พท.นัดประชุมใหญ่จัดทัพ กก.บห. 21 ก.ค.นี้ ไม่เปลี่ยน “สมพงษ์-อนุดิษฐ์” หัวหน้า-เลขาฯ แต่เล็งเพิ่มคนรุ่นใหม่เข้าไปใน กก.บห. มอบฝ่าย กม.หาช่องทางให้ไม่กระทบตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน
วันนี้ (10 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค มี นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค, น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรค พร้อมด้วย คณะกรรมการบริหารพรรคเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง จากนั้นเวลา 13.30 น. นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังประชุมว่า ในการประชุมมีวาระสำคัญ คือ การกำหนดวันประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคในวันที่ 21 ก.ค. ที่ทำการพรรคเพื่อไทย เรื่องสำคัญที่จะนำเสนอ คือ การเลือกตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.ชุดใหม่ ให้เป็นไปตามกฎหมายพรรคการเมือง ในการประชุมกรรมการบริหารพรรครั้งนี้ มีการอนุมัติแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับพรรคอนุมัติร่างระเบียบพรรคเพื่อไทยว่าด้วยการบริหารงานพรรคของตัวแทนจังหวัด เห็นชอบงบการเงิน แต่งตั้งผู้สอบบัญชี เห็นชอบการรายงานการดำเนินกิจการของพรรคในรอบปี 2562
นอกจากนี้ ยังอนุมัติ นางสลิลทิพย์ สุขวัฒน์ อดีต ส.ส.3 สมัย เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต5 สมุทรปราการ ในนามพรรคเพื่อไทย
เมื่อถามว่า จะมีการปรับโครงสร้างหรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ต้องรับฟังความคิดเห็น และรอการประชุมพรรคอีก ถึงจะมีแนวทางออกมา หากมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างก็เป็นไปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ยึดประโยชน์ประชาชนเป็นสำคัญ โดยรูปแบบที่จะปรับเปลี่ยน ยังมีเวลาที่กรรมการบริหารพรรคได้พิจารณาก่อนถึงวันประชุมใหญ่ของพรรคเพื่อไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย ว่า ในการปรับปรุงกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ มีแนวคิดให้มีคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานในกรรมการบริหารมากขึ้น จากเดิมที่กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยมีตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคถึง 15 คน หลายคนเป็นผู้อาวุโสที่ทำงานมานาน และพร้อมเปิดโอกาสให้ผู้อื่นเข้ามาทำงานแทนบ้าง โดยจะเหลือรองหัวหน้าพรรคประมาณ 5-6 ตำแหน่งตามความเหมาะสม แล้วจะให้คนรุ่นใหม่เข้าไปเป็นกรรมการบริหารพรรคเพิ่มขึ้นประมาณ 10 ตำแหน่งเพื่อให้การทำงานในภาพรวมของพรรค มีความคล่องตัวและทันต่อความเปลี่ยนแปลงของสังคมมากขึ้น
อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารจำนวนมาก และลดจำนวนรองหัวหน้าพรรคในคราวเดียวนั้น ยังคงติดขัดมติเดิมของที่ประชุมใหญ่ ที่กำหนดให้มีรองหัวหน้าพรรค 15 คน และหากให้กรรมการบริหารพรรคลาออกเพื่อล้างไพ่ใหม่หมด ก็จะทำให้ นายสมพงษ์ ต้องพ้นจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค และพ้นจากตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ไปด้วย จึงได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาแนวทางข้อกฎหมายอย่างรัดกุม โดยมีเงื่อนไขว่าต้องไม่กระทบต่อตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาของนายสมพงษ์ เพราะถือเป็นการปรับเปลี่ยนภายในพรรค ไม่ควรกระทบไปถึงภายนอก
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ในส่วนตำแหน่งสำคัญของพรรค คือ นายสมพงษ์ หัวหน้าพรรค และ น.อ.อนุดิษฐ์ เลขาธิการพรรค นั้นคงไม่มีการปรับเปลี่ยน เพราะถือว่าทำงานเป็นที่ยอมรับอยู่แล้ว
