เอาแล้ว “เจี๊ยบ นครปฐม” ซูฮก “อานนท์ นำภา” ปราศรัยปฏิรูปสถาบัน นักวิชาการสายหนุน โหนเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ “อดีตบิ๊กข่าวกรอง” ประกาศกร้าวไม่มีม็อบชนม็อบแน่นอน ถ้าไม่ชุมนุม “หมิ่นเจ้า”
น่าสนใจ เป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (4 ส.ค. 63) เฟซบุ๊ก Amarat Chokepamitkul ของ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล เจ้าของฉายา “เจี๊ยบ นครปฐม” ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความระบุว่า
“กิจกรรมเสกคาถาปกป้อง ปชต.เมื่อคืนนี้ ทนายสิทธิมนุษยชน นายอานนท์ นำภา ได้ขึ้นเวทีปราศรัยเรื่องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ในมุมมองของนักกฎหมาย ได้กล่าวว่า ตนพูดถึงปัญหาและข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาด้วยความจงรักภักดี
#สังเกตการณ์การชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
#กรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ.”
“นักวิชาเกิน” เชียร์ม็อบเปิดเวทีตั้งคำถามกับสถาบันกษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก Sarinee Achavanuntakul - สฤณี อาชวานันทกุล ของ น.ส.สฤณี อาชวานันทกุล นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ นักเขียน นักแปลชื่อดัง โพสต์ข้อความว่า
“ไม่ว่าใครจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับทนายอานนท์ คำปราศรัยบนเวทีของเขาก็ได้เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับประเทศไทย และอย่างน้อยที่สุด ก็ควรเป็นจุดเริ่มต้นของการฉุกให้ทุกคนคิดอย่างจริงจังว่า ระหว่างคนที่ตั้งคำถามอย่างมีเหตุมีผลกับสถาบันกษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตย กับคนที่โหนสถาบันอย่างหน้ามืดตามัว ล่าแม่มด และตีขลุมการพูดถึงสถาบันทุกรูปแบบที่มิใช่การเชิดชูอย่างล้นเกินว่า “ล้มเจ้า” นั้น - ระหว่างคนสองประเภทนี้ ใครกันที่สมควรถูกเรียกว่า “ชังชาติ” และเป็นอันตรายต่ออนาคตของชาติและสถาบันมากกว่ากัน”
ด้าน จอม เพชรประดับ สื่อมวลชนอิสระ ที่ลี้ภัยการเมืองในสหรัฐอเมริกา โพสต์เฟซบุ๊ก ขานรับทันควัน เหมือนรออยู่แล้ว ระบุว่า
“การยกระดับเพดานการเคลื่อนไหวของพลังเยาวชน นักศึกษา และประชาชน ที่เพิ่มเติมข้อเรียกร้องใหม่ ไม่เฉพาะแก้รัฐธรรมนูญ หรือยุบสภา เท่านั้น
แต่ข้อเสนอของกลุ่มมหานครประชาธิปไตย ที่แถลงอย่างชัดเจนและครอบคลุมที่สุด โดย ทนายอานนท์ นำภา นั่นก็คือ ข้อเสนอที่ขยับเข้าสู่การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ เพื่อให้ดำรงสถานะที่สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตย และไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน
แต่ด้วยข้อเสนอนี้ อาจจะนำไปสู่การข่มขู่คุกคามประชาชน นักศึกษา โดยเจ้าหน้าที่รัฐ หรือกลุ่มประชาชนที่สนับสนุนรัฐจะเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นหรือไม่
เรื่องนี้ทาง ไอลอว์ เตรียมรวบรวมปัญหาการข่มขู่คุกคามเยาวชน นักเรียน และประชาชนนับตั้งแต่การชุมนุมทางการเมืองของเยาวชนปลดแอกจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา รวมถึงข้อเสนอแนะต่อการแก้ปัญหานี้ ต่อคณะกรรมาธิการกฎหมายในเร็วๆ นี้
(ติดตามการไลฟ์สด รายละเอียดเรื่องนี้ได้ คืนวันที่ 4 สิงหาคมนี้ เวลา สามทุ่มเป็นต้นไป ทางเฟซนี้ และ ยูทูป Jom voice Channel ...ครับ )
และที่น่าสนใจ ไม่แพ้กัน เฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ของ นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความ ระบุว่า
“ประชาชนปลดแอก ที่ใดมีแรงผลัก ย่อมมีแรงต้าน เมื่อกลุ่มเยาวชนปลดแอกจัดชุมนุมย่อยกระจายไปในหลายพื้นที่ แต่ปล่อยปละละเลยให้มีการแอบซ่อนเคลื่อนไหวต่อต้านสถาบัน บังหน้าด้วยการเรียกร้องให้นายกฯลาออก ยุบสภา และแก้รัฐธรรมนูญ
ตอนนี้เปลี่ยนชื่อจากเยาวชนเป็นประชาชนปลดแอก ทำไมถึงเปลี่ยน นักศึกษามาน้อยไป หรือส่วนใหญ่มีแต่คนแก่ คนไทยไม่ตอบรับ เลยต้องเปลี่ยนให้ตรงกับความจริงหรือไง
ข้อเรียกร้องทั้งสามข้อ ขอย้ำเป็นสิทธิไม่มีใครว่า จะสำเร็จหรือไม่
คนไทยส่วนใหญ่ไม่สน
แต่คนไทยยอมรับไม่ได้ที่มีการหมิ่นสถาบัน กลุ่มอาชีวะรักชาติ และกลุ่มคนไทยที่จงรักภักดีตามจังหวัดต่างๆ ขยับตัวออกมาแสดงพลังความจงรักภักดี นี่เป็นเพียงส่วนหัวขบวนของคนที่จงรักภักดี
ไม่ใช่ม็อบชนม็อบแน่นอน ถ้าไม่ชุมนุมหมิ่นเจ้า
แปลกดีนะ ทั่วโลกกำลังวิตกกับโควิดที่มีการติดเชื้อถึง 18 ล้านคน มีคนตายเรือนหลายแสน แต่นักการเมืองและเยาวชนไทยกลับมาเรียกร้องแก้รัฐธรรมนูญ
อย่ามัวแต่เพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังอยู่เลย มาช่วยกันรักชาติ ร่วมแรงกันฟื้นฟูชาติจากวิกฤตโควิด
หากรัฐธรรมนูญแก้ปัญหาโควิดได้ อเมริกาและยุโรปคงไม่ติดเชื้อและตายเพราะโควิดกันมากมายขนาดนี้หรอกมั้ง.”
แน่นอน, สิ่งที่สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจน ก็คือ ขณะที่ฝ่ายหนึ่ง พยายามเปิดพื้นที่สาธารณะในการปราศรัยเกี่ยวกับสถาบัน มีข้อเสนอต่อสถาบันเพิ่มขึ้น รวมทั้งขานรับกันไปถึงกลุ่มที่หลบหนีลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ พร้อมกับชื่นชมกันว่า นี่คือ การยกระดับการชุมนุม
แต่อีกฝ่าย ก็พร้อมต่อต้าน ปกป้องสถาบันอย่างเต็มที่ ไม่ยอมใครมาแตะต้อง หรือ ล้มล้างได้ พร้อมกับเริ่มมีการเคลื่อนไหวด้วยเช่นกัน ประเด็นที่เรียกร้องก็คือ เยาวชนคนรุ่นใหม่จะชุมนุมเสนอแก้ปัญหาอะไร ก็ทำไป ขออย่างเดียว คือ อย่าหมิ่นสถาบัน หรือ ปล่อยให้มีการหมิ่นสถาบันในม็อบ ไม่เช่นนั้น ก็ไม่รับประกันว่าจะมีม็อบชนม็อบหรือไม่
ประเด็นก็คือ คนไทยคิดอย่างไร จะปล่อยให้การเผชิญหน้าเกิดขึ้นในที่สุด หรือ ดับไฟก่อนต้นลม ในส่วนของรัฐบาล ดูเหมือนพูดอะไรก็ไม่เข้าหูม็อบไปแล้ว
ยิ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า สิ่งที่คนอยู่เบื้องหลังม็อบต้องการ ไม่ใช่เพียงแค่ที่เรียกร้องนี้อย่างแน่นอน อะไรจะเกิดขึ้น เมื่อถึงเวลาที่สถานการณ์สุกงอมมาถึง แทบไม่อยากคิดว่า ความสูญเสียจะมากมายแค่ไหน คงไม่มีใครอยากเห็นตอนนั้น หรือยังมีใครกระหายความรุนแรงอยู่!?