สะดุ้งเป็นแถว ทั้ง “ใน-นอก” ประเทศ “ลุงไพศาล” อ้างนักวิชาการดัง แฉต้นตอ “ล้มเจ้า” 2 ขบวนการใหญ่ "ขุนศึกการข่าว" ชี้กฎหมายไม่เลือกสีเสื้อ เตือน “จอมยุทธส้ม” คนยุแยงไม่เคยติดคุก “ฮาร์ท” หนัก! เหตุเบื่อ “ข่าวราชสำนัก?”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(27 มิ.ย.63) เฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ของ นายไพศาล พืชมงคล อดีตที่ปรึกษาพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ โพสต์หัวข้อ “ต้นตอขบวนการล้มเจ้าอยู่ที่ไหน???”
โดยระบุว่า “ท่านอาจารย์ปราโมทย์ นาครทรรพ เคยนำเอกสารหลักฐานจำนวนมาก มาบอกกล่าวให้คนไทยได้รู้กันนานแล้วว่า ต้นตอการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย คือบางหน่วยงานในสหรัฐ มีการให้เงินจ้างคนทั้งในสหรัฐและในไทยดำเนินการเรื่องนี้ต่อเนื่องมานานแล้ว
แต่ไม่ได้ผล!!!
เพราะคนไทยจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นสถาบันหลักอยู่คู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่บรรพกาล และจะดำรงคงอยู่ตลอดไป
นอกจากนั้น ยังมีบางหน่วยงานในอังกฤษที่ทำแบบเดียวกัน
สังเกตการโพสต์เฟซบุ๊ก "bbcไทย" ก็จะพบว่า มีการโพสต์ข่าวและบทความที่คนไทยอ่านแล้วไม่ค่อยสบายใจอยู่เนืองๆ
การบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงเกี่ยวกับนอกประเทศด้วย!!
แต่น่าแปลกใจว่า ทำไมคนมีอำนาจหน้าที่เรื่องนี้นั่งอมสากอยู่ได้!!!!
ดีแต่ปาก กับศัตรูของชาติกลับหดหัวเงียบ
โห่ช้างลากครกเลยครับพี่น้อง
ลุงๆ อย่าเอาพวกใจปลาซิวขี้เท่อมาทำงานที่ 2 จุดนี้เลย!!!”
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) และอดีตรองผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานข่าวกรองแห่งชาติ เจ้าของฉายา "ขุนศึกการข่าว" โพสต์หัวข้อ “คนยุยงไม่เคยติดคุก”
เนื้อหาระบุว่า “กรณีแกนนำเสื้อแดง 4-5 คน ถูกศาลฎีกา พิพากษาจำคุก คนละ 2 ปี 8 เดือนนั้น อย่าไปมองถึงความสะใจอะไร เพราะทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ว่าแดงหรือเหลือง ล้วนแต่ผ่านวิทยาลัยลาดยาว สลับกันไปมา อย่างเท่าเทียมกัน สุริยะใส พิภพ พล.ต.จำลอง ฯลฯ ก็เพิ่งออกมาหยกๆ หมอเหวง วีระกานต์ ณัฐวุฒิ วิภูแถลง ก็เข้าไปแทน
คดีเหล่านี้เกิดขึ้นมา 10 กว่าปีแล้ว เพิ่งจะยุติลง ในปีนี้และคดีจะงวดลงไปเรื่อยๆ ทั้งสีแดง และ สีเหลือง
แต่ที่นำมาพูดถึง เพื่อเป็นคติเตือนใจแก่พวกจอมยุทธสีส้มรุ่นใหม่ ที่ออกมาเคลื่อนไหว ด้วยความไร้เดียงสา ไม่รู้เรื่อง รู้ราวอะไร แม้จะอยู่ใต้กฎหมายเดิม แต่ถูกปรับปรุงใหม่ ให้ทันสมัยครอบคลุมความผิดมากกว่า ที่สำคัญคือ กฎหมายเหล่านี้ใช้กับคนทุกคน ไม่เลือกสี เลือกพวก อีกทั้งเป็นกฎหมายสากลด้วย
ถ้ายังคึกคะนองไม่รู้ว่า อะไรควรอะไรไม่ควร ขอแค่ได้อวดเพื่อน และหวังคำยกยอโดยอาจารย์ 2-3 คน ที่ไม่เคยร่วมติดคุกด้วยกับเด็กเลยมาตั้งนานแล้ว อนาคตพวกหนุ่มอยากดัง ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เพราะกฎหมาย จะไม่เลือกสี แต่จะเลือกคนทำผิด เท่านั้น
ที่ว่าอยู่ในคุกลำบากแล้ว ออกมาก็ลำบาก ยิ่งกว่า เพราะสมัยนี้บันทึกความผิด ด้วย Big Data ไม่เหมือนรุ่นเก่าๆ”
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่น่าสนใจไม่แพ้กัน กรณีนายเตชะ ทับทอง กลุ่มหนึ่งร้อยตัวแทนทำดีเพื่อพ่อ โพสต์ข้อความระบุว่า
“ลูกค้าปรึกษางานและเสนอชื่อพิธีกรเป็น “นักร้องตกรุ่นผู้เบื่อโฆษณาหลังข่าวสองทุ่ม” ผมจึงเสนอให้เลือกพิธีกรคนอื่นที่เก่งกว่าเด็กกว่าและภูมิใจกับ “ข่าวพระราชสำนัก” เพื่อมาทำงานนี้ด้วยกัน สบายใจกว่าจะต้องเจอต้องทำงานกับไอ้...นั่นครับ ลูกค้าเห็นด้วยตามนั้น”
ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก นายสุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล หรือ “ฮาร์ท” นักร้องดูโอในตำนานเบิร์ดกะฮาร์ท และพิธีกรชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า
“เรื่องเสื้อยืดหมดศรัทธา ทำให้ผมนึกถึงละครทีวี สมัยเด็กๆ ผมเคยศรัทธาละครช่อง 7 โตขึ้นหน่อยก็เปลี่ยนมาดูช่อง 3 ศรัทธามากจนถึงกับไปขอสมัครทำงานที่นั่นด้วยซ้ำ
แต่ป้จจุบันอายุมาก เห็นอะไรๆมากขึ้น "เบื่อโฆษณาหลังข่าวภาคค่ำ" เบื่อมุกเดิมๆ หมดศรัทธากับระบอบทีวีไทย เลยหันมาดู YouTube กับ Netflix แทน ความศรัทธาหรือความเลื่อมใสนี่คล้ายกันครับ เป็นสิ่งที่บังคับกันไม่ได้ง่ายๆ ต้องแยบยลและละมุนละม่อม ต้องปรับ tactic (แปลว่าชั้นเชิง) ให้เหมาะสมกับยุคสมัยและเหตุการณ์ปัจจุบัน” จนกลายเป็นกระแสในโลกโซเชียล
ไม่เพียงเท่านั้น วานนี้เฟซบุ๊ก Kanjanee Valyasevi ของนางกาญจนี วัลยะเสวี หรือ “ติ๊งต่าง” เจ้าของฉายาไฮโซสปอร์ตคลับและแกนนำกลุ่มชาวไทยหัวใจรักสงบ แม่ยกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความว่า
“เบื่อโฆษณาหลังข่าวภาคค่ำ เบื่อมุกเดิมๆ หมดศรัทธากับระบอบทีวีไทย ความศรัทธาหรือความเลื่อมใสเป็นสิ่งที่บังคับกันไม่ได้ ต้องปรับชั้นเชิงให้เหมาะสมกับยุคสมัยและเหตุการณ์ปัจจุบัน
++++++++++++++++++++++
อ่านแล้วงง.. ไม่คิดว่าคนมีการศึกษาอย่างฮาร์ทจะพูดอย่างนี้ รู้นานแล้วว่า ฮาร์ทชอบระบอบทักษิณ แต่ไม่คิดว่าจะบังอาจขนาดนี้
-- จะบอกให้นะว่า ไม่เคยมีใครไปบังคับให้ใครมาศรัทธาสถาบัน และปชช.จำนวนมากเคารพรักสถาบัน เราจะคอยดูข่าวพระราชสำนักด้วยใจจดจ่อ อาจเพราะเราเห็นพ่อแม่เราดูมาตั้งแต่เรายังเล็กๆ เราคิดเสมอมาว่า ที่คนไทยมีแผ่นดินไทยให้อยู่อาศัยมาจนทุกวันนี้ เพราะเรามีพระมหากษัตริย์
-- ฮาร์ทเบื่อมากก็กลับไปอยู่อเมริกาซิ ที่อเมริกาเขาไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะเป็นประเทศเกิดใหม่
# # แล้วฮาร์ทจะสอนให้ลูกต่อต้านสถาบันด้วยไหม?”
แน่นอน, ดูเหมือนการเคลื่อนไหวในสังคมออนไลน์ ที่ยากคุมได้ ก็คือ การทำงานของ “เครือข่ายล้มเจ้า” ที่นับวันเพิ่มขึ้น ที่แปลกใจมาตลอดก็คือ เหตุใดองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ของรัฐบาลปล่อยให้มีการโพสต์หมิ่นเบื้องสูง โดยไม่มีการไล่ล่าเอาผิดเหมือนในอดีต กระทั่งถึงบางอ้อ เมื่อ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมาเปิดเผยว่า เป็นพระเมตตาของในหลวง ร.10 ที่ไม่ต้องการให้นำเอา กฎหมายอาญา ม.112 มาบังคับใช้ ซึ่งเป็นกฎหมายที่ว่าด้วยการคุ้มครองไม่ให้มีการหมิ่นเบื้องสูงนั่นเอง
ดังนั้น ยิ่งปล่อย ก็ยิ่งได้ใจ ยิ่งเหิมเกริมไปกันใหญ่ บางกลุ่มถึงขั้นมีการยื่นหนังสือตรวจสอบงบประมาณที่เกี่ยวกับสถาบันด้วยซ้ำ โดยที่รัฐบาลเอง ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่า การติดตามพฤติกรรม และการแสดงออกของเครือข่ายล้มเจ้า ว่า มีการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมายอื่นหรือไม่ ดังนั้นพฤติกรรม หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นเบื้องสูง จึงมีการแสดงออกให้เห็นแทบจะไม่เกรงกลัวอีกแล้ว?
จึงไม่แปลก ที่จะเกิดปรากฏการณ์ กลุ่มผู้รักและศรัทธาในสถาบันฯ ออกมาเคลื่อนไหว แสดงออกให้เห็นในอีกด้านหนึ่ง เพื่อเป็นการตอบโต้ และปกป้อง แทนประชาชนคนไทยทั้งประเทศ รวมทั้งเป็นแรงกระตุ้นเตือน เพื่อไม่ให้คนไทย โดยเฉพาะ “คนรุ่นใหม่” ที่มีระยะห่างกับความเชื่อศรัทธา หลงเชื่อกลุ่มคนที่ปลุกระดม บิดเบือน ใส่ร้ายป้ายสีสถาบันในโลกโซเชียล ทั้งที่ทำขึ้นในไทย และนำเข้าจากต่างประเทศ และนับวันคงต้องทำงานหนักอย่างมากตามไปด้วย
และที่ต้องช่วยกันภาวนา ก็คือ อย่าให้ความขัดแย้งแตกแยกเรื่องนี้ ต้องนำไปสู่การต่อสู้ด้วยความรุนแรง จนไม่อาจคาดเดาได้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นในที่สุด เพราะคนไทยฆ่ากันเอง และสูญเสียมามากพอแล้ว