได้อย่างครบถ้วนและไม่มีตกหล่นอีกด้วย