จากกรณีชาวต่างชาติ 2 ราย ลงดำน้ำบริเวณเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี และได้จับสัตว์ทะเลมาเล่นและใช้ไม้เซลฟีเขี่ยปลาให้ตื่น โดยมีผู้เผยแพร่ผ่านทางเฟซบุ๊ก จนเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสังคมออนไลน์ ด้าน นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ย้ำ พฤติกรรมดังกล่าวไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง พร้อมสั่งตรวจสอบโดยละเอียด หากพบความผิดทุกกรณีให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ด้านกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ลุยลงพื้นที่ติดตามจับกุมทั้ง 2 ราย ได้แล้ว เพื่อส่งให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย ต่อไป
วันนี้ (1 ก.ย.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) กล่าวว่า จากกรณีชาวต่างชาติ 2 ราย ลงดำน้ำบริเวณเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี และได้จับสัตว์ทะเลมาเล่นและใช้ไม้เซลฟีเขี่ยปลาให้ตื่น โดยมีผู้เผยแพร่ผ่านทางเฟซบุ๊กจนเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสังคมออนไลน์ โดยทันทีที่ตนได้ทราบข่าว ได้สั่งการให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมให้ติดตามชายชาวต่างชาติดังกล่าวเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ ตนได้ขอให้ตรวจสอบรายละเอียดของชายชาวต่างชาติทั้ง 2 ราย ว่า ประกอบอาชีพหรือกิจการใดในพื้นที่ รวมทั้งใบอนุญาตดำน้ำ และใบอนุญาตประกอบกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องว่าถูกต้องหรือไม่ หากพบว่าไม่ถูกต้อง ขอให้ดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด เหนือสิ่งอื่นใด ตนต้องขอขอบคุณผู้ที่นำภาพการกระทำดังกล่าวเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าทุกคนต่างช่วยกันเป็นหูเป็นตาในการดูแล เฝ้าระวัง และอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และทุกความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าวก็เป็นไปในเดียวกันว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างที่สุด ตนได้ขอให้ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้กำกับเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด
“ท้องทะเลเปรียบเสมือนบ้านของสัตว์ทะเลและทรัพยากรทางทะเล มนุษย์เราแค่เข้าบ้านผู้อื่นโดยไม่ได้รับเชิญ ก็ถือว่าไม่เหมาะสมแล้ว ยิ่งหากไปสร้างความรบกวน เสียหาย แก่ตัวเจ้าของบ้านและทรัพย์สิน ยิ่งนับเป็นพฤติกรรมที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง” รมว.ทส. กล่าว
ด้าน นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เผยว่า ตนได้สั่งการให้สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 (สทช. 4) ประสานนายอำเภอและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ติดตามชายชาวต่างชาติทั้ง 2 ราย ได้เรียบร้อยแล้ว ทราบชื่อ Mr.Attila Ott และ Mr.Francesco Simonetti จากการสอบถามเบื้องต้น ทราบว่า Mr.Attila Ott เป็นครูสอนดำน้ำและเป็นเจ้าของร้านอาหารชื่อ Pink Panther Scuba Dive Club และ Mr.Francesco Simonetti เป็นพ่อครัวอยู่ที่ร้านอาหารชื่อ IL Barracuda restaurant & BBQ บนเกาะพะงัน มีเรือ Speed boat และชอบพาลูกค้าร้านอาหารไปดำน้ำ ทั้งนี้ ได้ให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ณ สภ.เกาะพะงัน โดยทั้ง 2 คน สารภาพว่า เป็นผู้บันทึกวิดีโอดังกล่าวบริเวณหาดสลัด เกาะพะงัน และเผยแพร่ทางยูทูป และเจ้าหน้าที่ สทช.4 ได้แจ้งลงบันทึกประจำวัน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
นายโสภณ เผยอีกว่า พื้นที่เกิดเหตุถูกกำหนดเป็นพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม การกระทำการฝ่าฝืนจะถูกปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือ ทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ตรวจสอบใบอนุญาตสอนดำน้ำ รวมทั้ง ใบอนุญาตอื่นๆ นอกจากนี้ ตนได้ประสานหารือกับ นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สั่งการให้หน่วยงานในพื้นที่ตรวจสอบและดำเนินคดีตามอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ในทุกข้อหา หากพบการกระทำความผิด ซึ่งจากการให้ปากคำเบื้องต้นได้เปรียบเทียบปรับ Mr.Francesco Simonetti ในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวไม่แจ้งเปลี่ยนที่อยู่อาศัยต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน 24 ชั่วโมง นับแต่เวลาที่เข้าพักอาศัย และปรับ น.ส.กฤติยาภรณ์ คำสิงห์ ภรรยา Mr.Attila Ott ข้อหาเป็นเจ้าบ้าน เจ้าของ หรือผู้ครอบครองเคหสถาน หรือผู้จัดการโรงแรม รับคนต่างด้าว ซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว เข้าพักอาศัยโดยไม่แจ้งต่อเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน 24 ชั่วโมง
“อย่างไรก็ตาม หากมีการพบเห็นการกระทำผิดหรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมที่อาจก่อความเสียหายต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ขอให้แจ้งกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้ทันที ทั้งทางหน่วยงานในพื้นที่ ช่องทางสื่อออนไลน์ หรือสายด่วน 1310 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อจะได้เร่งรัดดำเนินการทันทีต่อไป” นายโสภณ กล่าว