“ดร.เสรี” สุดทน ด่าแรง “ส.ส.พปชร.” น้ำเน่า จะเอาโควตา 4 กุมาร ไม่เห็นหัวลุงตู่ “แม่ยก ปชป.” เย้ย เห็นฤทธิ์หรือยัง “ลุงไพศาล” วิเคราะห์สุดติ่ง แปลคำพูด “ลุงจิ๋ว” อย่าห่วงแต่การเมือง “ดร.อาทิตย์” เตือน “แบ่งเค้กตามใจคนกิน” หายนะ!
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (11 ก.ค. 63) ดร.เสรี วงษ์มณฑา ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า
“ทำอะไร พูดอะไร ในเวลานี้ เห็นหัวประชาชนกันบ้างไหม ถ้ามีสมองช่วยคิดก่อนทำด้วยการให้เกียรติประชาชนบ้างนะ
ไม่มีผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะและมีคุณธรรม จริยธรรม คิดจะเตือน ส.ส. น้ำเน่าที่ออกมาเห่าตอนนี้บ้างเลยเหรอ จะปล่อยให้แสดงความทุเรศแบบไม่ให้เกียรติประชาชนอีกนานแค่ไหน
เขาหมดความเกรงใจลุงตู่กันแล้วหรือนี่ ไม่อยากเชื่อว่าพวกเขาทำไมคิดอะไรกันขนาดนี้ จะยึดโควตารัฐมนตรีแบบไม่สนใจว่าใครเป็นนายกฯ และการเลือก รมต. เป็นอำนาจของใคร”
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก Kanjanee Valyasevi ของ นางกาญจนี วัลยะเสวี หรือ “ติ๊งต่าง” เจ้าของฉายาไฮโซสปอร์ตคลับและแกนนำกลุ่มชาวไทยหัวใจรักสงบ ที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ กรณี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ระบุว่า รมต. 4 กุมาร ไม่ใช่โควตานายกฯ เป็นโควตาของพรรค พปชร. ว่า
“พล.อ.ประยุทธ์ (นายกฯ) ว่าอย่างไร เห็นฤทธิ์เดชลูกพรรคแล้วนะ นี่ขนาด 4 กุมารเพิ่งลาออก ใน พปชร.ก็เริ่มออกอาการ แย่งชิงเก้าอี้ เวลานี้ไม่ใช่แค่ฟัดกันเอง แต่ฟัดนายกฯแล้ว ไม่อาย ปชช.บ้างรึ ... ติ่งว่าไง”
ทั้งนี้ นายชัยวุฒิ กล่าวถึงการลาออกจากสมาชิกพรรคของกลุ่ม 4 กุมาร และโควตา รมต. วานนี้ ว่า การลาออกน่าจะมีเหตุปัจจัยหนึ่งว่าจะไปทำงานกับพรรคการเมืองอื่น เพราะหากยังเป็นสมาชิกพรรค พปชร.อยู่ ถ้าจะไปเลี้ยงหลานหรือทำงานส่วนตัว ก็คงไม่ต้องลาออกก็ได้
แต่ตนก็ไม่แน่ใจต้องให้ติดตามต่อไป ยืนยันว่า กลุ่ม 4 กุมาร ยังไม่หยุดเล่นการเมือง เพราะว่าจากประสบการณ์ตัวเอง คนที่ลาออกจากพรรคหนึ่ง มักจะไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ หรือไปทำงานกับกลุ่มการเมืองอื่น ซึ่งมีนักการเมืองทำให้เห็นหลายคนแล้ว
เมื่อถามว่า ตำแหน่งรัฐมนตรี 4 กุมาร เป็นโควตาของพรรค พปชร.หรือไม่ นายชัยวุฒิ ตอบว่า ถ้าไม่ใช่โควตาพรรคแล้วจะเป็นโควตาของใคร เพราะตอนที่ไปรับตำแหน่งรัฐมนตรีก็ส่งไปในนามของพรรค โดยส่งชื่อ นายอุตตม (สาวนายน) เพราะเป็นหัวหน้าพรรค สนธิรัตน์ (สนธิจิรวงศ์) เป็นเลขาธิการพรรค และ นายสุวิทย์ (เมษินทรีย์)
เป็นรองหัวหน้าพรรค โดยผ่านที่ประชุม คณะกรรมการบริหารพรรคส่งชื่อในนามพรรคพลังประชารัฐ
“ผมคิดว่า 4 กุมารไม่ใช่โควตาของท่านนายกกรัฐมนตรี เพราะเป็นโควตาของพรรค พปชร. เพราะท่านเป็นหัวหน้าและเลขาธิการพรรค ที่เราส่งไปทำงานในนามพรรค เหมือน นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็เป็นรัฐมนตรีในโควตาของพรรคร่วมรัฐบาล”
ด้าน เฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ของ นายไพศาล พืชมงคล อดีตที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ วิเคราะห์กระแสข่าวปรับ ครม.ในช่วงนี้ว่า
“การปรับคณะรัฐมนตรี เหมือนการแล่เนื้อ
ต้องใช้มีดคม และฉับไว
หากมัวเถือก็จะเละจนเป็นบ๊ะช่อ!!!
แต่แท้จริงก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะ
1. กระทรวงพลังงานนั้นเหมือนสตรีมีเจ้าของ คนนั้นก็จะจอง คนนี้ก็อยากได้ไปครอง เข้าทำนองยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก
2. เสียงรัฐบาลมากขึ้น อัตราโควตาเดิม ก็ต้องปรับเปลี่ยนแปลงไป แต่พรรคร่วมรัฐบาลก็ยากที่จะยอมลดโควตาลง! มิหนำซ้ำ ในแต่ละพรรค ก็มีคนอยากเป็นรัฐมนตรีมากกว่าโควตา จึงเตะตัดขากันจ้าละหวั่น
3. สถานการณ์ขณะนี้ เหมือนบ้านที่สกปรกเลอะเทอะ
ซึ่งจะคิดเอาผ้าขาวมาเช็ดถูให้สะอาดนั้นไม่ใช่ฐานะที่จะเป็นไปได้
ต้องใช้ผ้าเช็ดพื้นหรือผ้าขี้ริ้วจึงจะได้
แต่ต้องไม่ใช่ผ้าขี้ริ้วจำพวกมีเชื้อโควิด
4. ในท่ามกลางพายุใหญ่ เรือก็โคลงเคลง จะเปลี่ยนเก้าอี้ที่นั่ง ย่อมยากลำบาก แต่ขืนนั่งก็จะเซเพราะเกียร์ว่างหมด ครั้นจะลุกก็อาจจะล้ม
มิหนำซ้ำ สารพัดวิกฤตกำลังประเดประดังเข้ามา!
ทั้งต้องจับตาการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านไว้บ้าง
เพราะอาการสภาล่ม 3 ครั้ง 3 หน คือ สัญญาณเชิญชวน ที่เร้าใจยิ่งนัก!!!
การได้รับมงคลหรืออัปมงคลอยู่ที่การครองตนของตน
อย่าว่าฟ้าบันดาลเลย”
นอกจากนี้ ในฐานะเคยเป็นที่ปรึกษา พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หรือ “บิ๊กจิ๋ว” เฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol จึงโพสต์แปลคำพูดของ “บิ๊กจิ๋ว” ให้เข้าใจง่ายขึ้นว่า
“ประมุขพรรคเม้งก่า ลุงจิ๋ว เปิดแถลงข่าววันนี้
แม้วัย 88 ปีแล้ว ยังแพรวพราวเหมือนเดิม แต่ฟังยากสักหน่อย
ผมแปลที่พี่จิ๋วพูดวันนี้ได้ดังนี้
1. การเมืองทุกวันนี้ยังแก่งแย่งแข่งขันทะเลาะเบาะแว้งกันเหมือนที่เป็นมา 88 ปีแล้ว
2. รัฐบาลและพรรคการเมือง ควรใส่ใจประชาชนให้มากที่สุด ไม่ใช่ห่วงแต่เรื่องการเมือง
3. ประเทศไทยร่ำรวยเป็นดินแดนที่เป็นอู่ทองเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ขึ้นอยู่กับว่าทำเป็นหรือไม่เท่านั้น
4. ไม่ห่วงการปรับคณะรัฐมนตรี เป็นเรื่องปกติในทางการเมือง ซึ่งลุงตู่คงจัดการเรียบร้อย
5. ยังไม่เห็นใครเหมาะที่จะเป็นนายกฯเท่าลุงตู่
และลุงตู่จะไม่ถอดใจทางการเมือง
6. ลุงป้อมมีประสบการณ์สูง เป็นผู้นำ แต่ “ตัวเตี้ยไปหน่อย” (แปลความหมายกันเอาเองครับ)
ลุงตู่เที่ยวเดินสายไปโน่นมานี่ ความจริงน่าจะเดินสายไปกินน้ำชากับลุงจิ๋วสักครั้งก็น่าจะดี โดยเฉพาะจับเข่าคุยกันเรื่องวิเทโศบายก็จะได้ประโยชน์แก่บ้านเมือง เพราะถ้าขืนเป็นดังที่เป็นอยู่ ประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศห่ากระสุนตก”
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมี ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต อดีตประธานรัฐสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ “ลองมาทำความเข้าใจกันดู”
“คำว่า ทีมเศรษฐกิจ ไม่ได้หมายความว่า มีแค่ รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ คลัง พาณิชย์ หรือ พลังงาน
แต่ยังรวมถึง เกษตรฯ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรม คมนาคม ท่องเที่ยว แรงงาน ต่างประเทศ รัฐวิสาหกิจ และ แม้แต่ ศึกษาธิการ สาธารณสุข พัฒนาและความมั่นคงมนุษย์ ด้วย
การจะกอบกู้ พลิกฟื้น เศรษฐกิจ จะต้องมีแผนยุทธศาสตร์ที่ดำเนินการทุกด้านส่งเสริมสอดคล้องสอดประสานกันไปในจังหวะจะโคนที่เหมาะสมกัน จึงจะได้บรรลุผลและเป้าหมาย
หากการกำหนดนโยบายและการกำหนดตัวบุคคลที่รับผิดชอบงานของแต่ละกระทรวง ยังขึ้นอยู่กับกระบวนการทางการเมืองที่เป็นอยู่ ตามอำนาจการต่อรองของพรรคการเมืองทั้งหลายที่มาร่วมรัฐบาลโดยยึดถือโควตาตาม “จำนวน” ส.ส. เป็นเกณฑ์
ก็ย่อมมองเห็นได้ไม่ยากว่า ภารกิจอันยิ่งใหญ่เช่นนี้จะสำเร็จหรือไม่เพียงใด
ซึ่งเปรียบได้กับ การจัดทีมนักฟุตบอลลงแข่งขัน ถ้าไม่คำนึงถึงความสามารถของนักกีฬาแต่ละคนที่จะร่วมทีมกัน หรือการจัดวงดนตรีออเคสตร้าใหญ่ๆ ที่จะบรรเลง หากวางตัวคนไม่ถูกต้องเหมาะสมตามความสามารถ ผลงานก็น่าจะคาดการณ์ได้
ยิ่งศึกครั้งนี้ คือศึกทางเศรษฐกิจของชาติ ซึ่งผู้ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงคือประชาชนทุกคนที่อยู่ในชาติ ดังนั้น จะใช้วิธี “แบ่งเค้ก” กันตามความต้องการของผู้รับประทาน
ประเทศชาติคงจะ “หายนะ” แน่นอน
สิ่งที่ต้องการจะบอก คือว่า เรากำลังจะทำอะไรกัน?
แน่นอน, ประเด็นที่น่าจับตามอง และหลายคนเป็นห่วง ก็คือ การปรับ ครม. ซึ่งเชื่อว่า จะเป็นเกมวัดใจ “ลุงตู่” ครั้งสำคัญ ว่า จะเลือกเกรงใจ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.ใหม่หมาด ซึ่งปล่อยให้ “ลูกพรรค” ออกมาพูดถึงโควตารัฐมนตรี ขณะที่หัวหน้าบอกว่า ให้นายกฯเป็นคนตัดสินใจ หรือไม่
ถ้าเลือกเกรงใจ “ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวง” นัก อย่างที่ ดร.อาทิตย์ ว่า “หายนะ” อาจมาเยือนก็เป็นได้
แต่ถ้าเลือก ที่จะเห็นหัว “ประชาชน” ไม่ห่วงแต่ “เล่นการเมือง” อย่างที่ “บิ๊กจิ๋ว” แนะนำเอาไว้ ก็ต้องมาติดตามกันต่อไปว่า “ลุงตู่” จะปรับ ครม.ได้ดีแค่ไหน แก้ปัญหาการแย่งตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรค พปชร. และพรรคร่วมรัฐบาลอื่นได้หรือไม่ ที่สำคัญ ได้คนดี มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง ตรงกับตำแหน่งหน้าที่ หรือไม่
ถ้าไม่ ก็คงยากที่จะพารัฐนาวาลำนี้ฝ่ามรสุมวิกฤตซ้ำวิกฤตซ้อนที่เป็นอยู่มายาวนานนี้ได้ และถึงแม้ว่าจะประคองเอาไว้ได้ ก็คงยากที่จะรอดพ้นมรสุมการเมืองที่จะถาโถมเข้าโจมตีได้ ไม่เชื่อคอยดู!