อีแอบ “ล้มเจ้า” หวัง “เสื้อแดง” ผสมโรง! “จอม” ปลุกสู้อีกเพื่อชัยชนะ ลบมลทิน “เผาบ้านเผาเมือง” RED USA โชว์พลังหนุน “เยาวชนปลดแอก” จัดขบวนรถยนต์ติดโบขาว ไฟกะพริบส่งมาร่วม “แก้วสรร” เผย “ความคับแค้นที่แท้จริง”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (15 ก.ย. 63) เฟซบุ๊ก Jom Petchpradab ของ นายจอม เพชรประดับ สื่อมวลชนอิสระ ลี้ภัยในสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความระบุว่า
“ปฏิเสธไม่ได้ครับว่า การเติบโตทางการเมืองของเยาวชนนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน ที่รวมพลังกันเคลื่อนไหวต่อสู้กับอำนาจเผด็จการ และการเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่การเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ในขณะนี้นั้น มาจากผลพวงการต่อสู้ของคนเสื้อแดงเมื่อ 15 ปีที่แล้ว
พลังเยาวชน นักเรียน นักศึกษา ประชาชนที่ลุกขึ้นมาต่อสู้อยู่ในเวลานี้ จึงเปรียบเสมือนการได้ช่วยชำระประวัติศาสตร์ และชำระรอยมลทินให้กับ “คนเสื้อแดง” ไม่ต้องกลายเป็นผู้ก่อการร้าย เผาบ้านเผาเมือง อีกต่อไป
“คนเสื้อแดง” พวกเขารู้สึกอย่างไรต่อการชุมนุม 19 กันยายน ที่จะถึงนี้ ..?
ทำไม..คนเสื้อแดง ถึงสรุปได้ในทันทีตอนนี้ว่า ฝ่ายประชาธิปไตย ประสบชัยชนะแล้ว ..?
และวันที่ 19 กันยายนนี้ คนเสื้อแดงจากทุกสารทิศจะมุ่งหน้าสู่ สนามหลวง กรุงเทพฯ เพื่อร่วมเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็ก ร่วมต่อสู้และปกป้องลูกๆ หลานๆ เยาวชน น้องๆ ของพวกเขาอย่างเต็มที่ ....ติดตามความฮึกเหิมและความภาคภูมิใจของคนเสื้อแดงที่จะได้ลงสนามรบอีกครั้งได้ จากไลฟ์สดผ่านเฟซนี้ และยูทูบ Jomvoice channel คืนวันที่ 15 กันยายนนี้ สามทุ่มเป็นต้นไป ตามวันเวลาประเทศไทย”
ก่อนหน้านี้ ไม่กี่ชั่วโมง เฟซบุ๊ก Jom Petchpradab โพสต์ด้วยว่า
“RED USA จัดกิจกรรมสนับสนุนขบวนการนักเรียนนักศึกษาและประชาชนที่รักประชาธิปไตย ศุกร์ 18 ก.ย. ณ Sequoia Park, Monterey Park, California ตั้งแต่ 10 AM การประท้วงขับไล่เผด็จการและอำมาตย์ศักดินาครั้งนี้ RED USA และคนไทยผู้รักประชาธิปไตยในสหรัฐอเมริกา จะจัดเป็นริ้วขบวนรถยนต์ติดโบขาว เปิดไฟกะพริบวิ่งตามกันไปบนท้องถนน พร้อมให้ผู้ร่วมประท้วงเปิดหน้าต่างรถส่งเสียงขับไล่ประยุทธ์ จันทร์โอชา และเครือข่ายเผด็จการ ทั้งอำมาตย์และศักดินาให้กึกก้องพื้นดินจนดังก้องไปถึงแผ่นฟ้า
RED USA กำหนดให้ขอบถนน Ridgecrest ติดกับ sidewalk ของ Sequoia Park เลขที่ 750 Ridgecrest St., Monterey Park, CA 91754 เป็นจุดรวมพล โดยให้จอดรถต่อท้ายกันเป็นริ้วขบวนในเวลา 10.00 am เพื่อติดตั้ง banners ให้กับรถทุกคัน
ผู้จัดกิจกรรมต้องการรถร่วมขบวนอย่างน้อย 50 คัน ผู้ใดประสงค์นำรถเข้าร่วมกิจกรรมสามารถแจ้งความจำนงได้ที่ช่างแดง (818)633-3119 เพื่อจัดทำแบนเนอร์ให้เท่ากับจำนวนรถต่อไป
ขอให้ผู้เข้าร่วมขบวนขับไล่เผด็จการจัดเตรียมธงขาว โบขาว เพื่อผูกมือ โพกหัว ผูกกระจกข้างรถซ้ายขวา โดยไม่ต้องลงจากรถ เพียงเปิดไฟกะพริบ (Emergency Light) ไขกระจกรถลง โบกมือพร้อมสะบัดโบขาวและตะโกนขับไล่เผด็จการให้สุดเสียงเป็นระยะๆ ตลอดเส้นทาง
เพียงแค่นี้เผด็จการ ประยุทธ์ จันทร์โอชา และเครือข่ายอำมาตย์ศักดินาก็หนาวแล้ว
RED USA ได้รับความร่วมมือจากช่างภาพมืออาชีพ พร้อมขับรถตามขบวนเพื่อถ่ายทำคลิปตลอดเส้นทาง ช่วงไหนสามารถปล่อยโดรนขึ้นไปเก็บภาพได้ก็จะทำ นอกจากนี้ จุดสำคัญๆ ในระหว่างเส้นทางจะมีช่างภาพอีกจำนวนหนึ่ง standby เป็นจุดๆ เพื่อเก็บภาพ และนำไปตัดต่อให้แล้วเสร็จในตอนเย็นหลังจบกิจกรรม
RED USA จะส่งภาพถ่ายและคลิปขึ้นเผยแพร่บน social media และเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพื่อให้กำลังใจนักเรียนนักศึกษาประชาชนที่จัดกิจกรรมขับไล่เผด็จการเพื่อปลดแอกประเทศไทยในตอนบ่ายวันเสาร์ที่ 19 กันยายน 2020 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซึ่งจะมีขึ้นหลังกิจกรรมของ RED USA ในวันที่ 18 กันยายน ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง
RED USA ขอสนับสนุนให้นักเรียนนักศึกษาและประชาชนปลดแอก ร่วมกันยึดคืนสมบัติของประชาชนทั้งหมดกลับคืนมา โดยเริ่มยึดสนามหลวงในวันนั้นเลย ก่อนตามไปยึดสมบัติของชาติคืนในสถานที่อื่นๆ ต่อไป”
สอดรับกับการประเมินสถานการณ์ของฝ่ายความมั่นคง คาดว่า ในวันที่ 19 ก.ย.จะมีมวลชนมาร่วมชุมนุมประมาณ 50,000 คน เพราะครั้งแรกที่ ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต มีคนมาร่วมประมาณ 10,000 คน ส่วนครั้งที่สองที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีคนมาร่วมชุมนุมประมาณ 30,000-40,000 คน
แต่ครั้งนี้จะมีกลุ่มมวลชนของพรรคการเมือง และกลุ่มคนเสื้อแดงจากต่างจังหวัดหลายจังหวัด อาทิ ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ ราชบุรี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ลพบุรี รวมถึงมวลชนในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคอีสานบางส่วน เดินทางเข้ามาร่วมสมทบใน กทม.ด้วย ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ไม่ได้มีเพียงเด็กๆ เยาวชน นักเรียน นักศึกษา แต่เป็นคนมีอายุจนถึงผู้สูงอายุ
ทั้งนี้ เชื่อว่า ไม่มีการปะทะกันรุนแรง เพราะทางเจ้าหน้าที่จะเน้นเจรจาพูดคุย และจะล็อกเป้าไว้ที่แกนนำเท่านั้น โดยคาดว่าการชุมนุมจะไม่ยืดเยื้อ และน่าจะเป็นไปตามที่แกนนำวางแผนไว้
ด้าน นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะศิษย์เก่ารุ่น 12 หลังจากจัดการบันทึกหนุนอธิการบดี พร้อมล่ารายชื่อศิษย์เก่าที่เห็นตรงกัน กรณีไม่อนุญาตให้ใช้ ม.ธรรมศาสตร์ เป็นที่จัดชุมนุมม็อบ “19 ก.ย.”
วันนี้ก็ได้ออกคำชี้แจง 15 กันยา ประกอบคำขอให้ปิดมหาวิทยาลัย
1. คำขอนี้เป็นของศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ กลุ่มหนึ่ง เท่าที่รวบรวมรายชื่อได้ทางไลน์ในเวลา 3 วัน จำนวน 2,924 คน
2. คำขอนี้มีกรอบอยู่ที่สนับสนุนการออกคำสั่ง ไม่อนุญาตให้ชุมนุมของอธิการบดีเท่านั้น ส่วนการบังคับตามคำสั่งไม่อนุญาตว่า ท่านอธิการบดีจะปิดมหาวิทยาลัยจริงๆ อย่างไรนั้น เป็นข้อที่เราไม่ขอก้าวล่วงหรือบีบคั้นด้วยประการใดๆ เพราะจะเป็นการเข้าไปมีอำนาจโดยไม่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง
3. กิจกรรมการรวมตัวนี้ยุติลงเมื่อยื่นบันทึกแล้ว ส่วนไลน์ “ปิด มธ..พอกันทีวีรชน” นั้น จะปิดตามมาในวันที่ 20 หลังจากเก็บข้อมูลรายงานกลุ่มศิษย์เก่าเรียบร้อยแล้วว่า เกิดอะไรขึ้นกับมหาวิทยาลัย ในวันที่ 19-20 กันยา
4. ขอชี้แจงย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า เราไม่ได้ปฏิเสธซึ่งเสรีภาพทางความคิดของนักศึกษากลุ่มนี้หรือของผู้ใด แต่เราเห็นว่า การใช้เสรีภาพในการชุมนุมของเขาในครั้งนี้เป็นการใช้สิทธิที่ยอมรับไม่ได้ จนธรรมศาสตร์ไม่ควรเกี่ยวข้องด้วย ส่วนเขาจะคิดจะพูดอย่างไรไม่ใช่เรื่องที่เราคัดค้าน ในหมู่เราเองก็มีผู้เห็นตรงกับนักศึกษาในเรื่องนั้นเรื่องนี้เช่นกัน แต่พอมาถึงวิธีการแสดงออกด้วยการชุมนุม ในครั้งนี้ เราทุกคนกลับเห็นตรงกันว่ายอมรับให้ใช้ธรรมศาสตร์ไม่ได้
5. คำปฏิเสธนี้เป็นไปตามเหตุผลตามบันทึกที่จ่ายแจกไปแล้วว่า การใช้ชื่อของคนในธรรมศาสตร์และใช้สถานที่ธรรมศาสตร์เพื่อความเคลื่อนไหวที่สุ่มเสี่ยงสูงสุด แต่หาคนรับผิดชอบแท้จริงไม่ได้เช่นนี้ ผิดมาตรฐานประชาธิปไตย และมาตรฐานธรรมศาสตร์โดยสิ้นเชิง
6. เฉพาะในส่วน นายแก้วสรร อติโพธิ ผู้รวบรวมรายชื่อนี้ ขอใช้สิทธิส่วนตัวปฏิเสธการให้ร้ายบิดเบือนจากรุ่นพี่ธรรมศาสตร์ที่เคยเคารพว่า ในทางความคิดแล้วขอยืนยันว่าตนเองก็ไม่เห็นด้วย กับการสืบทอดอำนาจของ คสช.เช่นกัน และ ไม่เคยใช้เวที กปปส. กวักมือเรียกให้ทหารออกมาปฏิวัติ ดังที่พี่ได้ใส่ร้ายผมด้วยโมหะและโทสะอันฝังลึกอยู่ในตัวตนเลย
สิ่งที่ผมและพี่น้องในกลุ่มศิษย์เก่าเห็นตรงกัน ปฏิเสธร่วมกันจริงๆ ก็คือ การเคลื่อนไหวสร้างความเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองตามทัศนะของตน ด้วยความไม่รับผิดชอบไม่เคารพสิทธิ์ของคนอื่น รวมทั้งสร้างกำลังทางการเมืองด้วยความจงเกลียดจงชังปลุกปั่นคนไทยไปจนถึงลูกเด็กเล็กแดงแตกเป็นฝักฝ่ายเช่นปัจจุบัน
นี่คือความคับแค้นแท้จริง ในคำขอ “ปิด มธ. พอกันทีวีรชน ”ฉบับนี้
แน่นอน ประเด็นที่น่าสนใจ อยู่ที่การสอดประสานรับลูกกันของ แกนนำ และผู้เบื้องหลัง การชุมนุมใหญ่ในวันที่ 19 ก.ย. ทั้งในไทยและต่างประเทศ อย่างเป็นขบวนการ
อย่างที่หลายคน รวมทั้งฝ่ายความมั่นคง ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า การชุมนุมครั้งนี้หวังผลในเชิงปริมาณ ในการแสดงพลังอย่างเห็นได้ชัด เพราะต้องการให้โลกรู้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ทำไมจึงมีคนไม่พอใจ และประท้วงใหญ่โตขนาดนี้
และแน่นอน ลำพังมวลชนของ “ติ่งส้ม” และ “ติ่งล้มเจ้า” คงไม่เพียงพอที่จะแสดงพลังได้ตามต้องการ จึงหันไปปลุกระดม “คนเสื้อแดง” ที่ยังอารมณ์ค้างจากการเคลื่อนไหวต่อสู้มาอย่างยาวนาน ด้วยข้ออ้างเลิศหรูว่า เพื่อลบรอยมลทิน จากข้อกล่าวหา “เผาบ้านเผาเมือง” นั่นเพราะเป็นความพ่ายแพ้ แต่ถ้าลุกขึ้นสู้อีกครั้งจนชนะ “ผู้ชนะคือผู้เขียนประวัติศาสตร์” อะไรประมาณนั้น แต่แท้จริงแล้ว ก็คือ “เหยื่อ” ที่ออกหน้าแทนพวกอีแอบดีๆ นี่เอง
ถึงขั้นนี้แล้ว ใครที่ยอมตกเป็นเหยื่อ และไม่สรุปบทเรียนในการต่อสู้สนองตัณหาการเมืองบางคน บางกลุ่ม ไม่ว่าเก่าหรือใหม่ ยังคงยอมเป็น “เหยื่อ” อยู่ซ้ำซาก ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว!