ปัญหาการเหลือมล้ำทางการศึกษาสำหรับประเทศไทย กำลังจะถูกขจัดออกไปจากสังคมไทย หลังจากหลายฝ่ายให้ความสำคัญ ไม่เฉพาะหน่วยงานของภาครัฐที่ทำงานอย่างจริงจัง และเอกชน อย่างธุรกิจสตาร์ทอัป ก็กำลังจะมาส่วนหนึ่งในขับเคลื่อนการแก้ปัญหาดังกล่าว ด้วยไอเดียการเรียนได้ทุกที่ ทุกเวลาผ่าน ครูออนไลน์ทางมือถือ ในราคาแสนประหยัด ไอเดียดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นมาจากเจ้าของสตาร์ทอัป ใช้ชื่อแอปฯ ว่า Startdee หลานชายอดีตนักการเมืองชื่อดัง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ "ไอติม” ผู้ก่อตั้ง startdee เน็ตฟลิกซ์แห่งวงการการศึกษาไทย เล่าถึงจุดเริ่มต้น ก่อตั้ง Startdee สตาร์ทอัปในครั้งนี้ ว่า เกิดขึ้นมาจากเราได้วางตัวเองเป็นสตาร์ทอัปเพื่อสังคม เราต้องการเข้ามาแก้ปัญหาสังคม และปัญหาที่เราอยากจะเข้ามาแก้ คือ เรื่องของความเหลือมล้ำทางการศึกษา เพราะในปัจจุบัน เด็กไทยเจอความเหลือมล้ำทางการศึกษา หลายตลบ ตลบที่หนึ่ง ความเหลือมล้ำในรั้วของโรงเรียน เรามองเห็นว่า คุณภาพการเรียนการสอนของในแต่ละโรงเรียนไมม่เท่ากัน บางโรงเรียนที่อยู่ตามหัวเมือง ก็จะมีคุณภาพการเรียนการสอนที่ดี สามารถพัฒนาเด็กให้มีทักษะที่สามารถตอบโจทย์โลกในยุคอนาคตได้ และในขณะเดียวกัน บางโรงเรียนส่วนใหญ่จะขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนอยู่บ้าง ขาดแคลนคุณครู อย่างโรงเรียนขนาดเล็กบางแห่ง มีครูไม่ครบถ้วนทุกชั้นด้วยซ้ำ ครูคนเดียว สอนหลายวิชา หรือ หลายชั้นเรียน
ส่วนความเหลื่อมล้ำ ตลบที่ 2 คือ การเด็กบางคนอยากจะค้นหาการเรียนภายนอกโรงเรียน ก็ไปเจอกำแพงในเรื่องของราคา ในตลาดการเรียนพิเศษ หรือ การหาความรู้นอกโรงเรียน เพราะฉะนั้น กลายเป็นว่า ถ้าเด็กคนหนึ่ง ไปเจอปัญหาอุปสรรคการเรียนการสอนพิเศษภายนอกห้องเรียนที่ไม่ดี ยิ่งทำให้เขาไม่มีกำลังใจ และทำให้เด็กคนหนึ่งที่น่าจะมีอนาคตที่ดีจากกาเรียน แต่ไม่สามารถเข้าถึงการศึกษาที่ดีได้ ซึ่งเป็นอุปสรรคที่เราอยากเข้ามาแก้ไข และช่วยให้เด็กที่ต้องการค้นหาเรียนนอกโรงเรียนได้มีที่เข้าถึงได้ง่าย ในราคาประหยัด
ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นจุดกำเนิด ที่ผมทำสตาร์ทอัป โดยการพัฒนาแอปพลิเคชั่น ที่ชื่อว่า Startdee เราเป็นสตาร์ทอัปที่พยายามทำให้เด็กกลุ่มนี้เข้าถึงการเรียนการสอนที่ดีให้ได้ เราเล็งเห็น เด็กนักเรียนทุกคนมีโทรศัพท์มือถือ แม้แต่เด็กที่มีรายได้น้อย ยังมีโทรศัพท์มือถือถึง 79% และถ้าเราเอาเนื้อหา และการศึกษาที่ดีไปอยู่ในโทรศัพท์มือถือ ทำให้เด็กเหล่านั้นเข้าถึงการศึกษาที่ดีได้ สามารถลดการเหลื่อมล้ำทางการศึกษาได้ในระดับหนึ่ง
ทั้งนี้ ถ้าถามว่า แอปฯ เราทำอะไร เราตั้งเป้าหมายที่จะทำให้แอปฯของเราเป็น เน็ตฟลิกซ์ ทางการศึกษา เป็นการรวมเนื้อหาทางการศึกษาตั้งแต่ระดับประถม จนถึง ชั้นมัธยมในวิชาที่เด็กเรียนในโรงเรียนและวิชาที่เด็กไม่ได้เรียนในโรงเรียน ทักษะที่มีความสำคัญและเทคโนโลยีมีความฉลาดมากขึ้น สิ่งที่เราอยากจะให้มันเกิดขึ้น ก็คือว่า เนื้อหาการเรียนที่เด็กเรียนจะแตกต่างออกไปจากที่เรียนในโรงเรียน จะถูกดัดแปลงไป โดยเด็กจะเจอคำถามง่ายที่เป็นพื้นฐานก่อน ถ้าเด็กตอบไม่ได้จะเริ่มเรียนตั้งแต่เนื้อหาง่ายก่อน และถ้าผ่านไปได้จะไปเจอเนื้อหาที่ยากขึ้น และอันนี้เป็นเป้าหมายของStartdee
“ไอติม” พูดถึง การเข้ามาทำงานด้านการศึกษา ครั้งนี้ เริ่มมาจากผมมีความสนใจในด้านการศึกษามาค่อนข้างยาวนาน ส่วนตัว คือ การศึกษาก็เปลี่ยนชีวิตผม ทำให้ผมได้รับโอกาสหลายๆ อย่างที่ดีขึ้น ตอนที่ผมได้ทำงานที่แรกที่บริษัทเอกชน แห่งหนึ่ง ผมตัดสินใจทำงานที่บริษัทนั้น เพราะเป็นบริษัทที่ทำงานด้านการศึกษาค่อนข้างเยอะ ตอนตัดสินใจลาออกมาทำงานการเมือง เราก็สนใจด้านการศึกษา และครั้งนี้ พอเราได้ลงเลือกตั้ง เราไม่มีโอกาสไปสร้างนโยบาย หรือ ทำงานในสภา และพอเราตัดสินใจลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งเป้าไว้กับตัวเอง ว่าเราจะใช้เวลานี้ มาทำงานอะไรบ้างอย่าง ที่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับสังคมได้ ในแวดวงการศึกษา ทำให้เราได้เรียนรู้ทักษะอะไรใหม่ๆ ก็เลยเป็นเหตุผลที่เราตัดสินใจมาทำสตาร์ทอัป ด้านการศึกษา
สำหรับ Startdee เริ่มตัวครั้งแรก เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา เป็นช่วงสถานการณ์โควิด-19 พอดี ซึ่งเป็นช่วงที่เด็กว่างจากการเรียนในห้องเรียน เพราะน้องยังปิดเทอมอยู่ ทำให้เขาได้มีโอกาสมาทดลองใช้แอปฯ Startdee ซึ่ง ปัจจุบันมีผู้ดาวน์โหลดแอปฯของ Startdee อยู่ที่ประมาณ 2 แสนราย ซึ่งเนื้อหาการเรียนการสอนอยู่ในระดับชั้นประถมปีที่ 4 ถึง มัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยจะประกอบด้วยวิชาหลักที่มีการเรียนการสอนทั่วไป คือ วิชาภาษาอังกฤษ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ และสังคม ส่วนค่าเรียนของเราจะถูกมาก คือ เดือนละ 200-300 บาท อาจารย์ที่มาสอนจะเป็นทั้งอาจารย์ที่มาจากในสถาบันการศึกษาต่างๆ และ อาจารย์ที่เพิ่งจบใหม่ หรือ น้องนักศึกษาคนรุ่นใหม่ ซึ่งทีมอาจารย์ของเราตอนนี้ มีมากกว่า 40 คน
"การพัฒนาแอปพลิเคชั่นของ Startdee เราจะใช้เวลาในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบันก็ยังคงพัฒนาอยู่เรื่อย และส่วนหนึ่ง ได้ฐานข้อมูลน้องจากระบบ iSEE2.0 ของ กสศ. มาช่วยทำให้เราทราบว่า น้องๆ ที่มาเรียนกับเราเป็นกลุ่มไหน เมื่อนำชื่อ และ โรงเรียนของน้องมาเทียบเคียงกับฐานข้อมูล ของ กสศ.(กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา) เพื่อจะได้นำมาออกแบบการเรียนการสอนของเราให้ตรงกับความต้องการของน้องๆ ที่แตกต่างกัน ตามสถานที่เรียน เพราะต้องการให้เด็ก หรือ น้องๆ ที่มาเรียนได้อะไรกลับไป ที่มากว่า การเรียนในห้องเรียน และทำให้น้องสนุก และไม่เบื่อกับการเรียน เช่น ทำคลิปการเรียนการสอนแต่ละครั้ง พยายามทำให้ไม่ให้เกิน 10 นาที เพราะรู้ว่า ถ้าเด็กเรียนนานจะรู้สึกเบื่อได้ หรือ การแจกของรางวัล เพื่อให้เด็กได้เรียนจนจบ เป็นต้น"
นอกจากนี้ StartDee ยังมีแผนการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ที่เสมือนเป็นห้องแห่งการเรียนรู้เพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น StartDee Room สำหรับนักเรียนชั้น ป.1-6, StartDee Room สำหรับทักษะแห่งอนาคต, Personal Development Room การพัฒนาความรู้ความสามารถรายบุคคล, Game Room ห้องเกม และ Social Room ห้องแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างนักเรียนด้วยกัน
สนใจ ติดต่อ FB: startdee
** * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า"SMEsผู้จัดการ"รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุดและร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *
SMEs manager
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *