เรื่องใหญ่อีกแล้ว “อัษฎางค์” จวกยับ “เยาวชนปลดแอก” ฮึกเหิม เสนอแคมเปญ “ไม่รับปริญญา” ส่อเป็นนัย “ต่อต้านสถาบัน” แนะเอาให้ชัด “อยากล้มเจ้าแต่อ้างประชาธิปไตย?” ด้าน “ปวิน” แดงนอก แอ่นรับ สนับสนุนทันควัน
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (10 ส.ค. 63) เฟซบุ๊ก อัษฎางค์ ยมนาค ของ นายอัษฎางค์ ยมนาค นักประวัติศาสตร์ โพสต์ ข้อความระบุว่า
“ยุยงให้ไม่รับปริญญา เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยหรือล้มล้างประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข”
อ้างว่า เรียกร้องประชาธิปไตย
แต่เวลาปราศรัย มีแต่เรื่องโจมตีสถาบันฯ
ล่าสุด ยุยงให้บัณฑิตไม่ต้องรับปริญญา
ใครไม่อยากรับ ไม่ต้องรับ ไม่มีใครว่า
แต่ยุยงคนอื่นด้วย มันหมายความว่าอะไร
คนรับปริญญาเป็นทาสใคร ตรงไหน
ใครกันแน่ที่เป็นทาส
ตกลงต้องการเรียกร้องประชาธิปไตย
หรือต้องการล้มล้างประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
เอาให้แน่ ถ้าแน่จริงพูดมาให้ชัด เลิกเป็นอีแอบเสียที
อยากล้มเจ้าแต่อ้างประชาธิปไตย
...........................................................................
หนึ่งเดียวในโลกที่พระมหากษัตริย์เป็นผู้มอบใบรับปริญญาให้กับผู้สำเร็จการศึกษาเป็นรายบุคคลด้วยพระองค์เอง
ใครไม่ภูมิใจ แต่เราภูมิใจ
ใครไม่ปลาบปลื้ม แต่เราปลาบปลื้ม
คนกำลังจะเป็นบัณฑิต ต้องคิดเป็น
จงเป็นตัวของตัวเอง
อย่าให้ใครจูงจมูก ตกเป็นทาสความคิดของใคร"
...........................................................................
พิธีพระราชทานปริญญาบัตรที่คุณอาจไม่เคยรู้:
https://www.facebook.com/1234993066616474/posts/3301013083347785/?d=n
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก Pavin Chachavalpongpun ของ นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น และผู้ต้องหาคดี ม.112
ระบุว่า “ดิชั้นรับปริญญาปี ค.ศ. 1993 จากมือของ... ในฐานะบัณฑิตสาวจากรั้วจามจุรี ตอนนั้นตายังไม่สว่าง ตอนนั้นยังไม่มีสีเสื้อ ตอนนั้นยังอยู่ในช่วงพีคของ... ตอนนี้ รู้สึกเสียดาย regret ที่ไปรับปริญญา เอาจริงๆ ที่บ้านไม่ได้กระตือรือร้นขนาดนั้น ที่ไปรับเพราะทำไปตามกระแส หรือ convention ยุคนั้น ที่นักศึกษาทั้งหลายทำกัน มันยังไม่มีแคมเปญแบบทุกวันนี้ จำได้ว่า แม้เราไม่ต้องแต่งหน้าทำผมเหมือนเพื่อนสาว แต่มันเป็นกระบวนการที่ร้อน ที่น่าเบื่อ ปวดฉี่ เตรียมทุกอย่าง แต่รับปริญญาภายในไม่กี่นาที เอารูปมาแขวนที่บ้านให้ฝุ่นกลบจากนั้น...
...ประสบการณ์จริงๆ คือ ปริญญาบัตรไม่มีความหมายอะไรมาก การไปเรียนต่อต่างประเทศ เค้าต้องการผลการเรียนเท่านั้น หรือ transcript และเมื่อเราสมัครไปเรียนต่อ และส่งผล transcript แล้ว สิ่งสำคัญกว่านั้นคือ ผลการสอบภาษาอังกฤษและ proposal หรือเรื่องที่เราอยากทำมากกว่า เมื่อจบมาแล้ว ทีนี้ดิชั้นตั้งใจว่าจะไม่รับปริญญาบัตรแน่ๆ เลยให้อังกฤษส่งมาทางไปรษณีย์ เพิ่งจะได้มีโอกาสใส่ครุยถ่ายรูปเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมานี้เอง แม้ว่าจะจบมานานแล้ว เรื่องใส่ครุยถ่ายนั้น เพราะอยากฉลองความสำเร็จให้ตัวเองในการเรียนจบ และเอาวิชามาทำประโยชน์ โดยไม่คิดว่า การต้องรับจากมือของใครเป็นเรื่องสำคัญอีกแล้ว
...สนับสนุนแคมเปญ #ไม่รับปริญญา ค่ะ”
สำหรับ “ปวิน” ในเวลานี้ค่อนข้างอื้อฉาวในเรื่อง “ล้มเจ้า” เพราะสาวกในประเทศไทยบางคน เริ่มถูกจับได้ว่า อยู่ในกลุ่มของเขา และในจำนวนนั้น ก็มีพฤติกรรม “ชูป้าย” หมิ่นสถาบันในม็อบเยาวชนปลดแอกด้วย
ส่วน แคมเปญ “ไม่รับปริญญา” ที่เริ่มมีการขยายผลในสื่อออนไลน์อย่างกว้างขวางอยู่ในเวลานี้ เฟซบุ๊ก “ประชาไท Prachatai.com” โพสต์เมื่อวันก่อนระบุว่า
“ชุมนุมสกายวอล์ก ผุดแคมเปญ #ไม่รับปริญญา
เวลาประมาณ 18.30 น. ที่เวทีสกายวอล์ก ปทุมวัน หนึ่งในผู้ปราศรัยผุดแคมเปญไม่เข้ารับปริญญา โดยกล่าวว่า
"สิ่งที่จะมาพูดวันนี้ ไม่อ้อมค้อม พูดตรงๆ จะมาเชิญให้บัณฑิตทุกคนไม่เข้ารับปริญญา การรับปริญญาเสียค่าใช้จ่ายเยอะมาก งานรับปริญญา คือ การแสดงความสำเร็จของเราและครอบครัว ดังนั้น เราไม่จำเป็นต้องเข้าไปในหอประชุม ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมพิธี เราไปงาน ถ่ายรูปกับครอบครัวกับเพื่อน ขอให้ทุกคนจงไปงาน แต่ไม่เข้าหอประชุม รับกับครู รับกับพ่อแม่ รับกับคนที่ส่งเราเรียน ดอกไม้ ของขวัญ ไม่ต้อง เอากระดาษเปล่ามาถ่ายรูปด้วยกัน เป็นสัญลักษณ์ว่าปีนี้เราจะไม่เข้ารับปริญญา อยากให้แคมเปญนี้ไม่ได้ทำแค่มหาวิทยาลัยแถวนี้เท่านั้น แต่อยากส่งต่อให้กับบัณฑิตทุกคนที่กำลังจะจบ ปีหน้าและปีต่อๆ ไป ไม่เข้ารับปริญญา ใครอยากรณรงค์แคมเปญนี้ต่อไป ฝากติดแฮชแท็ก #ไม่รับปริญญา”
แน่นอน, นี่คือ เรื่องใหญ่อีกเรื่อง ที่ถือว่ากระทบกระเทือนอย่างสูงต่อระบบการศึกษาในสังคมไทย แม้ว่า นี่อาจไม่ได้อยู่ในข้อเสนอหลักของม็อบเยาวชนปลดแอก แต่ก็ถือว่า อยู่ในอารมณ์ที่เยาวชนให้ความสนใจ และหลายคนเห็นด้วย ทั้งที่ความเป็นจริง คือ วัฒนธรรมในการจบการศึกษาระดับปริญญาอย่างสมบูรณ์แบบของไทย
ยิ่งกว่านั้น ก่อนหน้านี้ ใครพลาดโอกาสเข้าร่วมพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ไม่ว่าด้วยเหตุอะไร ถือ เป็นการพลาดอย่างมหันต์ที่ไม่มีโอกาสดีอย่างนี้อีกแล้ว
เหนืออื่นใด นี่คือ ภาพสะท้อนในเวลาเดียวกันว่า ม็อบเยาวชนปลดแอก ที่จริงแล้วคละเคล้าไปด้วยอะไร มีอะไรที่แอบแฝงเข้ามายุยงปลุกปั่น ให้เยาวชนเห็นผิดเป็นชอบหรือไม่ เพราะสุดท้าย หากมีสิ่งแอบแฝง อยู่ในพลังบริสุทธิ์นั้น นอกจากเยาวชนปลดแอกจะถูกใช้เป็นตัวประกันแล้ว คนไทย สังคมไทย นั่นเอง ที่จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย อย่างไม่มีทางหลีกพ้น ไม่ว่า จุดจบมันจะเป็นอย่างไร หรือไม่จริง?