“แรมโบ้อีสาน” ถามกลับ “อ้วนกับอ๋อย” คนเดือนตุลาฯ โพสต์เฟซบุ๊กลักษณะสนับสนุน ให้กำลังใจ “กลุ่มเยาวชนปลดแอก” ต้องการประชาธิปไตยอย่างแท้จริง หรือมีนัยทางการเมืองแอบแฝง
วันนี้ (20 ก.ค.) นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีทั้ง นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภา และ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวในลักษณะสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้นักศึกษา “กลุ่มเยาวชนปลดแอก” ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยให้สำเร็จ
นายสุภรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยก็เป็นประชาธิปไตยมาจากการเลือกตั้งแล้ว อีกทั้งนายกฯและสภา ไม่ได้ทำผิดพลาดเสียหายอะไร ตรงกันข้าม นายกฯได้ทำงานอย่างหนักในการบริหารประเทศ เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติมาโดยตลอด ซึ่งก็เห็นผลงานเป็นที่ประจักษ์และทั่วโลกให้การยอมรับชื่นชมในการแก้ปัญหา
และในขณะนี้ประเทศกำลังเกิดวิกฤตประชาชนส่วนใหญ่ได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 นายกฯและรัฐบาลก็กำลังแก้ไขปัญหา และต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน แต่กลับมีผู้ใหญ่ที่เป็นทั้งรุ่นพี่ของน้องๆ นักศึกษา เป็นคนเดือนตุลาฯ และเป็นถึงอดีตรัฐมนตรี เป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เรียกหาแต่ความแตกแยก โพสต์เฟซบุ๊กในลักษณะที่สนับสนุนให้น้องๆ นักศึกษาเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาล
พร้อมกันนี้ ยังตั้งข้อสังเกตว่า การโพสต์เฟซบุ๊กแบบนี้ เพื่อต้องการประชาธิปไตยอย่างแท้จริง หรือมีนัยทางการเมืองอื่นแอบแฝงโดยอาศัยจังหวะความเคลื่อนไหวของน้องๆ นักศึกษาในขณะนี้ เพราะก่อนหน้านี้ นายภูมิธรรม และ นายจาตุรนต์ ก็เคยระบุไว้ว่าอยากตั้งพรรคการเมืองใหม่ จึงอยากให้มีการยุบสภาเร็วขึ้น เพื่อที่กลุ่มของตนจะได้ลงสนามเลือกตั้งใหม่ให้เร็วขึ้นเช่นนั้นหรือ โดยไม่สนใจปัญหาความแตกแยกวุ่นวายของบ้านเมือง ขอเพียงกลุ่มพวกตนได้กลับมามีอำนาจทางการเมืองอีกครั้งใช่ไหม บางที่ความเป็นผู้อาวุโสทางการเมือง ต้องมีความคิดที่สร้างสรรค์ มีความอดทนอดกลั้น อย่าให้กิเลสมาครอบงำจิตใจ จนทำให้ความคิดมาทำลายบ้านเมืองที่กำลังเกิดวิกฤตโควิด แทนที่จะช่วยกันเตือนสติรุ่นน้องให้หันมาร่วมมือช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองกับมีวิธีคิดที่จะยุยง เช่นนี้ผมถือว่า เป็นความคิดที่ใช้ไม่ได้เลย ไม่เคยคิดเอาประเทศชาติประชาชนเป็นตัวตั้ง พฤติกรรมเช่นนี้จะทำให้คนในสังคมส่วนใหญ่มองว่า ลุแก่อำนาจอยากมีอยากได้อำนาจเกินไป จนไม่สนใจที่จะทำให้บ้านเมืองก้าวข้ามความขัดแย้ง ถ้าสมองคิดแต่ที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายเช่นนี้ มีนัยอะไรแอบแฝงร่วมกับคณะก้าวหน้า นายธนาธร นายปิยะบุตร และ น.ส. พรรณิการ์ หรือไม่ สังคมอาจสงสัยได้
ผมจึงขอเตือนทั้งสองท่านไว้ว่า ระวังจะเสียผู้ใหญ่ตอนแก่ เก็บความนับถือศรัทธาไว้ให้คนในสังคมบ้าง อย่าให้คนในสังคมเสื่อมศรัทธาไปมากกว่านี้ จนไม่มีที่ยืนในสังคมเหลืออีกเลยครับ” นายสุภรณ์ กล่าว
วันนี้ (20 ก.ค.) นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีทั้ง นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภา และ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวในลักษณะสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้นักศึกษา “กลุ่มเยาวชนปลดแอก” ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยให้สำเร็จ
นายสุภรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยก็เป็นประชาธิปไตยมาจากการเลือกตั้งแล้ว อีกทั้งนายกฯและสภา ไม่ได้ทำผิดพลาดเสียหายอะไร ตรงกันข้าม นายกฯได้ทำงานอย่างหนักในการบริหารประเทศ เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติมาโดยตลอด ซึ่งก็เห็นผลงานเป็นที่ประจักษ์และทั่วโลกให้การยอมรับชื่นชมในการแก้ปัญหา
และในขณะนี้ประเทศกำลังเกิดวิกฤตประชาชนส่วนใหญ่ได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 นายกฯและรัฐบาลก็กำลังแก้ไขปัญหา และต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน แต่กลับมีผู้ใหญ่ที่เป็นทั้งรุ่นพี่ของน้องๆ นักศึกษา เป็นคนเดือนตุลาฯ และเป็นถึงอดีตรัฐมนตรี เป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เรียกหาแต่ความแตกแยก โพสต์เฟซบุ๊กในลักษณะที่สนับสนุนให้น้องๆ นักศึกษาเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาล
พร้อมกันนี้ ยังตั้งข้อสังเกตว่า การโพสต์เฟซบุ๊กแบบนี้ เพื่อต้องการประชาธิปไตยอย่างแท้จริง หรือมีนัยทางการเมืองอื่นแอบแฝงโดยอาศัยจังหวะความเคลื่อนไหวของน้องๆ นักศึกษาในขณะนี้ เพราะก่อนหน้านี้ นายภูมิธรรม และ นายจาตุรนต์ ก็เคยระบุไว้ว่าอยากตั้งพรรคการเมืองใหม่ จึงอยากให้มีการยุบสภาเร็วขึ้น เพื่อที่กลุ่มของตนจะได้ลงสนามเลือกตั้งใหม่ให้เร็วขึ้นเช่นนั้นหรือ โดยไม่สนใจปัญหาความแตกแยกวุ่นวายของบ้านเมือง ขอเพียงกลุ่มพวกตนได้กลับมามีอำนาจทางการเมืองอีกครั้งใช่ไหม บางที่ความเป็นผู้อาวุโสทางการเมือง ต้องมีความคิดที่สร้างสรรค์ มีความอดทนอดกลั้น อย่าให้กิเลสมาครอบงำจิตใจ จนทำให้ความคิดมาทำลายบ้านเมืองที่กำลังเกิดวิกฤตโควิด แทนที่จะช่วยกันเตือนสติรุ่นน้องให้หันมาร่วมมือช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองกับมีวิธีคิดที่จะยุยง เช่นนี้ผมถือว่า เป็นความคิดที่ใช้ไม่ได้เลย ไม่เคยคิดเอาประเทศชาติประชาชนเป็นตัวตั้ง พฤติกรรมเช่นนี้จะทำให้คนในสังคมส่วนใหญ่มองว่า ลุแก่อำนาจอยากมีอยากได้อำนาจเกินไป จนไม่สนใจที่จะทำให้บ้านเมืองก้าวข้ามความขัดแย้ง ถ้าสมองคิดแต่ที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายเช่นนี้ มีนัยอะไรแอบแฝงร่วมกับคณะก้าวหน้า นายธนาธร นายปิยะบุตร และ น.ส. พรรณิการ์ หรือไม่ สังคมอาจสงสัยได้
ผมจึงขอเตือนทั้งสองท่านไว้ว่า ระวังจะเสียผู้ใหญ่ตอนแก่ เก็บความนับถือศรัทธาไว้ให้คนในสังคมบ้าง อย่าให้คนในสังคมเสื่อมศรัทธาไปมากกว่านี้ จนไม่มีที่ยืนในสังคมเหลืออีกเลยครับ” นายสุภรณ์ กล่าว