“เสรี” มองข้อเสนอ “วันชัย” ยอมตัดอำนาจ ส.ว.เลือกนายกฯ เป็นความเห็นส่วนตัว อ้างประชามติคุ้มกันรื้ออำนาจ ส.ว. โอดถูกล่อเป้าเพราะไม่ถูกใจไม่ดูเหตุผล “พลเดช” แนะคุยกันอย่าข่มขู่ ลั่นไม่มีใครกลัวใคร ชี้ม็อบ นศ.แค่วูบวาบไปไม่ถึงปฏิวัติมวลชน
วันนี้ (9 ส.ค.) นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. ในฐานะประธานกรรมาธิการพัฒนาการเมือง วุฒิสภา กล่าวถึงกรณีนายวันชัย สอนศิริ ส.ว.เสนอให้แก้รัฐธรรมนูญ ยอมให้ตัดอำนาจ ส.ว.โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีว่า เป็นความเห็นส่วนตัวของนายวันชัยที่วิเคราะห์จากสถานการณ์การเมือง เสียง ส.ว.ที่ออกมาแสดงความเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยการแก้รัฐธรรมนูญเป็นเสียงส่วนน้อย แต่เสียง ส.ว.ส่วนใหญ่ยังนิ่ง รอดูสถานการณ์อยู่ การแก้รัฐธรรมนูญเรื่องส.ว.นั้น ต้องดูว่า ส.ว.มาโดยรัฐธรรมนูญ มีภารกิจปฏิรูปประเทศ ติดตามยุทธศาสตร์ชาติ เลือกนายกฯ ที่กำหนดเป้าหมายไว้แต่แรก ดังนั้น การจะเปลี่ยนแปลงอะไรต้องรอบคอบ จะดูกระแสอย่างเดียวไม่ได้ ต้องว่าด้วยเหตุผล โดยเฉพาะการไม่ให้ ส.ว.โหวตเลือกนายกฯ ต้องเป็นไปโดยความเห็นพ้องต้องกัน รัฐธรรมนูญนี้ผ่านประชามติมา ต้องเคารพเสียงประชาชน จะแก้ได้ก็ต้องเป็นความเห็นพ้องต้องกัน
นายเสรีกล่าวว่า ข้อเรียกร้องการแก้รัฐธรรมนูญเรื่อง ส.ว.ขณะนี้ เป็นเรื่องของที่มา ส.ว.ไม่ถูกใจจึงออกมาเรียกร้อง แต่ไม่ได้ดูเรื่องเหตุผล บวกกับปัญหาการเมืองที่บางพรรคถูกยุบพรรค กรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิโดยรัฐธรรม นูญฉบับนี้ เลยอยากให้รื้อใหม่หมด ขณะนี้ ส.ว.ขอรอดูความเห็นทุกฝ่ายเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญให้ได้ข้อยุติชัดเจนก่อนว่า จะแก้โดยวิธีตั้ง ส.ส.ร.หรือแก้รายมาตรา เพราะ ส.ส.ยังเห็นไม่ตรงกัน ถ้า ส.ว.รีบเสนออะไรไป โดยยังไม่มีข้อยุติ จะยิ่งสร้างความขัดแย้งมากขึ้น
ด้าน นพ.พลเดช ปิ่นประทีป สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวว่า ความจริง ส.ว.ไม่ได้เป็นเอกภาพ มีความเห็นแตกต่างกัน ส่วนตัวไม่ขัดข้องถ้าจะแก้รัฐธรรมนูญไม่ให้โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ผลออกมาเป็นอย่างไรพร้อมยอมรับ ตนพร้อมโหวตแก้ให้ แต่ให้มาคุยกันก่อนว่าจะแก้ไขประเด็นใด แก้ทั้งฉบับหรือบางประเด็น เพราะรัฐธรรมนูญไม่ใช่ไม่ดีทั้งฉบับ ส่วนดีก็มีเยอะ ขอให้มาคุยกัน อย่ามาขู่กันเพราะไม่มีใครกลัวใคร การระบุว่าอำนาจ ส.ว.เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งนั้น แล้วแต่จะมอง แต่อำนาจ ส.ว.เป็นไปตามบทเฉพาะกาล 5 ปี ให้ทำหน้าที่ติดตามการปฏิรูปประเทศ เชื่อว่ากว่าจะแก้ฐธรรมนูญเสร็จก็เข้าไปที่ 2-4 ของรัฐบาลแล้ว ตอนนั้น ส.ว.ใกล้หมดเวลาแล้ว อย่าใจร้อนเกินไป ควรให้ ส.ว.ทำหน้าที่ครบ 5 ปี เดี๋ยวก็ต้องไป
นพ.พลเดชกล่าวว่า ส่วนการชุมนุมของนักศึกษาที่กำลังลามไปทั่วประเทศนั้น ควรเปิดเวทีให้นักศึกษาได้แสดงออก แต่นักศึกษาอย่าเลยเถิด ไร้เดียงสา ตนเคยผ่านวัยนักศึกษามาก่อน รู้ดีว่าสุดโต่งเกินไปก็ไม่ชนะ เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ถ้าเปรียบเทียบการชุมนุมของนักศึกษาสมัยก่อนกับปัจจุบันต่างกันมาก สมัยก่อนนักศึกษามาชุมนุมด้วยจิตสำนึกการมีส่วนร่วม อุดมการณ์การเมือง ศึกษาเรื่องราวต่างๆ มาอย่างจริงจัง แต่สมัยนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เป็นเรื่องการใช้อารมณ์ความรู้สึกมากกว่า การบอกว่ากระแสนักศึกษาจุดติดลามไปทั่วประเทศนั้นเป็นการติดแบบวูบวาบ ยังไปไม่ถึงขั้นกระแสปฏิวัติมวลชน เชื่อว่าสิ่งที่ทำจะไม่สำเร็จ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ และเกรงว่าจะมีแรงต้านออกมาทำให้สถานการณ์แรงขึ้น คุมกันลำบาก ไม่อยากให้มีความรุนแรงเกิดขึ้น