xs
xsm
sm
md
lg

ถึงบางอ้อ ชัดๆ โรดแมปพลิกคดี “บอส” มี “ทนาย” เป็นที่ปรึกษา กมธ.ชุดน้องบิ๊กป้อมนั่งประธานชงเองจนเห็นช่องก่อนส่งอัยการมัดมือชกตำรวจสอบพยานใหม่โดย พล.อ.ท.ที่มีสัมพันธ์แน่นตระกูล “อยู่วิทยา” มีธุรกิจรถยนต์หากินกับหน่วยงานราชการเป็นไม้เด็ด

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แถวบน :  วรยุทธ อยู่วิทยา - สมัคร เชาวภานันท์ // แถวล่าง : พล.อ.ท.จักกฤช ถนอมกุลบุตร - พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ - พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ
ข่าวปนคน คนปนข่าว

**ถึงบางอ้อ ชัดๆ โรดแมปพลิกคดี “บอส” มี “ทนาย” เป็นที่ปรึกษา กมธ.ชุดน้องบิ๊กป้อม นั่งประธาน ชงเองจนเห็นช่องก่อนส่งอัยการ มัดมือชกตำรวจสอบพยานใหม่ โดย พล.อ.ท.ที่มีสัมพันธ์แน่นตระกูล “อยู่วิทยา” มีธุรกิจรถยนต์หากินกับหน่วยงานราชการ เป็นไม้เด็ด

ว่ากันว่า จุดเปลี่ยนของคดี “บอส” วรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทผู้บริหารธุรกิจเครื่องดื่มกระทิงแดง ตระกูลอภิมหาเศรษฐีติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ขับรถชนนายดาบตำรวจเสียชีวิต เมื่อปี 2555 มาสู่การที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง ที่งุบงิบเงียบเชียบ มารู้กันอีกทีก็เพราะสื่อนอกตีข่าว นั่นก็คือ การมีบทบาทของ คณะกรรมาธิการการกฎหมายกระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สนช.ชุดที่มี “พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ” สมาชิกวุฒิสภา น้องชาย “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” พี่ใหญ่ 3 ป. เป็นประธาน

กมธ.ชุดดังกล่าวนี้ อ้างว่า มีผู้ร้องเรียนขอความเป็นธรรมให้ผู้ต้องหา “บอส” จนส่งผลให้อัยการสั่งตำรวจให้สอบเพิ่มเติม โดยมีพยานงอกเงยขึ้นมาใหม่ 2 ปากสำคัญ ที่ให้การแล้วอัยการเชื่อ และพลิกคดีเป็นสั่งไม่ฟ้องในที่สุด !!

จากการผลักดันของ กมธ.กฎหมายฯ สนช. ที่เต็มไปด้วยข้อสงสัย เมื่อวานนี้ (28 ก.ค.) “แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์” สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อดีต ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Porntip Rojanasunan แสดงความคิดเห็นตอนหนึ่งไว้น่าสนใจว่า .. กรณีอัยการสั่งไม่ฟ้อง “วรยุทธ อยู่วิทยา” ในที่สุดสถานการณ์ก็เดินเข้าสู่เส้นทางกรรม แผนปฏิรูปประเทศถูกกำหนดกรอบไว้ว่า ต้องสร้างระบบรวบรวมพยานหลักฐานใหม่ เจ้าหน้าที่ต้องมีความรู้ มีอำนาจในการเก็บหลักฐาน ส่งตรวจ ทำรายงาน ไม่ใช่ปล่อยให้ใช้ดุลพินิจ เลือกเก็บ เลือกตรวจ เลือกทำสำนวนโดยพนักงานสอบสวน พยานหลักฐานจะเข้าสู่สำนวนทั้งหมด อัยการ และศาลจะได้เห็นในสำนวน

ที่หนักสุดเห็นจะเป็น “กรรมาธิการทางการเมือง” ทั้งระดับ ส.ส.และ ส.ว.ที่ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ รายชื่อที่ปรากฏสะท้อนระบบพรรคพวก ไม่ได้เน้นที่ความยุติธรรม

ที่สำคัญ “ทนายความ” ในคดีบอส (สมัคร เชาวภานันท์) ทำไมจึงมีชื่อเป็นที่ปรึกษากรรมาธิการชุดนี้ และตัวเองยังยื่นเรื่องขอความเป็นธรรม อีกทั้งพยายามผลักดันทุกทาง

ความนี้ของ “คุณหญิงหมอพรทิพย์” คงไม่ต้องแปลและตีความ สังคมย่อมอ่านออก ถึงบางอ้อกันเลยว่าการช่วยเหลือ “บอส” ให้พ้นข้อกล่าวหาเริ่มมาจากทนายที่ใช้ช่อง กมธ.นี้เอง !!

เรียกว่า ไหนๆ เป็นที่ปรึกษาด้วยแล้วก็จัดแจงชงเรื่องเอง เรื่องที่เป็นไปได้วาจะล็อบบี้ ทั่นประธาน “พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ” ก็ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรง

“สมัคร เชาวภานันท์” ทนายประจำของตระกูลอยู่วิทยา เคยเป็นสมาชิกวุฒิสภา ประเภทสรรหาสายวิชาชีพ ในปี 2551-2554 และ 2554-2557 ซึ่งเรียกว่าเป็นที่รู้จักกันดีของ ส.ว.โดยเป็นแคนดิเคตที่จะได้รับเลือกให้เป็น รองประธานฯ มาแล้วในปี 2555 แต่ผลการลงมติแพ้ “สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย”

พอมาถึงยุค คสช. จัดการตั้ง กมธ.กฎหมายฯ “สมัคร” จึงได้เข้ามาเป็นที่ปรึกษาของ กมธ. และสบช่องทำเรื่องร้องเรียนขอความเป็นธรรมให้ “บอส วรยุทธ”

เมื่อทนายใหญ่ชงมา กมธ.รับลูก โรดแมปจากนี้ก็ว่ากันว่า สามารถวาง “ธง” ของคดีจะอยู่ตรงไหนชัดขึ้น เพราะต้องไม่ลืมว่า ด้วยอำนาจหน้าทีของ กมธ. สามารถจัดการเรียกคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดของคดีนี้ ให้มาขี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ พนักงานสอบสวน อัยการ ทนายความ

รายงานผลการตรวจสอบของ กมธ. ถ้าจะบอกว่า ที่ปรึกษา กมธ. ที่เป็นทนายอย่าง “สมัคร” ไม่รู้ไม่เห็นก็คงไม่มีใครเชื่อ ซึ่งปากคำต่างๆ ในรายงานก็เท่ากับทำให้ฝ่าย “บอส” ได้รู้เขารู้เรา ก่อนส่งรายงานผลการสอบสวน และมีมติกลับไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด ก็รู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร ...

เมื่ออัยการส่งไปที่ตำรวจให้สอบสวนเพิ่มเติม นั่นก็เป็นขั้นตอนที่ว่ากันว่า “ล็อกแนว” ได้ว่าอยากให้ตำรวจสอบพยานออกมาเป็นประโยชน์กับคดีอย่างไร ที่จะไปสู่การเปลี่ยนแปลงของอัยการ และการโผล่เข้ามาของ พยานใหม่เข้ามามีชื่อในสำนวนคดี ที่เพิ่งได้รับรู้กัน

สรุปง่ายๆ ว่า ฝีมือการจัดการที่มีจุดเริ่มจาก “ทนาย” ที่เป็นที่ปรึกษา กมธ. ใช้ กมธ.เป็นเครื่องมือเรียกคนที่เกี่ยวกับสำนวนคดีบอส มาตรวจสอบ ก่อนที่จะส่งให้อัยการ และ อัยการสั่งตำรวจสอบสวนเพิ่มเติม โดยเพิ่มพยานใหม่เข้ามาช่วยพลิกคดี

ว่ากันวา “พล.อ.ท.จักกฤช ถนอมกุลบุตร” และ “จารุชาติ มาดทอง” คนขับรถกระบะที่เห็นเหตุการณ์ ที่มาให้การ เมื่อ 4 ธ.ค. 62 หลังเกิดเหตุถึง 7 ปี คือ 2 ปากสำคัญ รายแรกนั้นมีสัมพันธ์โยงใยไปถึง “ตระกูลอยู่วิทยา” ด้วย

“พล.อ.ท.จักกฤช” นอกจากจะมีความสนิทสนมกับผู้เป็นแม่ของ “บอส-วรยุทธ” ถือเป็นครอบครัว “ทอ.” ที่รู้จักกันมานานแล้ว เมื่อขุดคุ้ยลงไปในสังคมโซเชียล ก็พบว่า “พล.อ.ท.จักกฤช” นั้นเป็นเจ้าของธุรกิจรถลีมูซีน ตรายักษ์พระพิราพ ในสนามบิน ในชื่อ บริษัท พระพิราพ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2527 ทุนจดทะเบียน 80 ล้านบาท โดยที่ พล.อ.ท.จักกฤช ถือหุ้นอยู่ 12% โดยในปีงบการเงิน 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวม 114,820,053.20 บาท กำไรสุทธิ 3,057,101.03 บาท

รายได้จากธุรกิจของ “พล.อ.ท.จักกฤช” ส่วนหนึ่งมาจากการเสนอขายรถยนต์หุ้มเกราะกันกระสุน มีสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ได้ทำสัญญาสั่งซื้อ รถยนต์หุ้มเกราะกันกระสุน จำนวน 4 คัน จาก บริษัท พระพิราพ จำกัด ในวงเงิน 11,722,920 บาท

นอกจากนี้ ยังเป็นที่วิจารณ์ว่า “พล.อ.ท.จักกฤช” มีความสนิมสนมกับ “ว่าที่เรืออากาศโท อนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร” อดีต ผอ.การท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในยุคที่ “จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี” เป็นกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ตระกูลอยู่วิทยา และ ตระกูลภิรมย์ภักดี มีความสนิทสนมถึงขั้นร่วมตั้งบริษัทขายรถยนต์เฟอร์รารี ให้ “วรยุทธ อยู่วิทยา” เป็นผู้บริหาร

งานนี้จากขบวนการทนายความมาถึง กมธ. และอัยการ ที่สั่งไม่ฟ้อง อุปมาเหมือนคนพยายามเอาฝ่ามือเดียวปิดฟ้ากัน ผลลัพท์สุดท้ายจะเป็นอย่างไร ติดตามกันให้ดีว่าจะปิดมิดกันมั้ย !.

**โปรไฟล์ พล.อ.ท.จักกฤช พยานปากเอก อยู่วิทยา ไม่ธรรมดา บิ๊กต้อย จาก เด็กดอน สนิทกับแม่บอส มาเป็นนายทหารธุรกิจ นับถือ เสธ.ไอซ์ จนมีชื่อในแวดวงผู้กว้างขวางว่าเป็น สาย เสธ.

จากตัวละครลับที่โผล่มาเป็นพยานใหม่คนสำคัญ จนกลายเป็นผู้พลิกคดี “บอส” วรยุทธ อยู่วิทยา ตระกูลเจ้าของอาณาจักรธุรกิจหลายแสนล้านเครื่องดื่มกระทิงแดง โดยที่อัยการสั่งไม่ฟ้องที่กำลังเป็นข่าวครึกโครมกันตอนนี้

ถามไถ่กันว่า “พล.อ.ท.จักกฤช ถนอมกุลบุตร” คือใคร? นี่ต้องเริ่มว่า “พล.อ.ท.จักกฤช” หรือ “บิ๊กต้อย” คนนี้เดิมชื่อ “อนุศักดิ์” เพิ่งมาเปลี่ยนเป็น “จักกฤช” ไม่นานมานี้ ปัจจุบัน อายุ 66 ปี จบการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น 13 นักเรียนนายเรืออากาศ รุ่น 20 เส้นทางการรับราชการไม่ได้เติบโตในสายนักบิน แต่เข้ามาในเส้นทางทหารเหล่า สห. รับราชการใน กรมสารวัตรทหารอากาศ (สห.ทอ.) ก่อนจะ “ติดยศนายพล” ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อครั้งที่ “พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา” ดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม และ “เสธ.ไอซ์” พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต นายทหารผู้กว้างขวางที่ล่วงลับไปแล้ว ทำหน้าที่หัวหน้าสำนักงาน รมว.กลาโหม ขณะนั้น ซึ่ง “บิ๊กต้อย” ให้ความนับถือ “เสธ.ไอซ์” ในฐานะเป็นนายทหารรุ่นพี่ ที่เคารพในวงการ
“บิ๊กต้อย” พล.อ.ท.จักกฤช เป็นที่รู้จักในแวดวงผู้กว้างขวาง หรือ “สาย เสธ.” ทั้งในแวดวง สนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยการเปิด “บริษัท พระพิราพ จำกัด” ให้บริการรถลีมูซีน รถหรู ในพื้นที่ท่าอากาศยานฯทั้งสองแห่งมานานพอสมควร ถือเป็นนายทหารธุรกิจที่คนใน “ทัพฟ้า” รู้จัก เพราะพื้นเพเป็น “เด็กดอน” ซึ่งก็คือ ลูกทหารอากาศที่เติบโตในเรือนไม้เก่าย่านดอนเมือง ซึ่งเป็นที่พักให้ทหารชั้นยศต่ำกว่านายพล

ลูกทหารอากาศ ที่มีบิดารับราชการอยู่ในหน่วยย่านดอนเมือง ก็จะสนิทสนม ใกล้ชิด เป็น “เด็กดอน” เหมือนกัน เพราะทุกเช้ารถยนต์ของกรมการขนส่งทหารอากาศ (ขส.ทอ.) จะรับส่งกำลังพล และบุตร ธิดาของกำลังพล ที่มารอหน้าเรือนไม้ และขึ้นรถไปพร้อมกัน เพื่อไปส่งโรงเรียนหลวง ย่านนั้น และไปรับกลับบ้านทุกวัน ทำให้ลูกทหารอากาศในย่านนั้นมีความใกล้ชิดสนิทสนมคุ้นเคยกัน จนมีการนำไปผูกโยงกันระหว่าง “บิ๊กต้อย” กับครอบครัวฝั่ง“มารดา บอส กระทิงแดง”ที่เป็นทหารอากาศ จากคดีที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่คดี “บอส” กลับมาฮือฮาเป็นข่าวอีกครั้ง เป็นวันเดียวกับที่ “บิ๊กต้อย” สูญเสียบิดา ซึ่งเป็นทหารอากาศเกษียณ ไปเมื่อวันที่ 26 ก.ค. ที่ผ่านมา ในระหว่างนี้ “บิ๊กต้อย” จึงอยู่ในช่วงพิธีที่สูญเสียของคนในครอบครัว
จากโปรไฟล์ต้องบอกว่า ไม่ธรรมดาจริงๆ สำหรับ “บิ๊กต้อย” คนนี้ 



กำลังโหลดความคิดเห็น