xs
xsm
sm
md
lg

พท.ประชุมใหญ่ไม่ปรับ กก.บห.ได้ทีหนุนแก้ รธน.จี้ฟัง ปชช.เต็มที่เลือกตั้งซ่อมปากน้ำ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ประชุมใหญ่ พท.คึกคัก สมาชิกแห่รวม เคาะไม่ปรับ กก.บห. พร้อมร่อนแถลงหนุนแก้ รธน.ใหม่ มองช่วงนี้เปราะบาง ต้องฟังเสียง ปชช. ก่อนขัดแย้งรุนแรง ลั่นเลือกตั้งซ่อมปากน้ำลุยเต็มเหนี่ยว

วันนี้ (21 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ลานอเนกประสงค์ชั้น 7 ที่ทำการพรรคเพื่อไทย มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2563 มีนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค, น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรค และ นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ เหรัญญิกพรรค ร่วมทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยมี คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรค, แกนนำพรรค, ส.ส. และสมาชิกพรรค เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง มีระเบียบวาระประกอบด้วย 1. เรื่องประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ 2. รับรองรายงานการประชุม 3. พิจารณางบการเงิน ปี 2562 และการแต่งตั้งผู้สอบบัญชี พิจารณารายงานการดำเนินกิจการพรรคในรอบปี 2562 พิจารณาร่างข้อบังคับพรรคเพื่อไทย พ.ศ. 2561 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พ.ศ. 2563 การเลือกตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร และ 4. เรื่องอื่นๆ

ต่อมาเวลา 12.45 น. ที่ประชุมได้แจ้งผลการเลือกตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของพรรคเพื่อไทย จำนวน 15 คน ประกอบด้วย คนที่มาจากสัดส่วนคณะกรรมการบริหาร จำนวน 7 คน ได้แก่ 1. นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ประธาน 2. นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง 3. นายชูศักดิ์ ศิรินิล 4. นายเกรียง กัลป์ตินันท์ 5. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง 6. นายวิทยา บุรณศิริ และ 7. น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ กรรมการและเลขานุการคณะ

ส่วนที่มาจากหัวหน้าสาขาพรรคทั้ง 4 สาขา/สาขาละ 1 คน รวม 4 คน ได้แก่ 1. นายสมัคร บุญปก หัวหน้าสาขาพรรค ลำดับที่ 1 จ.อุดรธานี 2. นายสุเทพ สายทอง หัวหน้าสาขาพรรค ลำดับที่ 2 จ.เชียงใหม่ 3. นายวิทวัส ดุลพินิจพัฒนา หัวหน้าสาขาพรรค ลำดับที่ 4 จ.ภูเก็ต 4. นายพันศักดิ์ จันทร์ใบเล็ก หัวหน้าสาขาพรรค ลำดับที่ 5 จ.นนทบุรี และส่วนมาจากตัวแทนพรรคประจำจังหวัด 4 คน 1. นายสัมพันธ์ แสงพรมชาลี ตัวแทนพรรคประจำ จ.สกลนคร 2. นายประสิทธิ์ จันทาทอง ตัวแทนพรรคประจำ จ.หนองคาย 3. น.ส.ประภาพร ทองปากน้ำ ตัวแทนพรรคประจำ จ.สุโขทัย เขตเลือกตั้งที่ 1 และ 4. นายสมบุญ พูลผล ตัวแทนพรรคประจำ จ.สระบุรี

มีรายงานเพิ่มเติมว่า ในส่วนของตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคนั้น นายสมพงษ์ ได้กล่าวกับที่ประชุมตอนหนึ่งว่า กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย จากเดิม 29 คน แม้รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยจะลาออกและพ้นจากความเป็นสมาชิกไป 3 ราย ทำให้เหลือคณะกรรมการบริหารพรรค 26 คน ขอให้สมาชิกมั่นใจกรรมการบริหารทั้ง 26 คน สามารถขับเคลื่อนพรรคให้เป็นสถาบันการเมืองที่เข้มแข็งต่อไปได้ ดังนั้น จึงยังไม่ต้องแต่งตั้งใครให้เข้ามาทำหน้าที่

สำหรับรายชื่อคณะกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบันทั้ง 26 คน ประกอบด้วย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค, รองหัวหน้าพรรค 12 คน ประกอบด้วย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง, นายชูศักดิ์ ศิรินิล, นายไพจิต ศรีวรขาน, นายเกรียง กัลป์ตินันท์, นายวิทยา บุรณศิริ, นายวิชาญ มีนชัยนันท์, นายชลน่าน ศรีแก้ว, นายชวลิต วิชยสุทธิ์, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง, นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร, นายนคร มาฉิม และ พล.ต.ท.สมศักดิ์ จันทะพิงค์

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรค, รองเลขาธิการพรรค 7 คน ประกอบด้วย น.ส.ละออง ติยะไพรัช, นายจตุพร เจริญเชื้อ, นายจิรายุ ห่วงทรัพย์, นายศราวุธ เพชรพนมพร, นายสุรชาติ เทียนทอง, น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล และ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล

นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ เหรัญญิกพรรค, นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนสมาชิกพรรค, นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรค, นายประพนธ์ เนตรรังษี กรรมการบริหารพรรค และ นายณรงค์ รุ่งธนวงศ์ กรรมการบริหารพรรค

ภายหลังการประชุม นายสมพงษ์ ได้แถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทย จำนวน 4 ข้อไปยังรัฐบาลเพื่อเป็นข้อเสนอในการหาทางออกของประเทศ โดยระบุว่า ด้วยสถานการณ์ของประเทศขณะนี้ได้ประสบกับปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจ อันเป็นปัญหานับตั้งแต่ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเมื่อรัฐได้ใช้มาตรการอย่างเข้มข้นเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว ทำให้วิกฤตเศรษฐกิจที่มีอยู่แล้วมีความรุนแรงยิ่งขึ้น ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนเกือบทุกภาคส่วน และขณะนี้กำลังจะเกิดวิกฤตอันสำคัญทางการเมือง อันเป็นผลจากรัฐธรรมนูญที่ไม่มีความชอบธรรมและไม่เป็นประชาธิปไตย จึงทำให้เกิดข้อเรียกร้องของหลายฝ่ายให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง แต่ท่าทีของรัฐบาลกลับไม่ให้ความสนใจ ล่าสุดจึงได้เกิดการเคลื่อนไหวของบรรดานักศึกษาสถาบันต่างๆนั้น พรรคเพื่อไทยเห็นว่า สถานการณ์ของประเทศอยู่ในภาวะเปราะบางและสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงตามมา หากรัฐบาลยังคงบริหารประเทศโดยที่ไม่ฟังเสียงเรียกร้องของประชาชน และไม่สามารถแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจได้ถูกทิศทาง พรรคเพื่อไทยจึงมีข้อเสนอต่อรัฐบาล ดังนี้

1. ขอให้รัฐบาลได้รับฟังเสียงเรียกร้องของประชาชนและใช้ความอดทนในการแก้ปัญหา งดใช้กำลังและความรุนแรงทุกรูปแบบกับประชาชนเพื่อสร้างความขัดแย้งให้ขยายวงกว้างขึ้น อย่ามองคนที่เห็นต่างเป็นศัตรูทางการเมือง และใช้สันติวิธีในการแก้ปัญหา ขณะเดียวกัน ขอให้ผู้ชุมนุมเรียกร้องทุกกลุ่มใช้สิทธิของตนภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และใช้สันติวิธีเช่นกัน

2. รัฐบาลต้องสนับสนุนให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เนื่องจากเป็นที่ยอมรับว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ร่างขึ้นจากผลพวงของการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และมีเนื้อหาที่ไม่เป็นประชาธิปไตย มุ่งสืบทอดอำนาจ และพันธนาการประเทศไว้ด้วยยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งพรรคเพื่อไทยและอีกหลายพรรคได้ร่วมกันผลักดันมาหลายปีแล้วให้เกิดรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ร่างโดยประชาชนและเห็นชอบโดยประชาชน ให้เป็นโรดแมปของสังคมร่วมกัน อันจะเป็นเครื่องมือให้ทุกฝ่ายเดินหน้าร่วมกันได้ ขณะนี้ความคิดได้ตกผลึก และมีประชาชนหลายกลุ่มรวมทั้งบรรดานิสิตนักศึกษาเริ่มออกมาเรียกร้องแล้ว จึงเห็นว่าถึงเวลาที่รัฐบาลและทุกฝ่ายต้องดำเนินการในเรื่องดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด อย่าคิดว่าเมื่อตนเองร่างรัฐธรรมนูญและได้เข้ามาสู่อำนาจตามรัฐธรรมนูญที่ตนเองร่างขึ้นแล้วจะได้อยู่ในอำนาจตามสบาย เพราะรัฐธรรมนูญถือเป็นสัญญาประชาคมที่จะต้องเกิดจากความสมัครใจและการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย หากรัฐบาลยังคงเพิกเฉยก็อาจทำให้เกิดวิกฤตการณ์รัฐธรรมนูญตามมาในไม่ช้าได้

3. เพื่อให้ประชาชนทุกระดับ โดยเฉพาะคนตัวเล็ก สามารถทำมาหากินได้อย่างสะดวก แข่งขันกับโลกได้อย่างสอดคล้องกับยุค 4.0 และเพื่อให้ระบบรัฐราชการ เปลี่ยนบทบาทจากผู้ควบคุมเป็นผู้สนับสนุนส่งเสริม พรรคเพื่อไทยเห็นว่าเราต้องปลดปล่อยและให้อำนาจแก่ประชาชนที่ทำมาหากิน โดยพลิกวิกฤตโควิด-19 เป็นโอกาส ด้วยการงดเว้นการต้องขออนุมัติหรืออนุญาตในการประกอบกิจการต่างๆ เป็นเวลา 3 ปี เว้นแต่ที่กระทบต่อความปลอดภัยอย่างร้ายแรงของประชาชน แต่ผู้ประกอบการต้องให้คำรับรองว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย และหากเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่ายังไม่ถูกต้องก็จะให้คำแนะนำ หากแนะนำแล้วยังไม่ถูกต้องอีกให้เตือน จากนั้นจึงลงโทษ รัฐต้องสันนิษฐานว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการทำมาหากินอย่างสุจริตและยั่งยืน

และ 4. รัฐบาลต้องให้ประชาชนมีอำนาจในการรวมตัวเพื่อการทำมาหากิน โดยมีวัตถุประสงค์ให้มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การสร้างมาตรฐานระหว่างผู้ประกอบการในกิจการที่มีลักษณะทำนองเดียวกันหรือคล้ายกัน การสร้างขนาดของกิจการที่รวมกันให้ใหญ่ขึ้นเพื่ออำนาจต่อรองกับตลาด และการสะท้อนปัญหาตลอดจนความต้องการที่แท้จริงต่อรัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ที่รับผิดชอบ โดยการออกกฎหมายรองรับการรวมตัวของ SMEs อย่างเร่งด่วน

“พรรคเพื่อไทยเห็นว่าการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นของประชาชนเพื่อเป็นโรดแมปร่วมกัน การปลดปล่อยและให้อำนาจประชาชนในการทำมาหากินเป็นวิสัยทัศน์ ทิศทาง และรูปธรรมที่ทุกฝ่ายต้องเดินไปด้วยกัน ประเทศชาติจึงจะอยู่รอดท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจขนาดมหึมาที่กำลังจะมาถึงในอนาคตอันใกล้” นายสมพงษ์ ระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงการประชุมวาระอื่นๆ นายอดิศร เพียงเกษ โฆษกผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้ขอหารือกับที่ประชุมเรื่องการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 5 จ.สมุทรปราการ ว่า ผู้สมัครของพรรคเป็นอดีต ส.ส. 3 สมัย รอบนี้พอมีโอกาสบ้างหรือไม่ เราอยากสะกดคำว่า ชนะบ้าง เนื่องจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา ฝ่ายรัฐบาลชนะตลอด การส่งผู้สมัครครั้งนี้เราเอาจริงเอาจังแค่ไหน เหลือเวลาอีกประมาณ 20 วันเท่านั้น ส่วนตัวก็อาสาไปช่วยผู้สมัคร แต่ยังไม่มีใครติดต่อมา คู่ต่อสู้ซึ่งเป็นฝ่ายรัฐบาลนั้นน่าจะมีอิทธิฤทธิ์มหาศาล

นายสมพงษ์ กล่าวว่า การส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งทุกครั้งทุกพื้นที่ พรรคสู้เต็มที่ทุกครั้ง แต่ที่ผ่านมา มีอุปสรรคทุกครั้งในการจัดการเลือกตั้ง เช่น การใช้อำนาจรัฐ เราได้เตรียมการเรื่องการเลือกตั้งไว้ ที่ผ่านมา จ.สมุทรปราการ ขึ้นชื่อมาตลอดเรื่องการโกงการเลือกตั้ง แต่เราจะสู้เต็มที่ ขอร้อง ขอวิงวอนให้สมาชิกทุกท่านไปรณรงค์ช่วยผู้สมัครหาเสียง และต้องช่วยกันป้องกันการทุจริตการเลือกตั้งด้วย จากประสบการณ์จากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านๆ มา ได้วางกลไกในการป้องกันไว้แล้ว และหากทุกคนช่วยกันทั้งช่วยกันสอดส่อง และช่วยกันหาเสียง เราจะไม่แพ้การเลือกตั้งอย่างแน่นอน

ขณะที่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรค กล่าวว่า การเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดสมุทรปราการ พรรคเพื่อไทยมีโอกาสที่จะชนะ ส่วนข้อกังวลของสมาชิกพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ว่า จะมีการทุจริตเลือกตั้งหรือไม่นั้น เนื่องจากอยู่ในสถานการณ์โควิด-19 ต้องมีการเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องเพิ่มหน่วยเลือกตั้งจากเดิมที่มีกว่า 200 หน่วยเลือกตั้ง เพิ่มเป็น 350 หน่วยเลือกตั้ง และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้สั่งการให้จัดสรรบุคคลเพื่อทำหน้าที่สังเกตการณ์ในหน่วยเลือกตั้งเพื่อป้องกันการทุจริตอีกด้วย

จากนั้น นายอดิศร ยังได้ปรึกษาที่ประชุมอีกว่า ขอถามที่ประชุมอีกว่า ในการเลือกตั้งท้องถิ่น ทางพรรคเราได้เตรียมการในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.), สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) รวมไปถึงผู้บริหารองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นต่างๆ

นายสมพงษ์ กล่าวว่า พรรคเตรียมความพร้อมในส่วนของการเลือกตั้งท้องถิ่นมาโดยตลอด แต่ยังต้องมีการนำเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคด้วยว่า พรรคจะส่งผู้สมัครในพื้นที่ใดบ้าง ขอยืนยันว่า พรรคพร้อมที่จะต่อสู้ในสนามเลือกตั้ง ตามระบอบประชาธิปไตย ปราศจากการโกง เราจะร่วมกันผนึกกำลัง เพื่อทำให้พรรคเพื่อไทยก้าวหน้าต่อไป


















กำลังโหลดความคิดเห็น