“ก๊วนสี่กุมาร” ตั้งโต๊ะแถลงเปิดใจไขก๊อกช่วยลดกดดันนายกฯ ขอบคุณที่ให้โอกาสทำงานให้ชาติ ยันขอพักก่อนยังไม่คิดอนาคตการเมือง ยังไม่คิดตั้งพรรคการเมือง บอกได้เรียนรู้และเข้าใจการเมืองระดับหนึ่ง
วันนี้ (16 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.38 น. นายอุตตม สาวนายน อดีต รมว.คลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีต รมว.พลังงาน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีต รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตรองเลขาธิการนายกฯ ได้ร่วมกันแถลงข่าวที่ห้องโถงตึกบัญชาการ โดยนายอุตตมกล่าวว่า วันนี้พวกตนทั้ง 4 คนได้นำหนังสือลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่ของแต่ละคนมายื่นต่อนายกฯ ผ่านนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะมีผลตั้งแต่วันนี้ (16 ก.ค.) เป็นต้นไป พร้อมกันนี้นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ได้รับมอบหมายจากนายสมคิดให้นำหนังสือลาออกของนายสมคิดมายื่นลาออกพร้อมกันด้วยซึ่งจากนี้ถือว่าโล่งไปในระดับหนึ่ง
“การลาออกครั้งนี้พวกเราเห็นพ้องกันว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม มองแล้วเหตุการณ์ที่เราเห็นกันอยู่เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ ความคลุมเครือก็จะหายไปด้วย เราจะได้มีส่วนช่วยลดความกดดันทางการเมืองที่อาจมีต่อนายกฯ ในช่วงเวลานี้ อาจส่งผลให้เกิดความชะงักในการบริหารงาน เราคิดร่วมกันแล้วจึงลาออกในช่วงนี้เพื่อให้เกิดความชัดเจน เช่น ในเรื่องการปรับ ครม.”
เมื่อถามว่าการลาออกเพราะได้รับแรงกดดันทางการเมืองหรือไม่ นายอุตตมกล่าวว่า เราคิดของเราเอง ไม่ได้ถูกกดดัน ส่วนการลาออกเข้าใจว่าขณะนี้นายกฯ ทราบเรื่องแล้ว เพราะประสานนายดิสทัตมาก่อน ถือว่าจากกันด้วยดี และนายสมคิดไม่ได้เล่าอะไรเกี่ยวกับการพูดคุยกับนายกฯ ให้ฟัง ช่วงนี้พวกเราต้องช่วยกันประคับประคองสถานการณ์บ้านเมือง ส่วนอนาคตนั้นอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองต่อสังคม เราสามารถทำสิ่งเหล่านั้นได้ ไม่ปิดกั้นการร่วมมือ
เมื่อถามว่ามีการทาบทามหรือตั้งกลุ่มการเมืองใหม่หรือไม่ นายอุตตมกล่าวว่า ส่วนตัวไม่มี และเชื่อว่าทุกคนยังไม่ได้เดินในเรื่องนี้ เมื่อถามว่าการลาออกเพราะนายสมคิดขอให้ลาออกพร้อมกันหรือไม่ นายอุตตมกล่าวว่า ไม่ใช่ เราหารือและคิดกันเอง นายสมคิดก็เห็นพ้องด้วย แต่ในส่วนของนายสมคิดนั้นสื่อมวลชนคงทราบมาบ้างแล้วว่าเรื่องสุขภาพเป็นเหตุผลหนึ่ง หากได้พักผ่อนพื้นฟูสุขภาพก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดี รวมถึงพวกตนจะถือโอกาสพักผ่อนด้วย
เมื่อถามว่าการเข้าสู่การเมืองครั้งนี้มีอะไรได้มา หรือเสียไปอย่างไรบ้าง นายอุตตมกล่าวว่า ในนามของพวกตน ขอขอบคุณนายกฯ ที่ให้ความไว้วางใจให้โอกาสมาทำงานให้บ้านเมืองมาระยะหนึ่ง ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มาพอประมาณ ตนขอขอบคุณที่ไว้วางใจให้พวกเรามาทำงานให้ชาติบ้านเมืองและทำงานให้นายกฯ สำหรับตนนี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่พวกเราได้มาในครั้งนี้ เมื่อถามว่าจะพูดได้หรือไม่ว่ายังไม่เข็ดการเมือง นายอุตตมกล่าวว่า “เอาเป็นว่าวันนี้ยังไม่ได้คิดจริงๆ เอาทีละขั้นตอน ขอคิดนิดหนึ่ง เราคนไทยมีหน้าที่กันทุกคนในการประคับประคองให้ประเทศเดินหน้าไปได้ในภาวะเช่นนี้ เรามีเหตุผลในการลาออกของเราที่เชื่อว่าเป็นประโยชน์ต่อการบริหารทำให้บ้านเมืองผ่านพ้นวิกฤต ส่วนใครจะมารับหน้าที่ต่อนั้นเราไม่ทราบ แต่เชื่อว่านายกฯ มีความสามารถ คงหาคนมีความสามารถมาร่วมทีมได้”
ส่วนตำแหน่งใน กมธ.งบประมาณรายจ่ายปี 2564 นั้น นายอุตตมกล่าวว่า คงหลุดไปโดยปริยาย เมื่อถามว่าเสียดายหรือไม่ที่ต้องลาออกขณะที่ยังมีงานค้างอยู่ นายอุตตมกล่าวว่า พวกตนไม่ยึดติดตำแหน่งและไม่เสียดาย เราได้รับโอกาสมาทำงานก็ทำงาน เมื่อไม่มีตำแหน่งก็สามารถทำงานเป็นประโยชน์ได้ เมื่อถามว่า คิดว่าเจ็บตัวหรือไม่ในการเข้าการเมืองครั้งนี้ นายอุตตมกล่าวว่า ไม่เจ็บตัว เพราะไม่ว่าจะใส่หมวกใบไหนก็ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติได้
ด้านนายสนธิรัตน์กล่าวถึงอนาคตทางการเมืองของกลุ่มสี่กุมารว่า กลุ่มสี่กุมารยังไม่คิดเรื่องการเมือง วันนี้ได้มีโอกาสเดินทางการเมืองมาถึงจุดนี้ ตั้งแต่ตั้งพรรค นำพรรคร่วมเลือกตั้ง ตั้งรัฐบาล มาจนถึงวันนี้ ยืนยันว่ายังไม่ได้คิดในเรื่องการตั้งพรรคการเมือง แต่พวกเราพร้อมที่จะช่วยกันคิดเพื่อบ้านเมือง เพื่อสังคม เราไม่ได้ทอดทิ้ง หากมีอะไรที่เราสามารถจะทำประโยชน์ได้ก็ยินดี แต่ในบทบาทการเมืองเราขอพักไว้ก่อน
“สิ่งที่เราเป็นห่วงที่สุดของการตัดสินใจครั้งนี้ก็คือ สถานการณ์บ้านเมือง เป็นสถานการณ์ที่ต้องการพลังในการทำงาน เราไม่อยากเห็นการเมืองเป็นอุปสรรคต่อการที่จะขับเคลื่อนบ้านเมือง เพราะเราต้องการให้บ้านเมืองมีการปรับ หรือมีกลไกในการบริหารบ้านเมืองที่ไม่ต้องคลุมเครืออีกต่อไป เรายินดีที่จะมีส่วนในการปรับเปลี่ยน หรือการจะทำให้เกิดโอกาสในการทำให้บ้านเมืองมีพลังของทุกภาคส่วนอย่างเต็มที่ ทั้งหมดถือเป็นที่มาของการที่เราตัดสินใจยื่นใบลาออกในวันนี้”
เมื่อถามว่าที่บอกว่าวันนี้ขอพักเรื่องการเมือง แสดงว่าในอนาคตก็ยังมีโอกาสเข้ามาสู่การเมืองใช่หรือไม่ นายสนธิรัตน์กล่าวว่า วันนี้ยังไม่คิด ขอคิดไปพักผ่อนก่อน
เมื่อถามว่าจากที่ทำงานมา ทั้ง 4 คนได้รู้จักคำว่าการเมืองและนักการเมืองมากขึ้นหรือไม่ นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ขอย้ำว่าการเมืองก็เป็นสิ่งที่เป็นหน้าที่ของทุกคน เราเข้ามาทำหน้าที่ทางการเมืองในช่วงเวลาระยะหนึ่ง การเมืองก็ต้องเดินหน้าต่อไป และเป็นที่สนใจของประชาชน ประเทศต้องพัฒนาไปทุกด้าน ด้านการเมืองก็เป็นอีกด้านหนึ่งที่ประเทศต้องพัฒนาไป ดังนั้นสิ่งที่เราอยากเห็นก็คือการเกิดการเมืองในเชิงพัฒนาการทางการเมืองให้สอดรับสภาวะของโลก และประเทศ
“เราคงได้รับบทเรียนจากการเข้ามา บทเรียนนั้นแปลว่าเมื่อเข้ามาแล้ว เราก็ได้เรียนรู้ ได้เข้าใจในทางการเมืองระดับหนึ่ง และเราก็เป็นกำลังใจในการพัฒนาทางการเมือง การเดินทางในทางการเมืองของเรานั้นต้องขอบคุณสื่อมวลชนที่ได้ติดตามพวกเรามาตลอด และรู้ว่าเราต้องการทำการเมืองดีๆ เราอยากทำการเมืองที่เป็นอนาคต เพราะฉะนั้น การเข้าสู่การเมืองครั้งนี้ก็อยากให้เป็นส่วนหนึ่งของแรงบันดาลใจกับคนดีๆ ที่อยากเข้ามาช่วยบ้านเมือง ได้มีโอกาสเหมือนเช่นพวกเรา ส่วนบทเรียนที่ได้นี้คุ้มค่าหรือไม่นั้น ผมคิดว่าทุกครั้งที่ทำงานเราได้เรียนรู้ทั้งสิ้น และถือเป็นบทเรียนของชีวิตที่ดีทั้งนั้น ไม่ว่าในแง่มุมใดก็ตาม”
เมื่อถามว่า ที่บอกว่าพยายามตั้งใจทำการเมืองให้มีการพัฒนา แต่ต้องลาออกไปก่อน แสดงว่าความพยายามที่ผ่านมา ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการเมืองในรูปแบบเดิมได้ใช่หรือไม่ นายสนธิรัตน์กล่าวว่า คงพูดอย่างนั้นไม่ได้ มันคงเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการทางการเมือง การเมืองในทัศนะของตนไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ใดก็ตามก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการทางการเมืองทั้งสิ้น อยู่ที่คนที่เกี่ยวข้องจะเรียนรู้และปรับใช้มันอย่างไร
เมื่อถามว่า อนาคตทางการเมืองของทั้ง 4 คน จากนี้ไปจะต้องมีที่ปรึกษาทางใจหรือไม่ นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ยังไม่มีอนาคตเลย
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการให้สัมภาษณ์ นายสนธิรัตน์ได้แจกหนังสือ “เปิดมิติพลังงาน เพื่อคนไทยทุกคน ENERGY FOR ALL” แก่สื่อมวลชนที่มาทำข่าวด้วย