“ม็อบอาชีวะ” บุกสภา ยื่นจัดการ นักการเมืองอยู่เบื้องหลังม็อบหมิ่นสถาบันฯ ตร.จัดให้อยู่คนละฝั่งกับม็อบแก้ รธน.
วันนี้ (10 ส.ค.) เวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณริมถนน ฝั่งอาคารสภาผู้แทนราษฎร หน้าวัดแก้วฟ้าจุฬามณี กลุ่มแนวร่วมปกป้องสถาบันฯ นำโดยศูนย์กลางประสานงานนักศึกษา อาชีวะ ประชาชน ปกป้องสถาบันฯ ประมาณ 50 คนนัดรวมตัวกันที่บริหน้าศูนย์ราชการกรุงเทพมหนคร (เกียกกาย) เพื่อยื่นเรื่องต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อแสดงจุดยืนให้ดำเนินการต่อกลุ่มผู้ชุมนุมบางกลุ่ม และกลุ่มคนที่จาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ในโลกออนไลน์ หลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ดำเนินการอย่างจริงจัง ละเลยให้บานปลาย
จากนั้นเวลา 10.10 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้เดินทางมายังบริเวณหน้ารัฐสภา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กั้นผู้ชุมนุมไม้่ให้เดินมายงหน้ารัฐสภา เนื่องจากมีกลุ่มผู้ชุมนุมอีกกลุ่มคือ คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบบประชน (ครช.) ทำกิจกรรมแสดงจุดยืนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ จึงกังวลว่าจะเกิดการปะทะกัน จึงให้ผู้ชุมนุมปกป้องสถาบันฯ ยื่นหนังสือบริเวณด้านหน้ารฐสภาก่อนถึงประตูทางเข้าซึ่งอยู่คนละฝั่งกับกลุ่ม ครช. โดยมีนายแทนคุณ จิตต์อิสระ คณะทำงานประธานสภาฯ เป็นผู้รับหนังสื่อ
ทั้งนี้ นายสุเมธ ตระกูลวุ่นหนู แกนนำได้อ่านแถลงการณ์ว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันต้องการความรู้รักสามัคคี แต่มีกลุ่มบุคคลเคลื่อนไหว โดยนำสถาบันพระมหากษัตริย์มายุยงให้แตกแยก เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้น กลุ่มนักเรียนอาชีวะและนักศึกษา ประชาชนที่มีใจรักสถาบันและแผ่นดินไทยเห็นว่าถึงเวลาที่จะรวมตัวกันประท้วงกลุ่มคนเหล่านั้นที่ใช้เยาวชนเป็นเครื่องมือทำลายชาติ ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ พวกเราจึงรวมตัวกันจัดตั้งศูนย์การประสานงานนักศึกษาอาชีวะประชาชนปกป้องสถาบัน (ศอปส.) ขึ้นเพื่อดำเนินการท้วงติงให้สติต่อกลุ่มเยาวชน พ่อแม่ ครูอาจารย์ เจ้าหน้าที่รัฐ ให้ตระหนักถึงภัยคุกคามของชาติ โดยกลุ่มจะใช้วิธีการต่อต้านโดยการเปิดเผยชื่อบุคคลที่ชังชาติ และดำเนินการกับกลุ่มที่หมิ่นสถาบันอย่างถึงที่สุด
“หากมีกลุ่มจาบจ้วงสถาบันฯ พวกผมก็จะไปยืนดูอย่างสงบนิ่ง และจบตาทุกคนที่จาบจ้วง จะล็อกเป้าทุกคน แต่ล็อกเป้ามาเจรจากัน” นายสุเมธกล่าว
ด้านนายเศรษฐา ทองสง่า ผู้ชุมนุม กล่าวว่า ไม่ต้องคิดว่าตนเป็นอาชีวะ เพราะอายุ 40 กว่าปีแล้ว ตนมาตรงนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง มาเพื่อปกป้องสถาบันอย่างเดียว ถ้าคนที่จาบจ้วงสถาบันไปโผล่ที่ไหน ตนไปที่นั่น และหากจะประท้วงรัฐบาลพวกตนไม่ยุ่ง แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับสถาบัน พวกตนจะออกมาทันที
นอกจากนี้ ตัวแทนเยาวชนคนรุ่นใหม่ ได้อ่านข้อเรียกร้องถึงประธานสภาฯ ขอให้รัฐสภาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ในห้วงเวลาที่ผ่านมาได้มีกลุ่มบุคคลออกมาชุมนุมโจมตีรัฐบาลและมีการกล่าวร้ายพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างต่อเนื่องในนามกลุ่มจึงได้รวมตัวกันพูดคุยถึงปัญหาดังกล่าวว่าเจตนาของผู้กลุ่มชุมนุมดังกล่าวมีเจตนารมณ์อย่างไรซึ่งจากการประชุมได้ข้อสรุป 3 ข้อ 1. มีกลุ่มการเมืองที่มีเจตนาไม่ดีต่อสถาบันซึ่งอยู่เบื้องหลังการชุมนุมและมีการส่งชุดความคิดไม่ถูกต้อง 2. ตั้งแต่ก่อนการเลือก กลุ่มนักการเมืองพยายามสร้างวาทกรรมแบ่งแยกพรรคการเมืองออกเป็น 2 ฝ่ายฝ่ายหนึ่งคือประชาธิปไตยฝ่ายที่ 2 คือเผด็จการการกระทำเช่นนี้ทำให้ประชาชนมีความเข้าใจผิด และ 3. ปัจจุบันกลุ่มการเมืองใช้วาทกรรมในการแบ่งแยกประชาธิปไตยออกจากสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ในนามกลุ่มพิจารณาแล้วว่ารัฐสภาซึ่งเป็นสถาบันด้านประชาธิปไตยที่มีหน้าที่ให้ความรู้ด้านประชาธิปไตยให้ถูกต้องต้องดำเนินการ ดังนี้ 1. ควบคุมการเมืองที่ปลุกปั่นอย่าให้ดำเนินการเช่นนี้อีก และตรวจสอบจริยธรรมนักการเมืองเหล่านี้พร้อมลงโทษตามความผิดรัฐธรรมนูญ และ 2. ให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชนเพื่อปกป้องไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขสุดท้ายนี้พวกเราขอยืนยันว่าประชาธิปไตยในประเทศไทยจะต้องเป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและส่วนตัวผมเป็นเด็กรุ่นใหม่ยอมรับไม่ได้ที่ใครจะมาจากร่วมสถาบันพระมหากษัตริย์ของพวกเรา
ขณะที่นายแทนคุณ กล่าวหลังรับหนังสือว่า การเดินทางมาครั้งนี้ เป็นสิ่งหนึ่งที่แสดงถึงการแสดงออกตามระบอบประชาธิปไตย กลุ่มผู้ชุมนุมใช้สันติวิธีในการแสดงออกถึงระบอบประชาธิปไตย ซึ่งจะนำข้อเรียกร้องเรียนต่อประธานสภาฯ ต่อไป และขอบคุณที่ดำเนินกิจกรรมชุมนุมโดยสงบภายใต้กรอบกติกา ยืนยันว่าไม่ได้เลือกข้างเลือกฝ่ายใดในการรับหนังสือจากกลุ่มผู้ชุมนุม ยินดีรับทุกกลุ่มเพราะต้องการให้ใช้กลไกของรัฐสภาให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด