เสี่ยงแล้ว! “ตั้ง” สอนน้องปกป้อง ปชต. เหมือนช่วงรัฐบาลปูแดง “อาชีวะช่วยชาติ” ประกาศตัวปกป้องสถาบันทุกรูปแบบ “ม็อบชนม็อบ” หรือไม่ อยู่ที่อีกฝ่าย จวก “อาชีวะปลดแอก” จาบจ้วงเบื้องสูง “หมอวรงค์” เน้นจัดการ “อีแอบ”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (30 ก.ค. 63) เฟซบุ๊ก Eakapop Luara ของ นายสตีเว่น เบรนท์วู้ด หรือ นายเอกภพ เหลือรา หรือ “ตั้ง อาชีวะ” แดงฮาร์ดคอร์ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูง ลี้ภัยที่ประเทศนิวซีแลนด์ โพสต์ข้อความระบุว่า
“อยากให้น้องๆ อาชีวะคนรุ่นใหม่ๆ ได้ดูว่า พวกเราเมื่อ 7 ปีที่แล้ว เรามีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งด้วยพลังของประชาชนจริงๆ ก็คือ รัฐบาลของ นางสาวยิงลักษณ์ ชินวัตร และร่วมต่อสู้ควบคู่ไปกับมวลชลคนเสื้อแดงในยุคสมัยนั้น เพราะเสื้อแดงโดนกระทำจากฟากฝ่ายอำนาจรัฐเยอะมากๆ
ในฐานะที่ผมเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นประฐานองค์กรฟันเฟืองประชาธิปไตยในช่วงสมัยนั้น แน่นอนครับว่า หน้าที่ของเด็กอาชีวะที่แท้จริง มันจะต้องปกป้องประชาธิปไตยของประเทศ และไม่เอาเผด็จการทุกรูปแบบ แต่การต่อสู้มันมีระดับ พอผมไต่เพดานการต่อสู้ขึ้นไปจุดสูงสุดของโครงสร้างที่เน่าเฟะในสังคมไทย ผมเลยต้องหนีลี้ภัยด้วยมาตรา 112
เนื้อหาในคลิปก็ตามยุคตามสมัยนะครับ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างถ้าเทียบกับในยุคปัจจุบัน แต่โดยรวม เนื้อหาที่ผมปราศรัย มันยังร่วมสมัยอยู่เสมอ
#รักและคิดถึงสหายหน่วยฟันเฟืองทุกคน”
ทั้งนี้ วันนี้เช่นกันที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน กทม. นายทศพล มนูญญรัตน์ ตัวแทนกลุ่มอาชีวะช่วยชาติ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นตัวแทนทำกิจกรรม และอ่านแถลงการณ์ปกป้องสถาบัน ว่า
ทางกลุ่มฯ ได้ทำกิจกรรมมาตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งเป็นช่วงการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.และจัดตั้งเพจเฟซบุ๊กขึ้นมาในปี 56 เช่นกัน วันนี้เพียงแต่มาแถลงจุดยืนเท่านั้น ส่วนจะมีการเคลื่อนไหวต่อจากนี้หรือไม่ คงตอบไม่ได้ ถ้ากลุ่มเยาวชนปลดแอก หรือผู้อยู่เบื้องหลังยังมีการชูป้ายต่างๆ นานา เกี่ยวกับการล้มล้างสถาบัน ทางอาชีวะช่วยชาติก็คงต้องออกมา
เมื่อถามว่า จะยกระดับเป็นการชุมนุมต่อไปหรือไม่ นายทศพล กล่าวว่า อย่างที่ได้มีการอ่านแถลงการณ์ไปก่อนหน้านี้
ถามว่า จะมีการเรียกร้องให้ใช้มาตรา 112 กับผู้ชุมนุมที่ถือป้ายจาบจ้วงสถาบันหรือไม่ นายทศพล กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องในทางการเมือง ทางกลุ่มอาชีวะช่วยชาติมีหน้าที่ช่วยชาติ เพื่อปกป้องสถาบัน ส่วนในช่วงท้ายแถลงการณ์ที่มีการระบุว่า จะมีการเคลื่อนไหวให้ข้อมูล และข้อเท็จจริงที่ถูกต้องจะเป็นในรูปแบบใดนั้น ต้องติดตามต่อไป แต่ก็ไม่อยากให้มีการชุมนุมเกิดขึ้น เพราะจะกระทบกับเศรษฐกิจภายหลังจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เสียหายอย่างมาก และจะแย่ลงไปทุกที
ถามว่า พอจะเห็นพ้องหรือเห็นต่างกับ 3 ข้อเรียกร้องของกลุ่มเยาวชนปลดแอกอย่างไรบ้าง ตัวแทนกลุ่มอาชีวะช่วยชาติ กล่าวว่า กลุ่มอาชีวะช่วยชาติ ไม่มีความเห็นต่างใดๆ เลย ไม่มีการสนับสนุน ไม่มีการผลักดัน และไม่มีการต่อต้านอะไรทั้งนั้น แต่ที่เราออกมาต่อต้านเรื่องเดียว คือ การปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ไม่มีเหตุผลที่เกี่ยวกับเรื่องของการเมือง ตนอยากฝากสื่อไปถึงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) จัดการเกี่ยวกับการจาบจ้วงสถาบันผ่านทางโซเชียลมีเดีย รวมถึงเฟกนิวส์ต่างๆด้วย เพราะทำให้ประชาชนรู้สึกไม่สบายใจ และยังไม่มีกลุ่มใดออกมาปกป้อง เรากลุ่มอาชีวะช่วยชาติ จึงขอเป็นตัวแทนเพื่อออกมาปกป้องสถาบัน
ถามว่า จะซ้ำรอยเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 หรือไม่ นายทศพล กล่าวว่า ไม่มี อดีตก็คืออดีต ปัจจุบัน เราจะเดินไปทางไหน ความคิดเรามี
ถามว่า แนวทางการเคลื่อนไหวของกลุ่มอาชีวะช่วยชาติ จะไม่มีความรุนแรง หรือจะนำไปสู่ม็อบชนม็อบใช่หรือไม่ ตัวแทนกลุ่มอาชีวะช่วยชาติ กล่าวว่า “ความรุนแรง แล้วแต่สถานการณ์ดีกว่า ที่ผมจะพูดได้” เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่ามีโอกาสจะเกิดขึ้น ตัวแทนกลุ่มอาชีวะช่วยชาติ กล่าวย้ำว่า แล้วแต่สถานการณ์
ถามว่า ที่บอกว่าแล้วแต่สถานการณ์ จุดยืนเรายังเป็นสันติวิธีหรือไม่ นายทศพล ย้ำว่า แล้วแต่สถานการณ์ เขามายังไง เราก็ดูสถานการณ์อย่างนั้น
ถามว่า มีใครอยู่เบื้องหลังกลุ่มนักศึกษา หรือกลุ่มเยาวชนปลดแอก นายทศพล กล่าวว่า สื่อน่าจะรู้อยู่แล้วว่าใครอยู่เบื้องหลัง ถามต่อว่า อยากฝากอะไรถึงผู้อยู่เบื้องหลังดังกล่าว ตัวแทนกลุ่มอาชีวะช่วยชาติ กล่าวว่า “ผมมี 2 คำตอบให้คุณล่ะกัน คือ 1. คำตอบของกลุ่มอาชีวะฯ คือการระวังตัวให้ดี และ 2. คำตอบของประชาชนทั่วไป ขอให้หยุดซะ”
ถามว่า ทางกลุ่มอาชีวะช่วยชาติก็ถูกมองว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังเช่นกัน นายทศพล กล่าวว่า กลุ่มฯ ของตนมีเพียง 3 คน ที่เป็นคนดูแลเพจอาชีวะช่วยชาติ ที่มีสมาชิกเพจส่วนใหญ่เป็นศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบันด้วย ที่ไม่ไหวกับการกระทำของกลุ่มอาชีวะปลดแอกบางคนที่จาบจ้วง และแอบอ้างต่างๆ นานา ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งก็มีกลุ่มอาชีวะที่หนุนกลุ่มเยาวชนปลอดแอกด้วย ถือว่าทุกอย่างมี 2 ขั้ว
ด้าน เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก โพสต์หัวข้อ “ยุวชนรุ่นใหม่”
เนื้อหาระบุว่า “ช่วงหนึ่งของประวัติศาสตร์จีน เกิดยุวชนเรดการ์ด ที่ได้รับการสนับสนุนจากประธานเหมาและแก๊งสี่คน ถึงขนาดห้ามตำรวจขัดขวางขบวนการเคลื่อนไหวปฏิวัติของนิสิตนักศึกษา
นำไปสู่ความเหิมเกริมของนักศึกษา ตั้งเวทีอภิปราย บางส่วนก็บุกเข้าไปในวัดโบสถ์ พิพิธภัณฑสถาน ทำลายวัตถุโบราณ เผางานศิลปะ งานประพันธ์ ตอนหลังก็มีการบุกค้นบ้าน โดยเฉพาะพวกผู้ดีเก่า ปัญญาชน ศิลปินหัวอนุรักษนิยม จะถูกจับแห่ประจาน ทรมาน
การเกิดยุวชนเรดการ์ด ก็เป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อการกระชับอำนาจในพรรคคอมมิวนิสต์จีน และถูกปราบในที่สุด
เรามาดูยุวชนรุ่นใหม่ในไทย คงไม่มีใครปฏิเสธ ว่ามีกลุ่มการเมืองปลุกระดมแบ่งแยกคนรุ่นใหม่ขึ้นมา นำไปสู่ความก้าวร้าว หยาบคาย ดูถูกผู้ใหญ่ จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง โดยกลุ่มการเมืองนั้นเป็นอีแอบ กำลังรอรับผลประโยชน์ทางการเมือง ตามที่พวกตนต้องการ
สงสารพลังความบริสุทธิ์ของเขา แต่เราต้องอดทน เราต้องพุ่งเป้าไปที่กลุ่มการเมืองอีแอบอย่างเดียว”
แน่นอน, สิ่งที่น่ากลัว และหลายฝ่ายเคยออกมาเตือน วันนี้เริ่มเห็นเค้าลางอันตรายขึ้นมาแล้ว และคนไทยทุกคนจะต้องช่วยกันระวัง! อย่าให้เกิดประวัติศาสตร์ความรุนแรงซ้ำรอยเป็นอันขาด
นอกจากไม่ปล่อยให้มีการแอบอิงสร้างสถานการณ์ของกลุ่มการเมืองบางกลุ่มแล้ว การทำความเข้าใจในเรื่องที่ทุกคนมีประสบการณ์ หรือมีความคิดเห็นในแนวทางสร้างสรรค์ เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วยกันห้ามปรามการกระทำที่บางคนเรียกว่า เชิญแขกที่เราไม่รู้จักดี จากการชูป้ายจาบจ้วงหมิ่นเบื้องสูง ถือว่าอันตรายที่ใครก็ไม่อาจช่วยได้ เพราะอย่าลืม “ศรัทธา” ของคนเราห้ามไม่ได้ ทั้งสองฝ่าย อย่าคะนองว่า มีแต่ฝ่ายตัวเอง