กสศ.ร่วมกับ อว.-สอศ.เดินหน้าทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง หนุนเด็กด้อยโอกาสเรียนต่อสายอาชีพ ตอบโจทย์ตลาดแรงงาน ศ.21 จับมือ 66 สถาบันการศึกษาบ่มเพาะ นศ.ทุน 4,890 คน นักเศรษฐศาสตร์ชี้ทุน กสศ.คุ้มค่า ได้ผลกำไรคืนกลับประเทศชาติถึง 60% ด้าน อว. สอศ.พร้อมหนุนการทำงาน กสศ.
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2563 ที่อาคารอิมแพคฟอรั่ม เมืองทองธานี กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ร่วมลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง เพื่อค้นหาเด็กเรียนดีแต่ยากจนให้ศึกษาต่อในสายอาชีพ ซึ่งภายในงานมีการประชุม “สร้างโอกาสทางการศึกษาผ่านทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง” โดยมีผู้บริหารสถานศึกษาและบุคลากรสายอาชีวะเข้าร่วมประชุมกว่า 250 คน
นายสุภกร บัวสาย ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวว่า กสศ.ได้ดำเนินโครงการส่งเสริมนักเรียนนักศึกษาทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูงมีโอกาสศึกษาต่อสายอาชีพ โดยร่วมกับสถานศึกษาสายอาชีพเพื่อสนับสนุนเป้าหมายในการพัฒนากำลังคนสายอาชีพ และสร้างโอกาสให้เยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาสได้เรียนต่อสายอาชีพ ให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 และความต้องการตลาดแรงงานในประเทศ ปัจจุบันมีสถานศึกษาจากทุกสังกัด (สถานศึกษาอาชีวศึกษา วิทยาลัยชุมชน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล และสถานศึกษาอื่นๆ ที่เปิดสอนในระดับประกาศนียบัตรชั้นสูงหรืออนุปริญญา) ในปี 2562-2563 จำนวน 66 สถานศึกษาสายอาชีพ กระจายตัวใน 40 จังหวัด
โดยมีนักศึกษาทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูงรุ่น 1 และ 2 รวมจำนวน 4,890 ทุน โครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพฯ มีเป้าหมายสำคัญ คือ 1. ค้นหาเยาวชนช้างเผือกที่เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ให้มีโอกาสได้รับทุนการศึกษาทางสายอาชีพตามหลักสูตรที่ทันสมัยและตรงความต้องการของประเทศ 2. ผลิตบุคลากรด้านอาชีวศึกษาเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ ภายใต้ทิศทางการดำเนินงาน 4 ประการ คือ 1. ผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 21 2. เด็กที่ได้รับทุนทุกคนเรียนจบแล้วต้องมีงานทำ 3. เด็กที่ได้รับทุนได้สำเร็จการศึกษาตลอดหลักสูตรในสัดส่วนที่สูง ไม่มีการหลุดออกนอกระบบกลางคัน และ 4. หลังจากจบการศึกษาแล้วจะส่งเสริมอาชีพให้ทุกคน
“ผู้บริหารสถานศึกษาและบุคลากรครูจึงมีความสำคัญที่จะช่วยสร้างบุคลากรทางการศึกษา และยังช่วยให้การลงทุนเกิดผลคุ้มค่าไม่เป็นการลงทุนที่เสียเปล่า ซึ่งจะทำอย่างไรให้การเรียนสายอาชีพมีต้นทุนน้อยและเป็นสิ่งที่คุ้มค่า และ กสศ.เป็นเพียงกองหนุนไม่ใช่กองหน้า แต่จะร่วมผลักดันขยายผลให้กว้างขวางให้เกิดผลสำเร็จ เพราะทุนนวัตกรรมสายอาชีพฯ ไม่ได้ทำแค่ 1-2 ปีเท่านั้น แต่มีเป้าหมายระยะยาวที่จะเดินหน้าขยายผล เกิดการเรียนรู้ และเกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติ”
นายสุภกรกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การดำเนินการรุ่นที่ 1 ที่ผ่านมาพบว่าเด็กที่ได้รับทุนมีผลการเรียนดีมีเกรดเฉลี่ยอยู่ที่ 3.00 หรือกว่าร้อยละ 67 ถือเป็นผลที่น่าพอใจ แต่ยังมีเด็กที่รับทุนมีความเปราะบางและภูมิต้านทานต่ำ เมื่อเจอปัญหาและอุปสรรค เช่น เรื่องการปรับตัว ฯลฯ ก็จะหมดกำลังใจเรียนต่อ ดังนั้นผู้บริหารสถานศึกษาและบุคลากรครูจึงมีส่วนสำคัญที่จะป้องกันไม่ให้เด็กต้องหลุดออกจากระบบการศึกษากลางคันได้ และเพื่อป้องกันปัญหา กสศ.จึงได้ร่วมกับกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยเหลือดูแลปัญหาสภาพจิตใจของเด็กกลุ่มเหล่านี้เพื่อให้สามารถมีพลังในการเรียนต่อจนจบหลักสูตรได้ ทั้งนี้ หากเด็กสามารถเรียนจบตลอดหลักสูตรตามเป้าหมายที่วางไว้ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
นายแพทย์ สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า จากการทำงานของ กสศ.ที่ผ่านมาสามารถสรุปออกมาได้ 4 ข้อสำคัญ คือ 1. กสศ.เข้าใจความเป็นมนุษย์และเข้าใจสภาพแวดล้อมของเด็กที่ยากจน 2. นำหลักการของยุทธศาสตร์ชาติมาปรับใช้ในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ซึ่งเป็นปัญหาระดับประเทศ 3. เจาะลึกเข้าถึงพื้นที่ที่มีปัญหาจริง และ 4. ใช้การศึกษาเพื่อให้เกิดไอเดียและนวัตกรรมนำไปสู่การประกอบอาชีพได้ ซึ่งทั้ง 4 เรื่องต้องชื่นชมที่ กสศ.ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ยินดีให้การสนับสนุน กสศ.และต่อยอดโครงการเพิ่มเติมซึ่งเราพร้อมร่วมมือต่อไป
นายณรงค์ แผ้วพลสง เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) กล่าวว่า โครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูงเกิดจากการกลั่นกรองและผลักดันจากผู้ทรงคุณวุฒิในหลายภาคส่วน ซึ่งการดำเนินงานที่ผ่านมาเห็นชัดเจนว่าทางสถาบันการศึกษาและนักศึกษาอาชีวะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ตรงกับวัตถุประสงค์ของ กสศ.ที่มุ่งจะพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เติบโตไปอยู่ในสังคมได้อย่างสง่างาม มีศักดิ์ศรี และได้ตอบแทนบุญคุณประเทศชาติ ดังนั้น การรับทุนนี้ถือเป็นบันไดขั้นแรกของการช่วยเหลือ แต่สถานศึกษาต้องมีกระบวนการที่จะทำให้เด็กได้ไปถึงฝั่งฝันและไม่หลุดออกนอกระบบกลางคัน เพราะหากเรามองไปที่เด็กที่เรียนสายอาชีวะ เชื่อว่าจะมีเด็กที่มาจากครอบครัวยากจนและด้อยโอกาสเกินกว่าร้อยละ 80 จึงต้องมีกองทุนแบบนี้มาช่วยให้เด็กๆ ได้พัฒนาศักยภาพให้สมบูรณ์ ถือเป็นการเติมเต็มสิทธิขั้นพื้นฐานที่เด็กควรจะได้รับ
“วันนี้กำลังพลในด้านของช่างเทคนิค ช่างเทคโนโลยีขาดแคลนมาก ขาดแคลนจนไปกระทบภาคอุตสาหกรรมเกือบทุกประเภท ส่งผลให้ทุกหน่วยงานออกมาเรียกร้องให้ผลิตคนสายอาชีวะให้เยอะขึ้น แต่การจะก้าวข้ามตรงนี้ได้เราต้องตอบโจทย์ประเทศให้ได้ มันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะผู้ปกครองมองภาพลักษณ์อาชีวะในด้านลบ เมื่อคนมองข้ามก็จะไม่ส่งลูกหลานมาเรียนสายอาชีวะ เราจึงต้องมีการปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อที่จะกอบกู้ความรู้สึกเหล่านี้ เพื่อที่จะชี้ให้เห็นว่าการเรียนสายอาชีวะไม่ได้ด้อยค่า ปัจจุบันเรามีสายนวัตกรรมอาชีพมากมายที่ได้ค่าตอบแทนสูง ซึ่งหากดูตัวเลขการเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาจะเห็นว่ามีเด็กอาชีวะเรียนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10 อย่างไรก็ตามเชื่อว่าถ้าเราช่วยกันผลักดันก็จะมีน้ำหนักและเป้าหมายที่ชัดเจนร่วมกันมากขึ้น” นายณรงค์กล่าว
ขณะที่ ผศ.ดร.ศุภชัย ศรีสุชาติ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า ระบบทุนการศึกษาในประเทศไทยใช้ระบบทุนสากล ที่ส่งเสริมให้ทุนการศึกษาเด็กตั้งแต่แรกเกิด แต่เมื่อเด็กต้องการศึกษาขั้นสูง การให้ทุนจะมีข้อจำกัดมากขึ้นทำให้เด็กขาดโอกาสทางการศึกษา เราจึงอยากยกตัวอย่างทุนของโปรเกสซาที่เกิดขึ้นในประเทศเม็กซิโก เป็นทุนการศึกษาที่ให้ทุนเรียน พร้อมยกระดับความเท่าเทียมระหว่างเพศ การเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา และการได้รับสารอาหารครบถ้วน ซึ่งทุนดังกล่าวมีเงื่อนไขเพียงส่งเด็กเข้าไปเรียน และเข้าตรวจสุขภาพเท่านั้น ทั้งนี้ หลักการง่ายๆ ช่วยส่งผลให้อัตราการเข้าเรียนของเด็กเพิ่มขึ้น เป็นทรัพยากรที่ดีของประเทศ แม้ทุนนี้จะใช้ต้นทุนสูงแต่ก็ถือว่าคุ้มต่อการลงทุน เพราะทุนนวัตกรรมสายอาชีพรุ่นที่ 1 ที่กำลังจะจบการศึกษาจะมีผลตอบแทนคืนกลับมาให้แก่ประเทศสูงถึง 680 ล้านบาท (ตลอดชีวิต) หรือเทียบเท่ากับการลงทุนที่ได้ผลกำไรร้อยละ 60 นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กที่ได้รับทุน เราจะทำอย่างไรถึงจะขยายวงกว้างให้เด็กที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมสามารถเข้ามารับทุนนี้ได้
“สำหรับทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูงของ กสศ.เป็นกองทุนที่มีแนวคิดใกล้เคียงกับกองทุนในต่างประเทศ เป็นทุนที่รวมระบบนิเวศทั้งหมดไว้ด้วยกัน ทุนนี้จะช่วยเปิดโอกาสให้นักศึกษาและช่วยให้สถาบันอาชีวศึกษามีนักศึกษาเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ฝากถึงผู้ประกอบการที่อยากมีส่วนร่วมในการให้ทุนนักศึกษา จำเป็นต้องร่วมมือกับสถานศึกษาจัดหลักสูตรการสอน ผลิตบุคคลากรตรงตามความต้องการ ขณะเดียวกันต้องให้ทุนระยะยาวแก่เด็กจนจบการศึกษาด้วย” ผศ.ดร.ศุภชัยกล่าว
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า"SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
SMEs manager