“อุตตม” นำทีมปิดตำนาน “4 กุมาร” ลาออกสมาชิก พปชร. ยันไร้ขัดแย้ง-อวยพรพรรค เผยยังไม่คิดตั้งพรรคการเมือง ระบุไม่ทิ้งตำแหน่ง รมต. เผย “สมคิด” ให้กำลังใจ “บิ๊กป้อม” โยน "บิ๊กตู่" ชี้ขาดโควตา รมต. ด้าน “นายกฯ” เคารพการตัดสินใจ
วานนี้ (9 ก.ค.) ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ กทม. อดีตคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ หรือกลุ่ม 4 กุมารนำโดย นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง และอดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และอดีตเลขาธิการพรรค, นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม และอดีตรองหัวหน้าพรรค และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกฯ และอดีตกรรมการบริหารพรรค ร่วมกันแถลงข่าวลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ
โดย นายอุตตม กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ปฏิบัติภารกิจ ทั้งในส่วนของพรรคและการบริหาร วันนี้เราได้ตัดสินใจยุติบทบาททางการเมืองในฐานะสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กว่า 2 ปีที่ผ่านมาเราได้เป็นแกนหลักในการจัดตั้งพรรค เพื่อเข้ามาทำงานการเมืองช่วยเหลือประเทศชาติ และมีเจตนารมย์ที่จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี จนถึงวันนี้พรรคมีความก้าวหน้าในการสานต่อนโยบาย และได้มีทีมบริหารพรรคชุดใหม่แล้ว ก็ถือว่าภารกิจของพวกเราได้ลุล่วงไปแล้ว แต่ในส่วนของฝ่ายบริหาร เราก็จะยังทำหน้าที่อย่างเต็มที่ตามที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี
ภารกิจหนุน “บิ๊กตู่” ลุล่วงแล้ว
ด้าน นายสนธิรัตน์ กล่าวเสรอมว่า เราไม่ใช่นักการเมือง ตอนที่เข้ามาทำงานพรรคการเมือง คือช่วงเปลี่ยนผ่านของบ้านเมือง ในช่วงนั้นคือเราเชื่อมั่นว่า พล.อ.ประยุทธ์ เหมาะสมที่จะเป็นนายกฯ จนถึงวันนี้ถือว่าภารกิจลุล่วงแล้ว การเมืองมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ พวกเราไม่ยึดติดทางการเมืองในตำแหน่ง ว่าจะต้องเป็นไปเช่นนี้ตลอด เราจะยังทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด และยังมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะทำเพื่อบ้านเมืองต่อไป
ยังไม่คิดตั้งพรรคใหม่
จากนั้นได้เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวาสอบถาม โดยเมื่อถามว่าจะไปตั้งพรรคการเมืองใหม่หรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า วันนี้ยังไม่มีความคิด ยังขอทำหน้าที่ในฝ่ายบริหารอย่างเต็มที่ การลาออกจากพรรคในครั้งนี้ ไม่ได้มีการแจ้งนายกฯ เพราะถือเป็นเรื่องของพรรคการเมือง ไม่ใช่เรื่องของฝ่ายบริหาร แต่คิดว่านายกฯ คงได้ติดตามข่าวจากสื่ออยู่แล้ว
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า การทำการเมืองไม่ใช่เป็นเรื่องของตัวคนเดียว และการทำการเมืองก็ไม่ใช่เรื่องของพรรคการเมืองเพียงอย่างเดียว ประชาชนก็สามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้ ฉะนั้นในวันนี้ไม่มีความคิดที่จะตั้งพรรคการเมืองใหม่ หากตรงจุดใดที่พวกเรามีประโยชน์ต่อบ้านเมือง เราก็พร้อมที่จะช่วยเหลือทำประโยชน์ให้ประเทศและประชาชนอย่างเต็มที่
เรื่องพรรค-รมต.ต้องแยกกัน
เมื่อถามถึงสัดส่วนของตำแหน่งรัฐมนตรี หากไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแล้วจะเป็นโควตาในส่วนใด นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ขอให้แยกแยกบทบาทออกเป็น 2 บทบาท คือบทบาทในพรรค และฝ่ายบริหาร ในวันนี้พวกเราจะยังทำหน้าที่ของฝ่ายบริหารจนถึงที่สุด จนถึงวันที่มีการเปลี่ยนแปลง ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่จะมาคิดเรื่องโควต้าในวันนี้ สิ่งที่ตนรู้สึกคือ ภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการสร้างพรรคใหญ่ เป็นสถาบันทางการเมืองให้ประชาชนมีความหวัง สมาชิกพรรคทั่วประเทศ สายใยยังไม่ได้หายไป ไม่มีการโกรธชังกัน ถึงวันนี้เราจะลาออกจากพรรค แต่มิตรภาพจะยังคงอยู่ เราแค่เลือกทางเดินในวิถีของเรา
เมื่อถามว่า ได้มีการแจ้งการตัดสินใจวันนี้ต่อ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี หรือยัง นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ได้เรียนให้นายสมคิดทราบแล้ว เพราะท่านเป็นที่ปรึกษาของพวกเราเสมอมา ท่านก็ให้กำลังใจ และเคารพการตัดสินพวกเรา โดยไม่ได้มีการชี้แนะอะไร
แย้มแค่ปิดฉากภาคแรก
เมื่อถามว่า วันนี้ถือว่าเป็นการปิดฉากกลุ่ม 4 กุมาร หรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า เอาเป็นว่าวันนี้เราเชื่อว่า เราได้บรรลุในสิ่งที่เราตั้งใจตั้งแต่ต้น อาจเรียกว่าจบไปตอนหนึ่ง แต่ก็ยังจะตั้งใจทำงานต่อ ส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไร ยังไม่ได้คิดว่าจะตั้งพรรคต่อหรือไม่ แต่เชื่อว่าจะมีโอกาสแน่นอนที่จะกลับมาทำงานเพื่อประเทศชาติ และประชาชน
“วันนี้ขออยู่กับปัจจุบัน ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ยังไม่อยากไปคิดถึงเรื่องตำแหน่งใดๆในอนาคต คงยังไม่มีความจำเป็น เพราะเราก้าวเข้ามาด้วยความตั้งใจทำการเมือง ไม่ได้ยึดดติด ความสัมพันธ์ของพรรคยังดีอยู่ การเมืองก็มีวิถีทาง ซึ่งผมเชื่อว่าทีมผู้บริหารใหม่จะนำพาพรรคเดินหน้าต่อไปได้” นายอุตตม กล่าว
โยน "บิ๊กตู่" ตัดสินโควตา 4 กุมาร
อีกด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการลาออกจากสมาชิกพรรคของกลุ่ม 4 กุมาร ว่า เคารพการตัดสินใจของแต่ละคน แล้วจะเอาอย่างไรก็เป็นเรื่องของเขา และคงไม่เกี่ยวกับความน้อยใจในเปลี่ยนแปลงในพรรคที่ผ่านมา
“ก็อยู่กันไป ใครยังอยู่ก็อยู่ เพราะทุกคนก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ต้องมาถามผมหรอก” พล.อ.ประวิตร กล่าว
เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่กลุ่ม 4 กุมารจะแยกไปตั้งพรรคการเมือง แล้วมาเป็นพันธมิตรพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ผมไม่รู้ ผมไม่ทราบ ไม่ได้คุยกันนะ"
เมื่อถามว่าแล้วในอนาคต ยังจะทำงานร่วมกันได้อยู่ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังทำงานร่วมกันได้ เพราะทุกคนมีความตั้งใจทำงานให้กับประเทศชาติด้วยกันทั้งนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อกลุ่ม 4 กุมารไม่ได้เป็นสมาชิกของพรรคแล้ว ตำแหน่งรัฐมนตรียังคงอยู่หรือไม่ เพราะเป็นโควตาของพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี
นายกฯส่งสัญญาณปรับ ครม.
วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกลุ่ม 4 กุมาร ลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐว่า ก็เคารพการตัดสินใจ ถือเป็นเรื่องภายในของพรรค ในส่วนการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นวิถีทางทางการเมือง การเข้ามาเป็น ส.ส. การเข้ามาเป็นรัฐมนตรี การจะเข้ามาเป็น ครม. การเป็นพรรคร่วมรัฐบาล จะต้องมีการไปพูดคุยเจรจากันอีกครั้ง
ไผมยังไม่มีให้ว่า ใครจะเป็น ใครจะเข้า ใครจะออก เพราะเราต้องคุยกับพรรคการเมือง พรรคร่วมรัฐบาลซึ่งเป็นไปตามกลไกทางการเมือง ขอให้ใจเย็นๆ" พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
ส่วนที่มีข่าวว่าจะปรับ ครม.ในเดือน ก.ย. เมื่อเป็นเช่นนี้จะทำให้ต้องปรับเร็วขึ้นหรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนถามว่า "ดูจากการปรับ ครม.ใครปรับหรือยัง ผมพูดเมื่อไรว่าจะมีขึ้นในเดือน ก.ย. ผมไม่เคยพูดเลย พวกคุณไปตีความกันเอง"
เมื่อถามว่าจะปรับช่วงเดือนไหน นายกฯกล่าวว่า "ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น แต่ผมไม่ได้พูดว่าเป็นเดือน ก.ย."
ส่วนปัญหาเรื่องการวิ่งเต้นขอตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น นายกฯกล่าวว่า ใครจะวิ่ง ใครจะอะไร คนวิ่งมากๆ ก็อาจจะไม่ได้ก็ได้ แต่ขอร้องว่าอย่าทำให้เกิดความสับสนอลหม่านได้หรือไม่ ใครจะวิ่งก็วิ่งไปเถอะ ตนจะตัดสินใจด้วยตัวขเอง และต้องคุยกับหัวหน้าพรรคทุกพรรค
เมื่อกลุ่ม 4 กุมาร ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแล้ว จะส่งผลต่อเก้าอี้รัฐมนตรีหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องกลไกภายในพรรค เพราะสัดส่วนในการเข้ามาเป็นรัฐมนตรี มาจากพรรคการเมืองเป็นอันดับแรก โควตาคนนอกก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง
"อย่าลืมว่าผมก็ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค พปชร. เพราะฉะนั้นสัดส่วนรัฐมนตรี ก็ต้องฟังจากพรรคเป็นหลัก การจะนำคนนอกเข้ามา ก็เป็นโควต้าของเขา ซึ่งผมก็ขอเขามา และเขาก็ให้ผมเข้ามาตรงนี้ รวมทั้งมีรัฐมนตรีหลายคนที่มากับผมด้วย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ทั้งนี้ นายกฯยอมรับว่าตำแหน่งรัฐมนตรีของ กลุ่ม 4 กุมาร เดิมนั้นเป็นโควตาของนายกฯ และเป็นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ดังนั้นวันนี้ต้องไปดูว่าโควตาเหมาะสมแล้วหรือยัง ใครจะได้เพิ่ม ใครจะถูกลดอย่างไร ก็ไปว่ากันอีกที
อึ่มพวกปล่อยข่าวถล่มกันเอง
เมื่อถามว่าการปรับครม.ครั้งนี้ จะเป็นการปรับใหญ่ หรือจะปรับเฉพาะที่จำเป็น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็เท่าที่จำเป็น ใครที่เขาทำงานดีอยู่แล้ว ก็ให้เขาทำงานต่อ ที่ผ่านมาทุกคนทำงานดีทั้งหมด ตนไม่ได้ว่าใครไม่ดี เพียงแต่กลไกทางการเมือง และวิถีทางการเมืองนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ช่วงที่ผ่านมาก็ได้คุยกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มาตลอด นายสมคิดก็บอกว่า ท่านเองก็พร้อมทุกเรื่อง
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามีกระแสข่าวโจมตี และขย่มนายสมคิด บ่อยครั้ง พอจะยืนยันได้หรือไม่ว่าไม่มีปัญหาระหว่างกัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า " ผมเองก็ต้องดู ก็มีการขย่มกันทั้ง 2 ฝ่าย สื่อก็รู้ว่าใครขย่มใคร แล้วใครขย่มกันอย่างไร วิธีไหน บางทีก็พูดกันไปเรื่อย สื่อก็เอาไปพาดหัวข่าว ซึ่งผมก็ไม่รู้ ผมก็ต้องดูว่าใครขย่มใคร และใครถูก ใครผิด ผมก็จะตัดสินของผมเอง"
เลื่อนประชุม ครม.เศรษฐกิจ
สำหรับ ครม.เศรษฐกิจ ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์รุนแรง จะต้องปรับใหม่ทั้งหมดหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ครม.ใหม่ถ้าปรับก็ต้องปรับครม.เศรษฐกิจด้วย เพราะครม.เศรษฐกิจ มีหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้อง และในวันที่ 10 ก.ค.นี้ ได้เลื่อนการประชุมครม.เศรษฐกิจออกไปก่อน แต่ตนจะประชุมที่ปรึกษาทางด้านเศรษฐกิจทั้งหมด ทั้งในและนอกระบบ มาพูดคุย และรับฟังความคิดเห็นของเขาว่ามีแนวความคิดอย่างไรก่อน ถึงจะนำเข้าที่ประชุมครม.เศรษฐกิจ นี่คือการริหารงานแบบนิวนอร์มอล
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวเสนอชื่อ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย มาเป็น รมว.กลาโหม แทน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนถามว่า "ใครเสนอ ถ้าบอกว่ามีการเสนอตามหน้าข่าวต่างๆ ก็ต้องถามว่าใครเป็นคนเขียนข่าว เรื่องนี้ขอให้ฟังผมก็แล้วกัน"
เมือถามว่า กระแสตีให้ 3 ป. แตกกัน มีความเป็นไปได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ นิ่งเงียบก่อนที่จะกล่าวพร้อมส่ายศรีษะว่า เป็นไปไม่ได้.
วานนี้ (9 ก.ค.) ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ กทม. อดีตคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ หรือกลุ่ม 4 กุมารนำโดย นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง และอดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และอดีตเลขาธิการพรรค, นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม และอดีตรองหัวหน้าพรรค และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกฯ และอดีตกรรมการบริหารพรรค ร่วมกันแถลงข่าวลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ
โดย นายอุตตม กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ปฏิบัติภารกิจ ทั้งในส่วนของพรรคและการบริหาร วันนี้เราได้ตัดสินใจยุติบทบาททางการเมืองในฐานะสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กว่า 2 ปีที่ผ่านมาเราได้เป็นแกนหลักในการจัดตั้งพรรค เพื่อเข้ามาทำงานการเมืองช่วยเหลือประเทศชาติ และมีเจตนารมย์ที่จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี จนถึงวันนี้พรรคมีความก้าวหน้าในการสานต่อนโยบาย และได้มีทีมบริหารพรรคชุดใหม่แล้ว ก็ถือว่าภารกิจของพวกเราได้ลุล่วงไปแล้ว แต่ในส่วนของฝ่ายบริหาร เราก็จะยังทำหน้าที่อย่างเต็มที่ตามที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี
ภารกิจหนุน “บิ๊กตู่” ลุล่วงแล้ว
ด้าน นายสนธิรัตน์ กล่าวเสรอมว่า เราไม่ใช่นักการเมือง ตอนที่เข้ามาทำงานพรรคการเมือง คือช่วงเปลี่ยนผ่านของบ้านเมือง ในช่วงนั้นคือเราเชื่อมั่นว่า พล.อ.ประยุทธ์ เหมาะสมที่จะเป็นนายกฯ จนถึงวันนี้ถือว่าภารกิจลุล่วงแล้ว การเมืองมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ พวกเราไม่ยึดติดทางการเมืองในตำแหน่ง ว่าจะต้องเป็นไปเช่นนี้ตลอด เราจะยังทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด และยังมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะทำเพื่อบ้านเมืองต่อไป
ยังไม่คิดตั้งพรรคใหม่
จากนั้นได้เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวาสอบถาม โดยเมื่อถามว่าจะไปตั้งพรรคการเมืองใหม่หรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า วันนี้ยังไม่มีความคิด ยังขอทำหน้าที่ในฝ่ายบริหารอย่างเต็มที่ การลาออกจากพรรคในครั้งนี้ ไม่ได้มีการแจ้งนายกฯ เพราะถือเป็นเรื่องของพรรคการเมือง ไม่ใช่เรื่องของฝ่ายบริหาร แต่คิดว่านายกฯ คงได้ติดตามข่าวจากสื่ออยู่แล้ว
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า การทำการเมืองไม่ใช่เป็นเรื่องของตัวคนเดียว และการทำการเมืองก็ไม่ใช่เรื่องของพรรคการเมืองเพียงอย่างเดียว ประชาชนก็สามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้ ฉะนั้นในวันนี้ไม่มีความคิดที่จะตั้งพรรคการเมืองใหม่ หากตรงจุดใดที่พวกเรามีประโยชน์ต่อบ้านเมือง เราก็พร้อมที่จะช่วยเหลือทำประโยชน์ให้ประเทศและประชาชนอย่างเต็มที่
เรื่องพรรค-รมต.ต้องแยกกัน
เมื่อถามถึงสัดส่วนของตำแหน่งรัฐมนตรี หากไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแล้วจะเป็นโควตาในส่วนใด นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ขอให้แยกแยกบทบาทออกเป็น 2 บทบาท คือบทบาทในพรรค และฝ่ายบริหาร ในวันนี้พวกเราจะยังทำหน้าที่ของฝ่ายบริหารจนถึงที่สุด จนถึงวันที่มีการเปลี่ยนแปลง ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่จะมาคิดเรื่องโควต้าในวันนี้ สิ่งที่ตนรู้สึกคือ ภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการสร้างพรรคใหญ่ เป็นสถาบันทางการเมืองให้ประชาชนมีความหวัง สมาชิกพรรคทั่วประเทศ สายใยยังไม่ได้หายไป ไม่มีการโกรธชังกัน ถึงวันนี้เราจะลาออกจากพรรค แต่มิตรภาพจะยังคงอยู่ เราแค่เลือกทางเดินในวิถีของเรา
เมื่อถามว่า ได้มีการแจ้งการตัดสินใจวันนี้ต่อ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี หรือยัง นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ได้เรียนให้นายสมคิดทราบแล้ว เพราะท่านเป็นที่ปรึกษาของพวกเราเสมอมา ท่านก็ให้กำลังใจ และเคารพการตัดสินพวกเรา โดยไม่ได้มีการชี้แนะอะไร
แย้มแค่ปิดฉากภาคแรก
เมื่อถามว่า วันนี้ถือว่าเป็นการปิดฉากกลุ่ม 4 กุมาร หรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า เอาเป็นว่าวันนี้เราเชื่อว่า เราได้บรรลุในสิ่งที่เราตั้งใจตั้งแต่ต้น อาจเรียกว่าจบไปตอนหนึ่ง แต่ก็ยังจะตั้งใจทำงานต่อ ส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไร ยังไม่ได้คิดว่าจะตั้งพรรคต่อหรือไม่ แต่เชื่อว่าจะมีโอกาสแน่นอนที่จะกลับมาทำงานเพื่อประเทศชาติ และประชาชน
“วันนี้ขออยู่กับปัจจุบัน ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ยังไม่อยากไปคิดถึงเรื่องตำแหน่งใดๆในอนาคต คงยังไม่มีความจำเป็น เพราะเราก้าวเข้ามาด้วยความตั้งใจทำการเมือง ไม่ได้ยึดดติด ความสัมพันธ์ของพรรคยังดีอยู่ การเมืองก็มีวิถีทาง ซึ่งผมเชื่อว่าทีมผู้บริหารใหม่จะนำพาพรรคเดินหน้าต่อไปได้” นายอุตตม กล่าว
โยน "บิ๊กตู่" ตัดสินโควตา 4 กุมาร
อีกด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการลาออกจากสมาชิกพรรคของกลุ่ม 4 กุมาร ว่า เคารพการตัดสินใจของแต่ละคน แล้วจะเอาอย่างไรก็เป็นเรื่องของเขา และคงไม่เกี่ยวกับความน้อยใจในเปลี่ยนแปลงในพรรคที่ผ่านมา
“ก็อยู่กันไป ใครยังอยู่ก็อยู่ เพราะทุกคนก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ต้องมาถามผมหรอก” พล.อ.ประวิตร กล่าว
เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่กลุ่ม 4 กุมารจะแยกไปตั้งพรรคการเมือง แล้วมาเป็นพันธมิตรพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ผมไม่รู้ ผมไม่ทราบ ไม่ได้คุยกันนะ"
เมื่อถามว่าแล้วในอนาคต ยังจะทำงานร่วมกันได้อยู่ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังทำงานร่วมกันได้ เพราะทุกคนมีความตั้งใจทำงานให้กับประเทศชาติด้วยกันทั้งนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อกลุ่ม 4 กุมารไม่ได้เป็นสมาชิกของพรรคแล้ว ตำแหน่งรัฐมนตรียังคงอยู่หรือไม่ เพราะเป็นโควตาของพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี
นายกฯส่งสัญญาณปรับ ครม.
วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกลุ่ม 4 กุมาร ลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐว่า ก็เคารพการตัดสินใจ ถือเป็นเรื่องภายในของพรรค ในส่วนการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นวิถีทางทางการเมือง การเข้ามาเป็น ส.ส. การเข้ามาเป็นรัฐมนตรี การจะเข้ามาเป็น ครม. การเป็นพรรคร่วมรัฐบาล จะต้องมีการไปพูดคุยเจรจากันอีกครั้ง
ไผมยังไม่มีให้ว่า ใครจะเป็น ใครจะเข้า ใครจะออก เพราะเราต้องคุยกับพรรคการเมือง พรรคร่วมรัฐบาลซึ่งเป็นไปตามกลไกทางการเมือง ขอให้ใจเย็นๆ" พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
ส่วนที่มีข่าวว่าจะปรับ ครม.ในเดือน ก.ย. เมื่อเป็นเช่นนี้จะทำให้ต้องปรับเร็วขึ้นหรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนถามว่า "ดูจากการปรับ ครม.ใครปรับหรือยัง ผมพูดเมื่อไรว่าจะมีขึ้นในเดือน ก.ย. ผมไม่เคยพูดเลย พวกคุณไปตีความกันเอง"
เมื่อถามว่าจะปรับช่วงเดือนไหน นายกฯกล่าวว่า "ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น แต่ผมไม่ได้พูดว่าเป็นเดือน ก.ย."
ส่วนปัญหาเรื่องการวิ่งเต้นขอตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น นายกฯกล่าวว่า ใครจะวิ่ง ใครจะอะไร คนวิ่งมากๆ ก็อาจจะไม่ได้ก็ได้ แต่ขอร้องว่าอย่าทำให้เกิดความสับสนอลหม่านได้หรือไม่ ใครจะวิ่งก็วิ่งไปเถอะ ตนจะตัดสินใจด้วยตัวขเอง และต้องคุยกับหัวหน้าพรรคทุกพรรค
เมื่อกลุ่ม 4 กุมาร ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแล้ว จะส่งผลต่อเก้าอี้รัฐมนตรีหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องกลไกภายในพรรค เพราะสัดส่วนในการเข้ามาเป็นรัฐมนตรี มาจากพรรคการเมืองเป็นอันดับแรก โควตาคนนอกก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง
"อย่าลืมว่าผมก็ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค พปชร. เพราะฉะนั้นสัดส่วนรัฐมนตรี ก็ต้องฟังจากพรรคเป็นหลัก การจะนำคนนอกเข้ามา ก็เป็นโควต้าของเขา ซึ่งผมก็ขอเขามา และเขาก็ให้ผมเข้ามาตรงนี้ รวมทั้งมีรัฐมนตรีหลายคนที่มากับผมด้วย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ทั้งนี้ นายกฯยอมรับว่าตำแหน่งรัฐมนตรีของ กลุ่ม 4 กุมาร เดิมนั้นเป็นโควตาของนายกฯ และเป็นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ดังนั้นวันนี้ต้องไปดูว่าโควตาเหมาะสมแล้วหรือยัง ใครจะได้เพิ่ม ใครจะถูกลดอย่างไร ก็ไปว่ากันอีกที
อึ่มพวกปล่อยข่าวถล่มกันเอง
เมื่อถามว่าการปรับครม.ครั้งนี้ จะเป็นการปรับใหญ่ หรือจะปรับเฉพาะที่จำเป็น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็เท่าที่จำเป็น ใครที่เขาทำงานดีอยู่แล้ว ก็ให้เขาทำงานต่อ ที่ผ่านมาทุกคนทำงานดีทั้งหมด ตนไม่ได้ว่าใครไม่ดี เพียงแต่กลไกทางการเมือง และวิถีทางการเมืองนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ช่วงที่ผ่านมาก็ได้คุยกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มาตลอด นายสมคิดก็บอกว่า ท่านเองก็พร้อมทุกเรื่อง
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามีกระแสข่าวโจมตี และขย่มนายสมคิด บ่อยครั้ง พอจะยืนยันได้หรือไม่ว่าไม่มีปัญหาระหว่างกัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า " ผมเองก็ต้องดู ก็มีการขย่มกันทั้ง 2 ฝ่าย สื่อก็รู้ว่าใครขย่มใคร แล้วใครขย่มกันอย่างไร วิธีไหน บางทีก็พูดกันไปเรื่อย สื่อก็เอาไปพาดหัวข่าว ซึ่งผมก็ไม่รู้ ผมก็ต้องดูว่าใครขย่มใคร และใครถูก ใครผิด ผมก็จะตัดสินของผมเอง"
เลื่อนประชุม ครม.เศรษฐกิจ
สำหรับ ครม.เศรษฐกิจ ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์รุนแรง จะต้องปรับใหม่ทั้งหมดหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ครม.ใหม่ถ้าปรับก็ต้องปรับครม.เศรษฐกิจด้วย เพราะครม.เศรษฐกิจ มีหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้อง และในวันที่ 10 ก.ค.นี้ ได้เลื่อนการประชุมครม.เศรษฐกิจออกไปก่อน แต่ตนจะประชุมที่ปรึกษาทางด้านเศรษฐกิจทั้งหมด ทั้งในและนอกระบบ มาพูดคุย และรับฟังความคิดเห็นของเขาว่ามีแนวความคิดอย่างไรก่อน ถึงจะนำเข้าที่ประชุมครม.เศรษฐกิจ นี่คือการริหารงานแบบนิวนอร์มอล
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวเสนอชื่อ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย มาเป็น รมว.กลาโหม แทน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนถามว่า "ใครเสนอ ถ้าบอกว่ามีการเสนอตามหน้าข่าวต่างๆ ก็ต้องถามว่าใครเป็นคนเขียนข่าว เรื่องนี้ขอให้ฟังผมก็แล้วกัน"
เมือถามว่า กระแสตีให้ 3 ป. แตกกัน มีความเป็นไปได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ นิ่งเงียบก่อนที่จะกล่าวพร้อมส่ายศรีษะว่า เป็นไปไม่ได้.