นายกฯ มอบรางวัลองค์กรบริหารจัดการการเงินการคลังเป็นเลิศ ปี 62 ชี้เป็นความภาคภูมิใจ กระตุ้นพลังการทำงาน แนะกรมบัญชีกลางเร่งจ่ายเงินให้ ปชช. โดยไม่ผิด กม. หวั่นช้าจะทำให้มีคนนำไปบิดเบือน ยัน กม.เท่าเทียม คลุมเครือต้องหาหลักฐาน
วันนี้ (14 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลองค์กรที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลังประจำปีงบประมาณ 2562 ตามที่กรมบัญชีกลางจัดทำเพื่อมอบรางวัลอันทรงเกียรติให้แก่ 20 หน่วยงาน จำนวน 26 รางวัล ที่มีความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลัง
ภายหลังมอบรางวัล พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ถือเป็นวันที่น่ายินดีอีกวันหนึ่ง เป็นวันเกียรติยศ ยินดีที่ได้มาเป็นประธานมอบรางวัลในวันนี้ รางวัลนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจของหน่วยงาน สร้างขวัญกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติงาน ทำให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น กรมบัญชีกลางถือเป็นส่วนที่มีความสำคัญ เพราะเป็นหนึ่งในกระบวนการจัดสรรงบประมาณภาครัฐที่จะต้องส่งให้ถึงมือประชาชนผ่านส่วนราชการในการบริการประชาชนทั่วประเทศ ดังนั้น ทำอย่างไรจะให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด รางวัลนี้เป็นมิติหนึ่งที่จะทำตรงนี้ได้ และตนอยากให้ขยายโดยมีรางวัลพิเศษ รางวัลสุดยอด
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กรมบัญชีกลางถือเป็นส่วนสำคัญ ทั้งเรื่องการอนุมัติโครงการ การเบิกจ่าย และการตรวจสอบ ต้องระมัดระวังการบริหารจัดการด้านการเงินการคลังไม่ให้มีความเสียหาย คุ้มค่า มีประสิทธิภาพ คุ้มค่ากับประชาชนและหน่วยงานที่ตั้งใจทำงานออกมา เพื่อดูแลประชาชนและพัฒนาบ้านเมือง สิ่งสำคัญคือ ความสะดวกรวดเร็ว และไม่ผิดกฎหมาย คุ้มค่า เรื่องการดำเนินการเหล่านี้เนื่องจากวันนี้มีเทคโนโลยีเข้ามา มีการใช้บิ๊กดาต้าเข้ามาบริหาร รวมถึงระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยซึ่งต้องคำนึงถึงคนที่ยังเข้าไม่ถึง จึงต้องมีมาตรการช่วงเปลี่ยนผ่านเพื่อให้คนทั้งประเทศเข้าใจ จะเห็นว่าเรามีปัญหาพอสมควรในเรื่องการจ่ายเงินตรง อันนี้ต้องไปแก้กันอีกที จะทำอย่างไรกันต่อไป หากช่วยกันทำมันก็จะดีขึ้น ทุกท่านทราบดีถึงปัญหาเหล่านี้อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเราจะถูกสร้างความเข้าใจผิดไปเรื่อยๆ เราต้องช่วยกันในฐานะที่ทำงานมาด้วยกัน ทำอย่างไรเงินทุกบาททุกสตางค์จะใช้ได้อย่างคุ้มค่าและตรวจสอบได้ โดยเฉพาะโครงการที่จะออกไปในปี 63 และ 64 ขอให้ทุกคนช่วยกันระมัดระวัง ต้องเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน
“การเบิกจ่ายเป็นสิ่งสำคัญ กรมบัญชีกลางมีหน้าที่ทำอย่างไรให้งานคู่ขนานกันไปได้หรือไม่ในการใช้จ่ายงบประมาณปี 63 และ 64 ที่แผนงานออกมาแล้ว เม็ดเงินก็ออกมาแล้ว จะทำอย่างไรให้การจ่ายเงินเร็วขึ้น แต่ต้องไม่ทำอะไรที่ผิดขั้นตอนผิดกฎหมายก็แล้วกัน หาวิธีการทำให้เร็วขึ้น ไม่อย่างนั้นเราจะถูกต่อว่าว่าใช้จ่ายเงินไม่ได้สักที การดำเนินการต้องระมัดระวังให้มากที่สุด หามาตรการที่เหมาะสม ทำงานคู่ขนานกับหน่วยงานจ่ายงบประมาณ หน่วยที่พิจารณางบประมาณ ไม่ว่าจะเป็นคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใครเสนอเข้ามาแล้วเมื่ออนุมัติโดย ครม.จะต้องเร่งจ่ายให้ได้ หากมันถูกกฎหมาย ไม่มีอะไรผิด ต้องเร่งจ่าย และการเร่งจ่ายจะต้องมีแผนงาน รายละเอียดที่หน่วยงานเสนอขึ้นมาเข้า ครม. แต่บางทีเขาทำมาไม่ครบก็ต้องย้อนกลับไปกลับมา จะทำแบบเดิมๆ ไม่ได้อีกแล้ว ต้องระวังการรับรู้รับทราบจากภายนอกให้มากยิ่งขึ้น ที่ผ่านมาเราทำกันอยู่แล้ว เพียงแต่อย่างไรให้คนเขาเชื่อมั่น ไว้วางใจ วันนี้เราอยู่กันด้วยความเชื่อมั่น ไว้วางใจ เรื่องอื่นคิดว่าทุกคนพยายามอย่างเต็มที่ เราต้องร่วมมือให้ได้กับทุกภาคส่วน ให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน งบประมาณมีในเรื่องการใช้จ่ายภาครัฐ งบลงทุน ความร่วมมือภาคเอกชน อะไรก็ว่ากันไป แต่วันนี้เราต้องทำความเข้าใจเรื่องระบบงบประมาณกันใหม่ จะได้เข้าใจตรงกัน ไม่อย่างนั้นหลายคนจะมองว่าเราไม่ให้บริการ ไม่อำนวยความสะดวก ส่วนราชการจะต้องลดระยะเวลาและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้เสียเวลาในการติดต่อราชการ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวว่า ไม่มีจะเท่าเทียมกันในโลกนี้ มีแต่ความเท่าเทียมเรื่องการใช้กฎหมายเดียวกัน โดยเฉพาะเรื่องความเป็นธรรมเราต้องดูแลผู้มีรายได้น้อยและมีอุปสรรคในการดำรงชีวิต ไม่มีใครทำให้ทุกคนร่ำรวยเท่ากันได้หมดในโลกใบนี้ อย่าให้ใครมาบิดเบือนตรงนี้ ทุกคนต้องเติบโตตามฐานะตามพื้นฐาน แต่รัฐบาลจะเข้าไปช่วยให้เข้มแข็งมากขึ้น ในเรื่องการเพิ่มขีดความสามารถ ทำถนนหนทางให้ทุกคนเข้ามาใช้ประโยชน์นั่นคือความเท่าเทียม และขอฝากทุกคนว่าเราจะเดินหน้าประเทศด้วยความเข้าใจ ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน อะไรผิดคือผิด อะไรถูกคือถูก ต้องไม่พูดให้มันคลุมเครือ อะไรที่เหมือนจะผิด อะไรที่เหมือนจะใช่ก็พยายามหาหลักฐานที่ชัดเจน จะได้ลงโทษถูกคน
