ผช.รมต.สำนักนายกฯ วอนทุกฝ่ายร่วมมือนายกฯ ในการแก้ปัญหา เชื่อ “ประยุทธ์” มีสมาธิไม่วอกแวกกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ มุ่งหน้าพาคนไทยฝ่าโรคไวรัสโควิด-19 ผ่านไปได้ด้วยดี
วันนี้ (22 มี.ค.) นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้สถานการณ์ของการให้ข่าวเกี่ยวกับโควิด-19 มีเป้าหมายเพื่อมุ่งสู่ผลกระทบให้น้อยที่สุดและเพื่อความปลอดภัยในชีวิตของพี่น้องประชาชนที่มีค่าสูงสุด จึงต้องขอทุกคนสนใจข่าวสารจากรัฐบาลอย่างใกล้ชิด บางเรื่องอาจจะสื่อสารสับสนบ้างเป็นเรื่องที่ต้องขอความเข้าใจกันเห็นใจกัน เพราะทุกคนทุ่มเทเสียสละทำงานหนักแทบไม่ได้พักผ่อน อย่าเอามาเป็นประเด็นทำให้คนทำงานเสียขวัญกำลังใจ จึงอยากฝากไปยังเพื่อนสมาชิกนักการเมืองฝ่ายค้านทุกท่านว่า ขอให้ยุติการให้ร้ายและโจมตีการทำงานของนายกฯ และคณะจะเป็นการดีที่สุด เพื่อให้รัฐบาลได้ใช้สรรพกำลังที่มีอยู่ฝ่าฟันสถานการณ์นี้ไปให้ได้
“นายกฯ เป็นหัวหน้าทีมหรือผู้นำที่กำลังบังคับรถที่จะนำพาคนไทย 70 ล้านคน ทั้งที่ติดเชื้อและไม่ติดเชื้อ ฝ่าด่านโควิด-19 ไปให้ถึงฝั่งถึงเส้นชัย เพราะมีชัยชนะรออยู่ข้างหน้า แต่ระหว่างทาง หากมีใครมาตะโกนโหวกเหวกในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง นายกฯ จะไม่เสียเวลาจอดรถรับฟังจนทำลายสมาธิเพราะไม่อยากเสียเวลากับเรื่องที่ไร้สาระเหล่านั้น นายกฯ ต้องใช้สมาธิและความมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาไปให้ถึงจุดหมาย แต่หากใครมาร้องอยู่สองข้างทางตามแยกต่างๆ มีความเห็นมีข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาเรื่องโควิด แม้ประชาชนแค่คนเดียว นายกฯ ก็ยินดีจอดรถรับฟัง”
นายสุภรณ์ยังกล่าวตอนท้ายว่า สิ่งสำคัญที่สุดและเป็นหัวใจของการต่อสู้กับโรคร้าย คือ ความร่วมมือร่วมใจ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนไทย เชื่อมั่นคนไทยในยามทุกข์เข็ญจะหลอมรวมเป็นหนึ่ง และขอให้เชื่อมั่นในตัวนายกฯ ที่จะบริหารจัดการประเทศในยามวิกฤตให้ผ่านพ้นไปได้
เมื่อถามว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เสนอให้นายกฯ ลาออกเพื่อให้สภาเลือกนายกฯ คนใหม่มาแก้ปัญหาโควิด-19 นั้น นายสุภรณ์ถามกลับว่า นายธนาธรควรจะหาหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือไปแจกประชาชน ช่วยประชาชนอีกทาง ไม่ควรฉวยโอกาสที่เวลาที่ประชาชนเดือดร้อนมาซ้ำเติมกันเพื่อหวังผลทางการเมือง ควรคิดสร้างสรรค์มากกว่านี้ วิสัยทัศน์ของคนที่จะอาสามาเป็นผู้นำประเทศคิดได้เพียงแค่นี้เองหรือ ความคิดแค่ทำให้ตัวเองถูกต้องตามกฎหมายของพรรคการเมืองยังทำไม่ได้ ทำตัวเองผิดพลาดจนคงต้องทำให้กรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคของตนเองต้องเดือดร้อนไปด้วย ไม่ต้องคิดเสนอตัวเองมาเป็นผู้นำบริหารบ้านเมืองเลย แค่บริหารครอบครัวในพรรคตัวเองยังไปไม่รอดเลยครับ” นายสุภรณ์กล่าว