“อุตตม” นำทีมปิดฉาก “สี่กุมาร” ภาคแรก ลาแล้ว พปชร. ยันสายสัมพันธ์พรรคยังดีอยู่ เผยยังไม่คิดตั้งพรรคการเมือง ระบุไม่ทิ้งตำแหน่ง รมต. ชี้นายกฯ คงทราบจากสื่อแล้ว ย้ำมิตรภาพไม่เปลี่ยนแปลง เผย “สมคิด” ให้กำลังใจและเคารพการตัดสินใจ
วันนี้ (9 ก.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัล ลาดพร้าว “กลุ่มสี่กุมาร” ที่ประกอบด้วย นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง อดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.), นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน อดีตเลขาธิการพรรค, นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม อดีตรองหัวหน้าพรรค และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตกรรมการบริหารพรรค พปชร. แถลงลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐอย่างเป็นทางการ
นายอุตตมกล่าวว่า การทำงานร่วมกับพรรคมา 2 ปี ถือว่าภารกิจนำพาพรรคเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก้าวข้ามปัญหาต่างๆ ได้สำเร็จ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และเวลานี้ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วจึงขอยุติบทบาทในทางการเมืองกับพรรค พปชร.ที่มีผู้บริหารพรรคชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่ต่อไป สำหรับพวกตนจะเดินหน้าทำหน้าที่ฝ่ายบริหารในตำแหน่งที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี และยังไม่ได้มีความคิดที่จะไปตั้งกลุ่มหรือพรรคการเมือง การแถลงวันนี้เป็นเรื่องของพรรค ไม่ใช่ฝ่ายบริหาร ส่วนการจะปรับเปลี่ยนตำแหน่งใดๆ ในอนาคตเป็นเรื่องที่เข้าใจกันได้ โดยขึ้นอยู่กับนายกฯ เวลานี้ขอทำหน้าที่อย่างเต็มที่ หากจะมีการปรับเปลี่ยนใน ครม.ถือเป็นเรื่องของนายกฯ ทั้งนี้พวกเราทำปัจจุบันบันให้เต็มที่ วันข้างหน้าเป็นเรื่องของวันข้างหน้า
ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้ถือเป็นการปิดตำนานสี่กุมารได้หรือยัง หรือจะเป็นภาคต่อไป นายอุตตมกล่าวว่า “เอาเป็นว่าวันนี้ เราได้บรรลุในสิ่งที่เราตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ต้น ถือว่าบรรลุแล้ว อาจเรียกได้ว่าจบไปตอนหนึ่ง และเราจะทำงานของเราต่อ ส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไรยังไม่ได้คิด แล้วจะเป็นอย่างไรขอให้ดูโอกาสที่จะทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติและประชาชนมีแน่นอน ผมเชื่ออย่างนั้น”
เมื่อถามว่าจะไปตั้งพรรคการเมืองใหม่หรือไม่ นายอุตตมกล่าวว่า ในวันนี้ยังไม่มีความคิด ยังขอทำหน้าที่ในฝ่ายบริหารอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ การลาออกจากพรรคในวันนี้ไม่ได้มีการแจ้งนายกรัฐมนตรี เพราะถือเป็นเรื่องของพรรคการเมือง ไม่ใช่เรื่องของฝ่ายบริหาร แต่คิดว่านายกรัฐมนตรีคงได้ติดตามข่าวจากสื่อมวลชนอยู่แล้ว วันนี้ขออยู่กับปัจจุบัน ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ยังไม่อยากไปคิดถึงเรื่องตำแหน่งใดๆ ในอนาคต
ด้านนายสนธิรัตน์กล่าวว่า เราไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง และแยกแยะบทบาทในพรรค พปชร.กับฝ่ายบริหารในฐานะรัฐมนตรี โดยจะทำหน้าที่ให้ถึงที่สุด ส่วนสัดส่วนของ ครม.หากไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคแล้วจะเป็นโควตากลางของนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น นายสนธิรัตน์กล่าวว่า เราไม่ไปก้าวล่วงเพราะอยู่นอกขอบเขตการตัดสินใจ และอนาคตจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับดุลพินิจของนายกฯ พิจารณา ที่ผ่านมาพวกตนเป็นส่วนหนึ่งของ พปชร.แม้จะไม่เคยทำงานการเมือง แต่ก็สร้างพรรคจนเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และอยากให้พรรคเข้มแข็งเดินหน้าเป็นสถาบันการเมืองต่อไปและสายใยความผูกพันกับสมาชิกจะไม่หายไป ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ยังเป็นครอบครัวกัน ไม่ได้ขัดแย้งกัน และเคยพูดเสมอว่าไม่ถอดใจ การมาทำงานการเมืองคือความเสียสละ ทำหน้าที่ให้ดีตราบใดที่มีหน้าที่จะทำให้ไม่ได้ยึดตำแหน่งหรือหวังอะไร ทั้งนี้ ก่อนตัดสินใจลาออกจากสมาชิกพรรคได้บอกกล่าวกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีแล้ว ท่านก็ให้กำลังใจในการทำงาน แต่ไม่ได้แนะนำอะไรเพราะท่านเคารพการตัดสินใจของพวกเรา
“ในวันนี้พวกเราจะยังทำหน้าที่ของฝ่ายบริหารจนถึงที่สุด จนถึงวันที่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่จะมาคิดเรื่องโควตาในวันนี้ สิ่งที่รู้สึกคือภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการสร้างพรรคใหญ่ เป็นสถาบันทางการเมืองให้ประชาชนมีความหวัง สมาชิกพรรคทั่วประเทศ เราไม่มีการโกรธชังกัน ถึงวันนี้เราจะลาออกจากพรรค แต่มิตรภาพจะยังคงอยู่ เราแค่เลือกทางเดินในวิถีของเรา” นายสนธิรัตน์กล่าว
เมื่อถามว่า ได้มีการแจ้งการตัดสินใจวันนี้ให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาทางใจทราบหรือยัง นายสนธิรัตน์กล่าวว่า ได้เรียนให้ท่านทราบแล้ว เพราะท่านเป็นที่ปรึกษาของพวกเราเสมอมา ท่านก็ให้กำลังใจ และเคารพการตัดสินพวกเรา โดยไม่ได้มีการชี้แนะอะไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้ง 4 คนที่ร่วมงานกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาตั้งแต่สมัย คสช.และต่อมาได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2562 เพื่อมาทำงานการเมืองเต็มตัว นำทีมหาเสียงเลือกตั้ง ส่งผลให้พรรค พปชร.สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ จนกระทั่งถูกแรงกดดันจากแกนนำพรรคให้พ้นจากตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค โดยให้กรรมการบริหารลาออก นำไปสู่การประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2563 เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.2563 ที่ผ่านมา ลงมติเลือก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ โดยไม่มีชื่อทั้ง 4 คนร่วมในกรรมการบริการพรรคชุดใหม่ จำนวน 34 คน