วันนี้ (2 ก.ย.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) กล่าวว่า ประเทศไทยได้มีการศึกษาเรื่องการใช้โครงสร้างเหล็กชนิดเดียวกับขาแท่นมาจัดวางเป็นปะการังเทียม แล้วพบว่ามีความเหมาะสม อีกทั้งสามารถเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำและสิ่งมีชีวิตต่างๆ เป็นแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งประมงสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนในพื้นที่ รวมถึงกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประเทศชาติเป็นจำนวนมาก โดยคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธาน ซึ่งได้มีมติเห็นชอบในหลักการ เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 61 เรียบร้อยแล้ว
นายวราวุธ กล่าวอีกว่า ตนได้ติดตามการดำเนินการโครงการดังกล่าวมาโดยตลอด ซึ่งภายหลังเสร็จสิ้นโครงการตนคิดว่าพี่น้องประชาชนต้องได้รับประโยชน์จากการดำเนินการโครงการทั้งทางตรงและทางอ้อม นอกจากนี้ ตนได้หารือกับ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัด ทส. ถึงแนวทางการพัฒนาต่อยอด รวมถึงการดำเนินการในพื้นที่อื่นๆ ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ นายยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษา รมว.ทส. กำกับการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด พร้อมหารือแนวทางร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ผู้เชี่ยวชาญ และนักวิชาการ ในการศึกษากลไกและความเป็นไปได้ และถอดบทเรียนจากการดำเนินการโครงการครั้งนี้ โดยต้องคิดให้รอบด้านถึงผลดีและผลเสีย ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องด้วย
ด้าน นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เผยว่า โครงการได้ริเริ่มศึกษาความคุ้มค่าและความเป็นไปได้ในสมัย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัด ทส. ยังดำรงตำแหน่งอธิบดี ทช. และพัฒนาการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง โดยที่เชฟรอนประเทศไทย ได้ส่งมอบขาแท่นหลุมผลิตปิโตรเลียมที่ไม่ใช้งานแล้วจำนวน 7 ขาแท่นให้แก่ ทช. เพื่อนำไปจัดวางเป็นปะการังเทียม รวมทั้ง ให้การสนับสนุนงบประมาณการดำเนินโครงการ นอกจากนี้ ศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้รับผิดชอบในการศึกษาทางวิชาการด้านกายภาพและนิเวศวิทยาของพื้นที่ รวมถึงการเข้าใช้ประโยชน์พื้นที่ให้เป็นไปตามมาตรฐานวิชาการของทั้งในและต่างประเทศ
นายโสภณ เผยอีกว่า ทช. ต้องขอขอบคุณกองทัพเรือ กรมเจ้าท่า และกรมประมง ที่ให้การสนับสนุนและความร่วมมือในการดำเนินงานมาโดยตลอด สำหรับในวันนี้ โครงการนำขาแท่นหลุมผลิตปิโตรเลียมมาจัดวางเป็นปะการังเทียม ในพื้นที่เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ทางเชฟรอนได้ดำเนินการจัดวางเป็นขาแท่นที่ 4 จากทั้งหมด 7 ขาแท่น ซึ่งโดยในวันนี้ (2 ก.ย. 63) ตนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่สังเกตการณ์และติดตามการวางขาแท่นที่ 4 และคาดว่าขาแท่นหลุมผลิตปิโตรเลียมทั้ง 7 ขาแท่น จะดำเนินการจัดวางแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย. 63 นี้
ส่วนทาง นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ภายหลังจากโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จ ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งของจังหวัดสุราษฎร์ธานีจะกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง อีกทั้งปริมาณสัตว์น้ำและแหล่งที่อยู่อาศัย จะเพิ่มขึ้นและสมบูรณ์ขึ้น รวมถึงแหล่งหลบภัยของสัตว์น้ำวัยอ่อน นอกจากนั้น การออกแบบการจัดวางขาแท่นหลุมผลิตปิโตรเลียมในการนำไปจัดวางเป็นปะการังเทียมในพื้นที่เกาะพะงัน ตามที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรได้ดำเนินการยังเป็นประโยชน์ในด้านการเพิ่มแหล่งดำน้ำ อีกทั้งช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวทางทะเลของจังหวัดสุราษฎร์ธานี สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้เดินทางมาท่องเที่ยว เพื่อสร้างรายได้ให้กับพี่น้องชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตลอดจนลดจำนวนนักท่องเที่ยวดำน้ำออกจากแนวปะการังธรรมชาติ และลดการทำลายแนวปะการังธรรมชาติจากกิจกรรมการท่องเที่ยวอีกด้วย