แดงล้มเจ้าฟัดกันเอง! 'อั้ม เนโกะ' ด่า 'จอม' ทุเรศสิ้นดี จิตใจต่ำเหมือนเผด็จการผิวขาว กรณีหมิ่นคนดำ

'อั้ม เนโกะ' ด่า 'จอม' หนักมาก ทุเรศสิ้นดี กล้าพูด คนดำในอเมริกาเกิดมาพร้อมกับสถานะและสวัสดิการพื้นฐานที่ไม่ต้องต่อสู้ดิ้นรน จิตใจต่ำทรามเหมือนเผด็จการผิวขาว ขณะทั้งคู่เป็น “แดงล้มเจ้า”

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(5 มิ.ย.63) นายศรัณย์ ฉุยฉาย หรือ “อั้ม เนโกะ” ผู้ต้องหาคดีความมั่นคง ซึ่งเป็นผู้ลี้ภัยอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กระบุว่า

“คนอย่างจอม เพชรประดับ นี้น่าทุเรศสิ้นดี กล้าพูดมาได้ว่า คนดำในเมกาเกิดมาพร้อมกับสถานะและสวัสดิการพื้นฐานที่ไม่ต้องต่อสู้ดิ้นรน ทำงานเป็นสื่อฝ่ายประชาธิปไตยแต่จิตใจต่ำทรามเหมือนพวกเผด็จการผิวขาว ที่คอยผลิตซ้ำการตีตราชีวิตของคนดำ

คนดำทุกคนที่เกิดมาหลังยุคหมดนโยบายแบ่งแยกทางชาติพันธุ์ (จริงๆ มันใช้คำว่า race-racial) นั้นล้วนมีสิทธิทุกวันนี้ได้ เพราะการต่อสู้ของบรรพบุรุษที่ถูกฆ่า ทรมาน ใช้แรงงานทาส เลือกปฏิบัติมาเป็นเวลาเนิ่นนาน

และแม้ว่า 40-50 ปีมานี้จะไม่มีนโยบายนี้แล้ว แต่การเลือกปฏิบัติและการใช้ความรุนแรงต่อคนดำจากเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นคนผิวขาวก็ยังมีอยู่มาก และความรุนแรงที่เลวร้ายที่สุดคือการกดขี่ทางเศรษฐกิจที่ผูกโยงกับสีผิว คนขาวก็ยังเป็นคนที่ถือครองต้นทุนทางสังคมและเศรษฐกิจมาตั้งแต่รุกรานทวีปนี้เป็นต้นมา

ระบบทุนนิยมกดขี่ทุกคนแต่ไม่เท่ากัน คนขาวคือตัวเกมหลักที่ได้ผลประโยชน์จากระบบนี้มากที่สุดและพร้อมใช้ระบบนี้กดขี่คนอื่น ในสังคมที่ไม่มีรัฐสวัสดิการเป็นเรื่องราว ผู้คนถูกกดขี่ให้อยู่กับความยากจน คนผิวขาว โดยเฉพาะผู้ชายรักต่างเพศและไม่ข้ามเพศถืออำนาจนำในสังคม

การต่อต้านตัวระบบนี้ไม่ว่าจะเป็นการปล้นบริษัทนายทุนเพื่อกระจายรายได้ให้แก่คนที่ถูกกดขี่ เผารถหรู ทุบกระจกธนาคาร บริษัทที่เอารัดเอาเปรียบผู้คนล้วนเป็นสิ่งที่ชอบธรรม ความรุนแรงที่แท้จริงไม่ใช่ความโกรธแค้นของผู้คน แต่คือตัวระบบที่กดขี่ต่างหาก #BLACKLIVESMATTER.”

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.63 เวลา 09:57 น. เพิ่มเพื่อน
เฟซบุ๊ก Jom Petchpradab ของ นายจอม เพชรประดับ สื่อมวลชนอิสระ ลี้ภัยในสหรัฐอเมริกา โพสต์ รูปภาพตนเองขณะซ้อมยิงปืนที่สหรัฐอเมริกา พร้อมข้อความระบุว่า

"ไม่คิด ไม่ฝันมาก่อนว่า วันหนึ่งต้องมาฝึกฝนการยิงปืนเพื่อการอยู่รอดในสังคมอเมริกาในเวลาที่มืดมนแบบนี้"


ก่อนหน้านี้ (31 พ.ค.63) เฟซบุ๊ก Jom Petchpradab
โพสต์ข้อความระบว่า

“หลายคลิปที่สังเกตุดู คนที่เข้ามาฉวยโอกาสขโมยข้าวของในห้างส่วนใหญ่จะเป็นคนผิวดำ ส่วนมาก เป็นเพราะอะไรครับ อยากฟังคำอธิบายจากคนที่เกิดและโตในอเมริกา และยังคงเป็นคนอื่น ที่ต่างไปจากคนขาวนะครับ (คำอธิบายที่ว่าเพราะคนผิวดำถูกกระทำมาโดยตลอด ดูจะไม่ค่อยมีน้ำหนักในระยะ 40 - 50 ปีที่ผ่านมานะผมว่า เพราะคนนอกที่มีความเป็นอื่น ต่างไปจากคนผิวขาวที่เข้ามาในอเมริกา ล้วนถูกกระทำด้วยระบบสังคมทุนนิยมอเมริกามาอย่างหนักหน่วง

รวมถึงต้องต่อสู้เพื่อให้พ้นจากความเป็นคนนอก แต่ยังคงเป็นคนอื่น นั่นคือการได้สถานะความเป็นพลเมือง ก็ล้วนต้องสู้ด้วยเอาชีวิตเข้าแลกกันมาทั้งนั้น ขณะที่คนผิวดำในอเมริกาเกิดมาพร้อมกับสถานะและสวัสดิการพื้นฐานที่ไม่ต้องต่อสู้ดิ้นรนด้วยซ้ำ ทำไมถึงยังมีปมเขื่องปรากฏให้เห็นอยู่บ่อยครั้งมากในสังคมอเมริกันทุกวันนี้ ขณะที่ ปมเขื่องของคนอเมริกันผีวสีอื่นถึงไม่ปรากฏบ่อยครั้งเหมือนคนผิวดำ...ครับ )
https://www.facebook.com/FOX13TampaBay/videos/1466052816931284/

สำหรับ จอม เพชรประดับ เป็นสื่อมวลชนประกาศตัวอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยในประเทศไทย ที่โจมตีรัฐบาล คสช.มาต่อเนื่อง

ที่น่าสนใจไปกว่านั้น ช่วงเดือนเม.ย.63 ระหว่าง อั้ม เนโกะ และ นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น และผู้ลี้ภัยการเมือง ยังเคยด่ากันเละในโซเชียลมาก่อนแล้ว

กรณีศรัณย์ ฉุยฉาย หรือ อั้ม เนโกะ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Aum Neko กรณี นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกลุ่มบริษัท ไทยซัมมิท มารดา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และ นางชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานกรรมการ บริษัท ไทยซัมมิท ออโตพาร์ท อินดัสตรี จำกัด พี่สาวนายธนาธร ลงพื้นที่ชุมชนหลังวัดหนามแดง อ.บางพลี จ. สมุทรปราการ มอบเงินช่วยเหลือ 500 ครัวเรือนๆ ละ 2,000 บาท พร้อมถุงยังชีพ ส่อว่ามีผลประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่

โดย นายปวิน โพสต์สั้นๆ ว่า “แม่อดีตนักการเมืองเดินแจกเงินชาวบ้าน ทั้งๆ ที่ลูกชายนักการเมืองคนนั้นยังข้องเกี่ยวกับพรรคใหม่ นี่คือการซื้อเสียง!”

เรื่องนี้เฟซบุ๊ก Jom Petchpradab ของ นายจอม เพชรประดับ โพสต์หัวข้อ กูไม่อยากเป็นเหมือน “สามล้อถูกหวย”

เนื้อหาระบุว่า “เบื่อ รำคาญผู้ลี้ภัยการเมืองในต่างประเทศหลายคน ที่มีตรรกะวิธีคิดแบบหลุดโลก หลุดจากความเป็นจริง..

สรุปแล้ว ..การต่อสู้กับเผด็จการ...นิยม เพื่อให้ได้มาซึ่่งประชาธิปไตยในสังคมไทย จะสู้กันแบบไหน สู้แบบพวกมึงหรือ..? ที่วันๆ อยู่แต่หน้าคอมฯ ใช้คีย์บอร์ดเป็นอาวุธ อวดคุณภาพชีวิตที่อิ่มหมีพีมันอยู่ในต่างประเทศ สำเริงสำราญอยู่กับความศิวิไลซ์ที่เหมือนสามล้อถูกหวย ดื่มด่ำอยู่กับเสรีภาพ ความเป็นประชาธิปไตย เหมือนจะบอกว่า สมปรารถนาแล้วที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายลี้ภัยการเมืองไปอยู่ต่างประเทศได้ หากเพียงเพื่อบรรลุความปรารถนาเฉพาะตัวก็ไม่ว่ากัน

แต่หากยังออกมาพรั่งพรูวิธีการต่อสู้ด้วยหลักการสวยๆ ที่ย้อนแย้ง ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงและบริบททางการเมืองไทยแล้ว อันนี้แหละคือความน่ารำคาญ น่าเบื่อหน่าย และน่าชิงชัง .... ซึ่งบางครั้งยอมรับว่ากูก็เป็น

แต่กูสำเหนียกอยู่เสมอว่า ลำพังวิถีชีวิตใหม่ที่ได้รับ วิธีคิด หรือวิธีการต่อสู้ผ่านโลกโซเชียล ไม่มีทางที่จะได้เห็นประชาธิปไตยเกิดขึ้นจริงได้ในประเทศไทย เพราะปัจจัยหลักทั้งหมดอยู่ที่คนไทยในประเทศไทย

ใครจะหาว่า เป็นติ่งส้ม ก็ไม่ปฏิเสธ และจะแอ่นอกรับด้วย เพราะทั้งมึงและกูที่เคลื่อนไหวทางการเมืองในต่างประเทศ รวมทั้งคนเสื้อแดง ประชาชนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย รวมพรรคเพื่อไทยเข้าไปด้วยก็ได้..อ้าว สู้กันมาเป็นสิบปีแล้ว แต่ก็ยังปลุกคนทั้งประเทศให้ “ตาสว่าง” ได้ไม่เท่ากับที่่ “ธนาธร-ปิยะบุตร” และนักการเมืองอีกหลายคนในพรรคอนาคตใหม่ทำ ทั้งๆ ที่ใช้เวลาแค่ไม่ถึงปีด้วยซ้ำ

แม้จะมีข้อเคลือบแคลงสงสัยในยุทธศาสตร์ทางการเมืองของ “อนาคตใหม่-ธนาธร ปิยะบุตร” อยู่บ้าง แต่ก็ยังน้อยกว่า “เพื่อไทย-ทักษิณ-สุดารัตน์” แต่ก็ยังเต็มใจสนับสนุนสองกลุ่มการเมืองนี้ เพราะกูรู้อยู่เต็มอกว่า บริบททางการเมืองในสังคมไทยมันยากเหลือเกินที่จะให้เป็นไปเหมือนที่ใจกูอยากให้เป็น

ใช่กลางคืน กูฝัน แต่ในตอนกลางวัน กูจำเป็นต้องอยู่กับความเป็นจริง”....

นี่คือ ความแตกต่างทางความคิดอีกครั้ง ของ คนเสื้อแดงล้มเจ้า ที่สะท้อนให้เห็นความไม่เป็นเอกภาพอย่างมากทีเดียว