สยบดรามา? “ดร.นิว” ฟันดาบแรก “ลิเบอรัลเทียม” อ้าง ปชต.ข่มเหงคนอื่น “จอห์น-จอม” หนึ่งในนั้น แค่ “ฌอน” เห็นว่า “บิ๊กป้อม” น่ารัก พร้อมสอน “ลิเบอรัล” จริง “บิ๊กข่าวกรอง” ดาบสอง อย่าสถาปนา “กูคือความถูกต้อง”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (26 มิ.ย. 63) เฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์หัวข้อ #ลิเบอรัลแท้ลิเบอรัลเทียม”
โดยระบุว่า “ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพ แต่สิทธิเสรีภาพของทุกคนมีขอบเขตที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบ ซึ่งอย่างน้อยๆ ที่สุด สิทธิเสรีภาพของเราจะต้องไม่ไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น
เพราะเมื่อสิทธิเสรีภาพของคนหนึ่งไปละเมิดสิทธิเสรีภาพของอีกคนหนึ่ง มันก็จะผิดหลักของการอยู่ร่วมกันในสังคมประชาธิปไตย ผิดมารยาทพื้นฐานทางสังคม ตลอดจนนำไปสู่ความผิดทางกฎหมายได้
ดังนั้น การมีสิทธิเสรีภาพ จึงไม่ใช่การทำอะไรก็ได้ตามใจฉัน แต่ต้องคำนึงขอบเขตและความรับผิดชอบต่อสิทธิเสรีภาพของตนเองด้วย
ยิ่งเป็นผู้ที่บอกว่า ตัวเองเป็นผู้มีความเจริญทางประชาธิปไตยมากกว่าผู้อื่น หรือบอกว่า ตนเองเป็นพวกลิเบอรัล มันต้องยิ่งมีพฤติกรรมทางประชาธิปไตยหรือมารยาททางสังคมที่สูงกว่าผู้อื่น...มิใช่หรือ? ต้องยิ่งเข้าใจด้วยว่าลิเบอรัลที่เจริญแล้วเขาเป็นอย่างไร เพื่อนำมาปฏิบัติ ไม่ใช่สักแต่ว่าพูด...มิใช่หรือ?
ไม่ใช่การเป็นคนมักง่ายที่แอบอ้างประชาธิปไตย หรือความเป็นลิเบอรัลเพื่อให้ตนเองมีความชอบธรรมในการข่มเหง หรือมีอภิสิทธิ์เหนือกว่าผู้อื่น...เพราะแบบนั้นมันไม่ใช่นักประชาธิปไตยแล้ว แบบนั้นมันไม่ใช่ลิเบอรัลแล้ว แต่มันเป็นความเสื่อมทรามและป่าเถื่อนของผู้ไร้มารยาททางสังคมที่นำยี่ห้อประชาธิปไตยหรือสโลแกนลิเบอรัลหรูๆ มาแอบอ้างกันเป็นแฟชั่น เพื่อที่จะทำตัวแย่ๆ ได้ โดยไม่รู้สึกผิดหรือต้องมารับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง...มิใช่หรอกหรือ?
การที่ผมได้มาทำงานที่สหรัฐอเมริกา ผมมองว่าเป็นโอกาสดีที่จะเข้าใจความเป็นประชาธิปไตยแบบตะวันตกซึ่งทำให้ผมได้ค้นพบความจริงว่า...
ลิเบอรัลจริงๆ นั้น เขามีมารยาททางสังคมที่สูงมาก มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความเคารพในสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นเป็นอย่างมาก แถมยังมีความระมัดระวังในการแสดงออกของตนเอง เพื่อไม่ให้ไปกระทบผู้อื่นมากยิ่งกว่า ดังนั้น คนที่เป็นลิเบอรัลแท้จริงๆ จึงมีความน่ารักและมีความเป็นมิตรอย่างยิ่ง
อีกทั้งลิเบอรัลแท้ที่อเมริกา ล้วนแต่เป็นนักสู้เพื่อความเป็นธรรมให้กับผู้ที่อ่อนแอกว่าแทบทั้งสิ้น ไม่ใช่พวกลิเบอรัลเทียมที่ออกมาเรียกร้องสิทธิเสรีภาพให้กับตัวเอง เพื่อที่จะได้ทำอะไรตามใจชอบได้มากขึ้นอย่างที่ตัวเองต้องการแบบที่เรามักได้พบเห็นกันไปทั่วในประเทศไทย
ด้วยเหตุนี้ผมเลยถึงบางอ้อเข้าใจเลยว่า ทำไมพวกที่ชอบอ้างว่าเป็นลิเบอรัลในไทยที่มีพฤติกรรมป่วยๆ จนถูกเรียกกันว่า "ลิเบอร่าน” ที่มักเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ไปตัดสินคนอื่นแบบรู้ไม่จริง
ถ้าไม่เชื่อก็ลองถามคนที่เป็นลิเบอรัลจริงๆ ดูก็ได้ครับว่า...
- การบังคับคนดังๆ อย่าง คัตโตะ, แก้ม-เดอะสตาร์ และ เอก-Heart Rocker (HRK) ให้ติด hashtag #saveวันเฉลิม แล้วพอเขาไม่ทำตามก็รุมถล่มละเมิดสิทธิเสรีภาพของพวกเขาอย่างไม่มีชิ้นดี
- มาบัดนี้ก็กรณีของ คุณฌอน บูรณะหิรัญ ที่ได้ตกเป็นจำเลยของพวกลิเบอรัลพิลึกกึกกือพวกนี้ แค่เขาออกมาเตือนสติสังคมเรื่องการเสพข่าวให้ระวังการถูกข่าวปั่นหัวให้เชื่อแบบที่มีการชี้นำไว้แล้ว พร้อมกับการถ่ายทอดประสบการณ์ส่วนตัวเล็กๆ แค่ว่า... บิ๊กป้อมเป็นคนน่ารักต่างจากข่าวที่ตนเองเคยได้ยินมาก่อนผ่านกระแสข่าวที่อาจจะมีการชี้นำ ทั้งๆ ที่เขาเองก็ไม่ทันได้สรุปว่าบิ๊กป้อมเป็นคนดี หรือเชียร์บิ๊กป้อมในทางการเมือง
จริงๆ ไม่ต้องมานั่งสัมภาษณ์ลิเบอรัลแท้ๆ ถึงสหรัฐอเมริกาก็ได้ แค่มีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับหลักการประชาธิปไตยว่า “สิทธิเสรีภาพมาพร้อมกับความรับผิดชอบ” ประกอบกับความมีมารยาททางสังคมและจิตสำนึกมากพอที่จะไม่ไประรานคนอื่นที่ตนเองไม่เคยรู้จักมาก่อนแบบมั่วๆ โดยปราศจากความรับผิดชอบใดๆ ต่อการกระทำของตัวเอง ก็คงเพียงพอที่จะตอบได้แล้วว่า...
พฤติกรรมแบบนี้มันดูมันไร้สาระและป่าเถื่อนมากแค่ไหน?
ความเป็นประชาธิปไตยหรือความเป็นลิเบอรัลแท้ๆ จะเบ่งบานในประเทศไทยได้อย่างไร ถ้ายังมีลิเบอรัลสายพันธุ์พิเศษพวกนี้?”
ทั้งนี้ ดรามาในทวิตเตอร์ ก็คือ ฌอน บูรณะหิรัญ โพสต์คลิปขณะที่ไปร่วมกิจกรรมปลูกป่าปลูกต้นไม้ร่วมลดปัญหาโลกร้อนในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเจ้าตัวได้ชื่นชม “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ตามมา จนเรียกได้ว่าทัวร์ลงหลายคันรถ
หนึ่งในนั้น มี “จอห์น” วิญญู วงศ์สุรวัฒน์ พิธีกรและดีเจคนดัง ที่ทวิตฯ ข้อความด่า ฌอน บูรณะหิรัญ ว่า “Fuck you ฌอน บูรณะหิรัญ”
โดยต่อมา ฌอน บูรณะหิรัญ ก็ได้เขียนข้อความถึง จอห์น วิญญู ว่า “ผมชื่นชมพี่ จอห์น วิญญู มาโดยตลอด ชอบที่พี่กล้าที่จะพูดและแสดงความเห็นเกี่ยวกับผม มันไม่ได้ทำให้ผมเกลียด เพราะการกล้าแสดงความเห็น เป็นคุณสมบัติที่ทำให้ผมชอบพี่ตั้งแต่แรก
ผมยังคงเป็นแฟนคลับพี่นะครับ ผมจะยังเคารพ ให้เกียรติ และชื่นชมพี่จอห์นตลอดไปครับ เจตนาสำหรับข้อความนี้ ผมไม่ได้พยายามทำให้พี่ชอบผม แต่ผมมาแสดงความชื่นชมจากใจจริงครับ
ผมรู้ พี่คงไม่อยากให้คนแบบผมเป็นแฟนคลับ แต่ผมแค่มาแสดงความเคารพต่อความกล้าแสดงความคิดเห็นของพี่ครับ”
ไม่เพียงเท่านั้น วานนี้ เฟซบุ๊ก Jom Petchpradab ของ นายจอม เพชรประดับ สื่อมวลชนอิสระ อ้างตัวเป็นนักประชาธิปไตย ลี้ภัยในสหรัฐอเมริกา โพสต์ถึงฌอนเช่นกันว่า
“ฌอน คุณมีสิทธิที่จะชอบ หรือไม่ชอบใครเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ แต่การที่คุณจะเอาความรู้สึกส่วนตัว มายัดเยียดสั่งสอนคนอื่น เพราะเชื่อว่าคำพูด ความคิดของคุณคือสิ่งที่ถูกที่สุด ดีงามที่สุดแล้ว อันนี้คุณพลาดและคุณกำลังหลงตัวเองไปซะแล้ว”
การจะรู้จักตัวตนของคนที่มีอำนาจล้นฟ้าผ่านการเข้ามาเล่นการเมืองอย่างฉ้อฉล คดโกง ไม่ซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่รับรู้ของคนไทยทั้งประเทศมาตลอด 7 ปี แต่คุณสัมผัสไม่ได้ ไม่รู้-รับทราบ”
ถามว่าคุณอยู่ในสังคมเดียวกันกับประชาชนที่คุณกำลังสร้างแรงบันดาลใจอยู่หรือเปล่า..หรือคุณเองต่างหาก ที่สังคมไทยควรจะเลิกเชื่อเลิกฟัง เลิกให้เป็นผู้ชี้นำสังคม เพราะเอาอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัวมาเป็นหลักใหญ่ ..เลิกเสียเถอะ”
ตบท้ายด้วย วันนี้ เฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ของ นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ หัวข้อ “ประชาธิปไตยเห็นต่าง ?”
เนื้อหาระบุว่า “ประเด็นเน็ตไอดอลถูกถล่ม เพราะไปปลูกป่า สารภาพว่าไม่รู้จักคุณฌอน มารู้จักตอนเป็นประเด็นข่าว
ข่าวรุมฌอน
ทำให้เกิดคำถามว่า ตกลงคนที่อ้างว่า ตัวเองอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย แต่ทำไม กลับไม่ยอมรับสิทธิเสรีภาพ ของคนอื่น อย่าสถาปนาตัวเองว่า กูคือความถูกต้อง การคิดต่าง การเห็นต่างของคนอื่น การทำที่แตกต่าง ไม่ได้ทำอะไรผิดนะ
เรียกร้องเสรีภาพ เรียกร้องการแสดงออก ต้องเปิดใจยอมรับ คนที่คิดต่างเห็นต่างด้วย มิเช่นนั้น คุณเป็นยิ่งกว่าเผด็จการ”...
แน่นอน, แม้ไม่อาจปฏิเสธว่า “ดร.นิว” และ “อดีตบิ๊กข่าวกรอง” อยู่คนละขั้วกับ “จอห์น” และ “จอม” อย่างชัดเจน รวมถึง สาวก “ลิเบอรัลเทียม” คนอื่น
แต่สิ่งที่ทั้งสองคนแสดงความคิดเห็นครั้งนี้ ถือว่า มีคุณค่าสำหรับ “ลิเบอรัลเทียม” ทั้งหลาย ถ้าเมื่อใดก็ตามคิดจะกลับตัวกลับใจมาเป็นของจริง ถือว่านี่คือ คำเตือน และคำสอนที่ประเสริฐเรื่องหนึ่งในชีวิต เพราะถ้าก้าวต่อไป บนของเทียม ก็จะเป็นของเทียมไปตลอด แต่ถ้ากลับตัวกลับใจ เป็นของจริงได้ จะไม่แต่เฉพาะตัวเองเท่านั้นที่ประเสริฐ หากแต่ประเทศไทย ก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
อย่าลืมว่า ดรามาในลักษณะนี้ มิใช่ครั้งนี้เป็นครั้งแรก แต่ก็ยังหวังว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย หากคนกลุ่มนี้ได้ทบทวนตัวเอง และเคลื่อนไหวทางการเมือง ด้วยความเชื่อประชาธิปไตยที่แท้จริง และเคารพในสิทธิเสรีภาพที่ไม่นำไปสู่การเกะกะระรานใคร อันเป็นการละเมิดสิทธิผู้อื่น คงไม่ใช่เรื่องที่เหลือบ่ากว่าแรงมิใช่หรือ..หรือว่าอย่างไร?