ประชุม กมธ.กฎหมาย รองโฆษก อสส.แจงรายงานความเร็วรถ “บอส วรยุทธ” 177 กม./ชม.ของอาจารย์จุฬาฯ ไม่ปรากฏในสำนวนจึงสอบใหม่ได้ เช่นเดียวกับกรณีสารโคเคน “โรม” ชี้อำนาจ กมธ.ชุด สนช.ไม่มีหน้าที่เสนอความเห็น แถมอัยการดันรับเรื่อง ด้าน “ดร.สายประสิทธิ์” เผย กมธ.สนช.ติดต่อเมื่อ 13 ก.ย. 59 ให้ช่วยคำนวณความเร็วรถ ย้ำได้ไม่เกิน 80 กม./ชม.บนสมมติฐานของตนเอง
วันนี้ (5 ส.ค.) ที่ประชุมคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสิระ เจนจาคะ เป็นประธาน ร่วมกับนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน ได้เชิญหลายฝ่ายมาชี้แจงให้ข้อมูลเพิ่ม ในคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา (บอส) ที่ขับรถยนต์เฟอร์รารีชน ดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ จนเสียชีวิต
โดยนายประยุทธ์ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ชี้แจงไล่เรียงขั้นตอนการตรวจสอบคณะกรรมการของอัยการที่ทำการตรวจสอบสำนวนของนายวรยุทธ ครบ 7 วันได้เห็นว่าในสำนวนมีข้อสงสัย เรื่องความเร็วรถของนายวรยุทธที่ นายสธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุและทำรายงานค่าความเร็ว 177 กม./ชม. แต่รายงานดังกล่าวไม่ปรากฏในสำนวนพนักงานสอบสวนจึงถือว่าข้อมูลนี้เป็นพยานใหม่ที่สามารถไปสอบสวนเพิ่มเติมให้ดำเนินคดีต่อนายวรยุทธเรื่องความเร็วรถใหม่ได้ เนื่องจากคดียังไม่หมดอายุความ
ส่วนอีกหนึ่งความเห็นคือ การพบสารแปลกปลอมในร่างกายของนายวรยุทธ แต่พนักงานสอบสวนไม่เคยแจ้งข้อกล่าวหาว่าการเสพยาเสพติดอยู่ในสำนวนคดี จึงมองว่าควรมีการแจ้งข้อกล่าวหาให้มีการสอบสวนเพิ่มเติม ขณะที่นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญาธนบุรี กล่าวว่า ที่ตำรวจไม่เคยออกมาชี้แจงเรื่องรายงานของนายสธนไม่มีอยู่ในสำนวน คดีตามที่ตำรวจได้เคยออกมาเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่าได้เอารายงานดังกล่าวเข้าไปอยู่สำนวนซึ่งการตรวจนี้ตนได้ตรวจทุกหน้าทุกบรรทัดเมื่อคืนที่ผ่านมา
ด้านนายรังสิมันต์ โรม ในฐานะกรรมาธิการ กล่าวว่า ตนได้ไปอ่านบันทึกชีวเลขของ กมธ.กฎหมายชุด สนช.พบว่า กมธ.ได้รับเรื่องของนายบอสเข้าสู่การพิจารณาและข้อโต้เเย้งให้อัยการ ซึ่งเห็นว่าในอำนาจหน้าที่ของกรรมาธิการมีหน้าที่เพียงการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ไม่มีหน้าที่เสนอความคิดเห็นส่งข้อโต้แย้งไปให้อัยการ และตั้งข้อสังเกตอีกว่า ก่อนที่จะมีการส่งเอกสารมาที่อัยการ มีความพยายามจากฝ่ายนายวรยุทธส่งคำร้องมาให้อัยการตลอด แต่อัยการปฏิเสธไม่รับ แต่พอมาเป็น สนช.ส่งเอกสาร อัยการกลับรับเรื่องไว้ โดยไม่ตรวจสอบว่าผู้ส่งเป็นใคร ทั้งนี้หากเป็นประชาชนคนธรรมดา อัยการก็คงไม่รับแบบนี้
ขณะที่นายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม นักวิชาการวิศวกรรมเครื่องกล สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ ผู้ที่คํานวณความความเร็วรถยนต์ของวรยุทธก่อนชนได้ไม่เกิน 80 กม./ชม. ชี้แจงว่าที่เข้าร่วมตรวจสอบเรื่องนี้เพราะ กมธ.กฎหมายชุด สนช.ส่งหนังสือไปที่คณะเมื่อวันที่ 13 ก.ย. 59 พร้อมกับส่งเรื่องไปที่คณะ อธิการบดี และอีก 1 ฉบับ ขอความอนุเคราะห์ให้ตนเองจัดทำรายงานตรวจสอบสภาพยานยนต์ เรื่องการคำนวณความเร็วรถยนต์และจักรยายนต์ ซึ่งตนก็ได้ทำจดหมายผ่านมหาวิทยาลัยเมื่อวันที่ 13 ต.ค. 59 และส่งเอกสารอีกชุดให้กับคณะทำงาน ยื่นยันว่าการคำนวณและการตรวจความเร็วของรถได้ปรากฏอยู่ในรายงานทั้งหมด
ขณะที่ พล.ต.ท.ชวลิตร เลาหอุดมพันธ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ในฐานะที่เคยเป็นพนักงานพิสูจน์หลักฐานคดี ตั้งคำถามถึงนายสายประสิทธิ์ ถึงที่มาของการคำนวณความเร็วที่คลาดเคลื่อนไปจากวิธีการคำนวณอาจารย์สธน ที่หากใช้สูตรคำนวณตามหลักฟิสิกส์จะคลาดเคลื่อนมากกว่าหรือน้อยกว่า 177 กม.เพียง 17 กม.เท่านั้น ซึ่งนายสายประสิทธิ์ชี้แจงว่า ตนยืนยันไม่ได้คำนวณผิดตัวเลขค่าความเร็วที่ออกมาได้ไม่เกิน 80 กม./ชม. เป็นตัวเลขที่ถูกต้องแต่อยู่บนสมมติฐานของตนเอง และยืนยันว่าได้ทำงานอย่างเต็มความสามารถในกรอบระยะเวลาที่ได้รับมอบหมาย พร้อมกล่าวว่าการใช้วิธีคำนวณความเร็วระยะทางหารด้วยเวลาด้วยภาพจากกล้องวงจรที่ได้มาในลักษณะนี้จึงใช้สมมติฐานของตนที่คาดว่าจะเป็นไปได้