“ส.ส.น้ำ-จิราพร สินธุไพร” ร้อยเอ็ด เพื่อไทย ห่วง รบ.ดึงดันร่วมเจรจา CPTPP ชี้ กมธ.สภาฯ ส่งความเห็นให้เบื้องต้น แนบประเด็นปัญหาที่ยังไม่ได้คำตอบเพียบ วอนฟังเสียง ปชช.ก่อนเดินหน้า หวั่นกระทบคนไทย
วันนี้ (20 ก.ค. 63) น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบจากการเข้าร่วมความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) (กมธ. CPTPP) กล่าวถึงกรณีที่ กมธ. CPTPP มีมติส่งความคืบหน้าการศึกษาเบื้องต้นให้คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2563 ที่ผ่านมา ว่า ขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาถึงประเด็นอ่อนไหวของไทยอย่างรอบคอบ และต้องฟังเสียงประชาชน อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจให้ไทยเข้าร่วมการเจรจา CPTPP โดยรายงานเบื้องต้นของ กมธ. CPTPP ได้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่อาจเกิดจากการเข้าร่วมความตกลง CPTPP เช่น ประเด็นอนุสัญญา UPOV1991 สิทธิบัตรยา การเปิดเสรีสินค้า บริการ และลงทุนอย่างเต็มรูปแบบ
“มีคำถามในหลายประเด็นจาก กมธ. CPTPP ที่หน่วยงานยังไม่ให้คำตอบที่ชัดเจน รวมถึงผลการศึกษาที่ผ่านมาก็ยังไม่ครอบคลุมในทุกมิติ เช่น พาณิชย์อิเลกทรอนิกส์, สิทธิพิเศษทางศุลกากร และการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เป็นต้น ดังนั้น รัฐบาลจึงควรรอให้เรื่องที่ค้างคาสรุปได้เสียก่อน” น.ส.จิราพร ระบุ
น.ส.จิราพร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ และทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล เพิ่งลาออกจากคณะรัฐมนตรี ดังนั้น ทีมเศรษฐกิจที่จะตั้งขึ้นใหม่ก็ควรแสดงวิสัยทัศน์ต่อแนวนโยบายที่เกี่ยวกับการทำความตกลงการค้าเสรีก่อนด้วย การเร่งรีบพิจารณาโดยขาดข้อมูลรอบด้านก่อนการตัดสินใจใดๆ จะกระทบต่อความรู้สึกของประชาชน
“CPTPP เป็นความตกลงที่มีผลใช้บังคับแล้ว มีการเปิดเผยข้อมูลของความตกลงอย่างละเอียดชัดเจน หน่วยงานไทยมีโอกาสศึกษารายละเอียดให้ถ่องแท้ได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปขอเจรจาโดยอ้างว่าไทยสนใจเข้าร่วม CPTPP แต่แท้ที่จริงเป็นการไปทดลองว่าจะได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ ซึ่งไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้อง เพราะการที่ไทยแจ้งต่อสมาชิก CPTPP ขอเจรจาและตั้งคณะทำงาน สมาชิกต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากทั้งเวลา บุคลากร และงบประมาณ รัฐบาลจึงต้องคำนึงถึงต้นทุนและภาพลักษณ์ของไทยด้วย” น.ส.จิราพร กล่าว