เมืองไทย 360 องศา
แม้ว่าล่าสุดพรรคก้าวไกล ได้ประกาศย้ำจุดยืน 3 ประการ ว่า 1 .เดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ 2. ปิดสวิตช์ ส.ว.ด้วยการยกเลิกรัฐธรรมนูญ มาตรา 269-272 และ 3. ยกเลิกรัฐธรรมนูญ มาตรา 279 เพื่อยกเลิกการรับรองให้ประกาศ คำสั่ง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และชอบด้วยกฎหมาย โดยให้รายละเอียดโดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวกับการตั้ง ส.ส.ร.ดังนี้
การตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน เพื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยไม่ไปจำกัดว่าห้ามแก้หมวดใดหมวดหนึ่ง จะเป็นทางออกอย่างสันติให้สังคมไทยสามารถหาฉันทามติร่วมกันได้ว่า ระบบการเมืองแบบไหนที่เรายอมรับที่จะอยู่ร่วมกัน
พรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้ยื่นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมไปแล้วหนึ่งฉบับ เพื่อแก้ไข ม.256 ให้มีการตั้ง ส.ส.ร. แต่พรรคก้าวไกลไม่ร่วมลงชื่อด้วย เนื่องจากไปกำหนดไว้ว่า ห้าม ส.ส.ร.แก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 1 และ หมวด 2 พรรคก้าวไกลเห็นว่า ข้อกำหนดดังกล่าวยิ่งไปสร้างความเข้าใจผิดในสังคม เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา มีการแก้ไขบทบัญญัติใน หมวด 1 และหมวด 2 มาโดยตลอด ไม่ใช่เรื่องต้องห้ามแต่อย่างใด และการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของไทย มีการจำกัดขอบเขตอยู่แล้วว่า การแก้ไขที่เป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หรือรูปแบบของรัฐ จะกระทำมิได้ ดังที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ม.255
ดังนั้น พรรคก้าวไกลจะไปอภิปรายเพื่อขอแก้ไขประเด็นดังกล่าว เมื่อการพิจารณาเรื่อง ส.ส.ร.เข้าสู่การประชุมของรัฐสภา ด้วยเรายืนยันในหลักการที่ว่า อำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ หรืออำนาจสูงสุดในการเขียนรัฐธรรมนูญนั้น เป็นของประชาชน เมื่อประชาชนเลือกตั้ง ส.ส.ร. ไปจัดทำรัฐธรรมนูญแล้ว ส.ส.ร. ต้องแก้ไขใหม่ได้ทั้งฉบับ ส.ส.ร.เช่นนี้จะสามารถสะท้อน และโอบรับเจตจำนงของประชาชนได้ทุกกลุ่ม ไม่ปิดกั้นความคิดและความฝันของประชาชนกลุ่มใด สุดท้ายเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน จะเป็นผู้ตัดสินเองว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะมีเนื้อหาอย่างไร ผ่านเวที ส.ส.ร. และการลงประชามติ
แน่นอนว่า เนื้อหาก็ยังมุ่งเป้าไปที่การแก้ไขใน หมวดที่ 1-2 ที่ว่าด้วยหมวดที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ ซึ่งกำลังสร้างความไม่สบายใจกับสังคมส่วนใหญ่ และยังมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงในสังคมตามมา แม้ว่าก่อนหน้านี้ทางแกนนำกลุ่มที่เคลื่อนไหวในการชุมนุม เช่น นายอานนท์ นำภา และ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” รวมไปถึง นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ได้ออกมาโจมตีพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะพรรคก้าวไกล ที่พวกเขาระบุว่า “ถอย” ไม่ยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในหมวด 1 และ 2 ที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ โดยระบุว่า เป็นการสร้างความคลุมเครือ และหาประโยชน์จากมวลชน ความหมายก็คือ “ตีกิน” นั่นแหละ
โดยก่อนหน้านั้น มีการเรียกร้องกดดันพวกแกนนำผู้ชุมนุมบางคนให้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล แสดงความกล้าหาญออกมานำมวลชนด้วยตัวเอง โดยนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เคยเรียกร้องระหว่างการชุมนุมของกลุ่ม“ปลดแอก”เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ที่ผ่านมา ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แต่ถึงอย่างไร ทั้งนายธนาธร และนายปิยบุตร ก็ไม่ออกมา แต่สังคมก็เข้าใจว่าพวกเขาเลือกที่จะอยู่ข้างหลังม็อบพวกนั้น
อย่างไรก็ดี เมื่อวกกลับมาที่ท่าทีล่าสุดของ พรรคก้าวไกล ที่แม้พยายาม “เลี่ยง” ที่จะไม่พูดถึง ร่างญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในหมวด 1-2 ดังกล่าว แต่ไปเน้นย้ำในเรื่องบทบาทของ ส.ส.ร.ที่ระบุว่า ต้องสามารถแก้ไขใหม่ได้ทั้งฉบับ
ขณะเดียวกัน ท่าทีดังกล่าวอาจมองอีกมุมหนึ่งได้ว่าเป็นการ “ถอยเพื่ออำพรางรุก” หรือไม่ เพราะเมื่อพิจารณาจากจำนวน ส.ส.ของพรรคก้าวไกล มีจำนวนเพียงแค่ 54 เสียง จำนวนไม่พอสำหรับการเสนอญัตติเพียงลำพัง นั่นคือต้องมีเสียงไม่น้อยกว่า 98 เสียง ทำให้ต้องจับตามองกันต่อไปว่า จะมีพรรคการเมืองใดมาร่วมลงชื่อกับพรรคก้าวไกล เพื่อให้มีการยื่นญัตติด่วนแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยมีเป้าหมายสำคัญในการแก้ไขใน “หมวดพระมหากษัตริย์” หรือไม่ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ที่ยืนยันว่า จะไม่มีการแตะหมวดดังกล่าว ซึ่งรวมไปถึงพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ ด้วย
แน่นอนว่า หากกลับคำ ย่อมหมายถึงเห็นดีเห็นงามไปกับพรรคก้าวไกล และแกนนำนอกพรรคทั้ง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ที่มีทัศนคติในทางลบต่อสถาบันฯ ขณะเดียวกัน หากมีการร่วมลงชื่อกับพรรคก้าวไกล ก็จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเกิดความสุ่มเสี่ยงและยุ่งยากขึ้นไปอีก เนื่องจากมีแนวโน้มที่จะไม่ได้รับความร่วมมือจาก ส.ว. ที่ย้ำว่าจะไม่ยอมให้แก้ไขในหมวดนี้อย่างแน่นอน
ดังนั้น นาทีนี้ก็ต้องวัดใจพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ จะมีท่าทีอย่างไร จะเลือกมุ่งเน้นที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตราที่อ้างว่าไม่เป็นประชาธิปไตย และสร้างปัญหาเพื่อให้เกิดความสำเร็จได้หรือไม่ หรือจะเลือกแนวทางที่เสี่ยงทำให้เกิดความวุ่นวายตามมา !!