xs
xsm
sm
md
lg

ศึก 24 มิ.ย.! “ปวิน” ปรี๊ด กองทัพ “บวงสรวงกบฏบวรเดช” “จอม” ดี๊ด๊าไลฟ์สด “ดร.นิว” ชี้ คณะราษฎร “เผด็จการ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ จาก เฟซบุ๊ก Pavin Chachavalpongpun
รำลึก 24 มิ.ย.2475 เปิดศึก “สองขั้ว” ขัดแย้งใหม่ “ปวิน” ปริ๊ดแตก กองทัพ “บวงสรวงกบฏบวรเดช” เท่ากับ “คณะราษฎร” เป็นผู้ร้าย “จอม” ดี๊ด๊าไลฟ์สดตามเกม “ดร.นิว” ให้ข้อมูลอีกด้าน “เผด็จการตัวพ่อ” ก็คือ คณะราษฎร

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (24 มิ.ย .63) เฟซบุ๊ก Pavin Chachavalpongpun ของ นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น โพสต์ข้อความ ระบุว่า

“ผ่านมา 88 ปี พัฒนาการด้านประชาธิปไตยมีแต่ถอยหลัง การอภิวัฒน์สยาม คือ การลดอำนาจกษัตริย์แล้วเพิ่มอำนาจให้ประชาชน มาวันนี้ คนจำนวนหนึ่ง พร้อมด้วยกองทัพ กำลังสถาปนาราชานิยมกลับมา แถมเขียนประวัติศาสตร์ที่บิดเบือน สร้างภาพความเลวร้ายให้คณะราษฎร แล้วฟอกขาวให้ฝ่ายเจ้าว่าเป็นผู้ถูกกระทำ แถมกองทัพวันนี้ยังตบหน้าประชาธิปไตย โดยการบวงสรวงคณะกบฏบวรเดช นั่งมองดูดรามาการเมืองไทยแล้วหมดหวัง

ถ้าสถานการณ์แบบนี้เกิดในสมัย... ยังพอเข้าใจได้ เพราะอย่างน้อย ยังมีคนที่รักจำนวนมาก แต่สมัยนี้ยังมีคนออกมาปกป้อง...อีก อันนี้บอกตรงๆ งง และท้อใจ นี่เห็นเลยว่า สิ่งที่เค้าปกป้อง ไม่ใช่สถาบัน...แต่เป็นผลประโยชน์ของตัวเองแท้ๆ ที่ห้อยโหนและกัดกินสถาบันนี้”

ภาพ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ จากแฟ้ม
ทั้งนี้ เมื่อวันนี้เช่นกัน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบหมายให้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รองผู้บัญชาการทหารบก ผู้แทนกองทัพบก เป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวาย พล.อ.พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช และบำเพ็ญกุศลแก่ พันเอกพระยาศรีสิทธิสงคราม เพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของนายทหารที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบัน และยังเป็นนายทหารประชาธิปไตย ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีการจัดพิธีรำลึก

เมื่อปี พ.ศ. 2475 เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ที่นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประวัติศาสตร์ไทย จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นระบอบประชาธิปไตย โดยกลุ่มคนที่เรียกตนเองว่า คณะราษฎร ถือเป็นการรัฐประหารเพื่อล้มราชบัลลังก์ ครั้น พ.ศ. 2476 ได้เกิดการกบฏครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475

โดย พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช และมี พระยาศรีสิทธิสงคราม เป็นแม่ทัพ มีชื่อเป็นที่รู้จักกันว่า “กบฏบวรเดช” เนื่องจากพระองค์ทรงไม่เห็นด้วยกับแนวทางการปกครองของพระยาพหลพลพยุหเสนา ที่มีลักษณะเป็นเผด็จการ โดยเรียกร้องให้ รัฐบาลของพระยาพหลฯ ดำเนินตามแนวทางที่เสนอ คือ ให้รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ และให้รัฐบาลมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น โดยให้อำนาจฝ่ายรัฐสภาในการตรวจสอบมากขึ้นและจำกัดอำนาจของรัฐบาลมิให้คณะราษฎรกลายเป็นคณะเผด็จการ

แต่ในที่สุดการก่อกบฏไม่เป็นผล ฝ่ายรัฐบาลปราบปรามคณะกบฏลงได้ วีรกรรมที่กล้าหาญและเสียสละของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช และพระยาศรีสิทธิสงครามควรแก่การยกย่องในฐานะที่ทรงปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยความจงรักภักดี และทรงมุ่งหวังให้ประเทศชาติดำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

ขณะที่ เฟซบุ๊ก Jom Petchpradab อยู่กับ Oakski Strummer และ Piyanat Maneeratanayon Ratanapakของ นายจอม เพชรประดับ สื่อมวลชนอิสระ ลี้ภัยในสหรัฐอเมริกา โพสต์หัวข้อ “ยิ่งลบ เรายิ่งจะจดจำ”

พร้อมระบุว่า “ร่วมรับฟัง “แถลงการณ์ คณะราษฎร” ณ ย่ำรุ่งของวันนี้

ใกล้เวลาย่ำรุ่งของวันที่ 24 มิถุนายน 2563 ซึ่งจะเป็นวันเวลาแห่งการครบรอบ การปฏิวัติประเทศของกลุ่ม คณะราษฎร แล้ว และเพื่อร่วมกันรำลึกเหตุการณ์สำคัญที่สุดของการเมืองไทย เรามาร่วมฟัง “ไลฟ์สด” การอ่านแถลงการณ์ของคณะราษฎร (ย้ำของคณะราษฎร ) ณ เวลาย่ำรุ่งของวันนี้ คือ วันที่ 24 มิถุนายน เวลาประมาณ 05.30 น.(ตามวันเวลาในประเทศไทย ) เพื่อตอกย้ำ ให้ฝ่ายเผด็จการราชานิยมได้ยิน และตระหนักชัดว่า ประชาชนชาวไทยยุคนี้ ไม่ประสงค์ที่จะให้...อยู่เหนือกฎหมายทั้งปวง และเพื่อไม่ให้กลุ่ม และเครือข่ายราชานิยมในทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ทุกสาขา ทำการ กดขี่ ข่มเหง ทำร้าย และหากินบนบ่า หรือบนหลังประชาชนคนไทยอีกต่อไป .. ห้ามพลาดนะครับ (ปล.ไลฟ์สดในเฟซนี้ และ ยูทูป Jomvoice Channel เหมือนเดิมครับ)”

ด้าน เฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความระบุว่า

“หลอกใช้มวลชนคืองานของเรา คณะกาวหนามาเพื่อปลุกม็อบรายวัน”
#ระบอบทาสสั่งได้กับเจ้านายหน้าจอ

และก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง เฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ของ ดร.นิว ก็โพสต์หัวข้อ “#ลัทธิรัฐธรรมนูญ”

เนื้อหาระบุว่า “แม้ระบอบสมบูรณาสิทธิราชย์ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว แต่เราก็ยังตกอยู่ในวังวนของระบอบเผด็จการที่สืบเนื่องมาจากการรัฐประหาร 2475 ของคณะราษฎร ที่เป็นต้นกำเนิดของลัทธิรัฐธรรมนูญ และรากฐานของระบอบเผด็จการในประเทศไทยเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

การเปลี่ยนระบอบการปกครองแล้วสร้างรัฐธรรมนูญโดยที่ยังไม่ได้สร้างประชาธิปไตย จึงกลายเป็นปาหี่หลอกคนไทยทั้งประเทศมายาวนานกว่า 88 ปี อีกทั้งทำให้ผู้คนหลงเข้าใจผิดว่า รัฐธรรมนูญเป็นตัวประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่รัฐธรรมนูญเป็นเพียงแค่เครื่องมือหนึ่งของประชาธิปไตย แต่หาใช่ตัวของประชาธิปไตยไม่ เพราะรัฐธรรมนูญคือกฎหมายสูงสุดของประเทศที่มีได้ในทั้งประเทศที่เป็นประชาธิปไตยและเผด็จการ

ฉะนั้น การสร้างแต่รัฐธรรมนูญ ทั้งๆ ที่ไม่ได้สร้างประชาธิปไตยตัวจริง จึงทำให้คณะราษฎรกลายเป็นคณาธิปไตยที่เป็นเผด็จการเสียเอง โดยการแอบอ้างประชาธิปไตยและประชาชน หรือที่เรียกกันว่า ราษฎรในสมัยนั้นซึ่งเป็นยี่ห้อที่ดูดีแต่เปลือก แต่ไส้ในกลับเป็นเผด็จการ แล้วในที่สุดก็หักหลังประชาชนด้วยการใช้รัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือแสวงหาอำนาจและผลประโยชน์กันภายในหมู่คณะของตนเหนือประชาชนตาดำๆ

ภาพ กิจกรรมรำลึก 24 มิ.ย.2475 จากแฟ้ม
ดังนั้น การยึดอำนาจของคณะราษฎร ในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 หรือเมื่อ 88 ปีที่แล้ว จึงเป็นวันเกิดของลัทธิรัฐธรรมนูญในประเทศไทย ที่เป็นลัทธิเผด็จการรูปแบบหนึ่ง และระยะเวลากว่า 88 ปีที่ผ่านมา ก็ได้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความล้มเหลวของความเป็นประชาธิปไตยจอมปลอม นับตั้งแต่ตอนนั้น รัฐธรรมนูญก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการเอื้อประโยชน์ให้กับระบอบเผด็จการกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า นับตั้งแต่คณะราษฎรเป็นต้นมา

ด้วยสาเหตุนี้นี่เอง ที่ประเทศไทยตกอยู่ในห้วงแห่งความขัดแย้งอันเป็นอุปสรรคต่อความรู้รักสามัคคี และการพัฒนาประเทศชาติร่วมกันอย่างสันติมาจนถึงในปัจจุบัน

ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารสมัยใหม่อย่างโซเชียลมีเดีย ลัทธิรัฐธรรมนูญ จึงได้กลับมาก่อตัวขึ้นอีกครั้งในการเคลื่อนไหวโดยอาศัยการปั่นกระแสในโลกโซเชียล ทั้งบนดินและใต้ดิน นำโดยคณะก้าวหน้าที่มีความพยายามที่จะสานต่อภารกิจ 2475 ด้วยการลูบหน้าปะจมูกแอบอ้างประชาธิปไตย และประชาชนเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเอง แล้วเสนอตัวเป็นพระเอกผู้ปลดแอกสู้กับเผด็จการรูปแบบอื่น ทั้งที่มีตัวตนและไม่มีตัวตน

แต่ในความเป็นจริงแล้ว คณะก้าวหน้ากลับเป็นเผด็จการตัวฉกาจในฐานะนักปลุกปั่น (Demagogue) และ นักใช้กฎหมู่ (Ochlocrat) ที่มักชอบอ้างประชาธิปไตยและประชาชนบังหน้าอยู่ตลอดเวลาด้วยความเห็นแก่ตัวเป็นที่สุด

เพราะมีเจตนาในการยัดเยียดความขัดแย้งและความเกลียดชังผ่านแนวคิดแบบหัวรุนแรงให้กับสังคม เห็นได้จากการปั่นกระแสโซเชียลเพื่อปลุกม็อบรายวัน หวังหลอกใช้มวลชนเป็นเครื่องมือทางการเมือง อันมีเป้าประสงค์ต่อความรุนแรงเป็นจุดหมาย

จึงไม่น่าแปลกใจที่บรรดาสาวกของลัทธิรัฐธรรมนูญในยุคปัจจุบันอย่างคณะก้าวหน้า จะมีลักษณะพฤติกรรมที่เสื่อมทรามไม่ได้มีความเจริญทางประชาธิปไตย (Democracy) ของผู้ที่เจริญแล้ว หากแต่เป็นประชาธิปไตยแค่ลมปากที่เสื่อมทรามในลักษณะของการใช้กฎหมู่ (Ochlocracy) หรือพูดง่ายๆ ว่า เป็นการก่อม็อบ (Mob Rule) สนใจแต่สิทธิเสรีภาพของตนเองที่จะทำอะไรก็ได้ แถมยังมีการละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นไปทั่วอย่างเสรี โดยไม่มีความเกรงกลัวต่อกฎหมายและปราศจากมารยาทขั้นพื้นฐานทางสังคม

แถมยังมีความเชื่ออย่างบ้าคลั่งต่อการปฏิวัติฝรั่งและรัสเซีย ที่รุนแรงว่า เป็นทางออกตามแนวทางลัทธิรัฐธรรมนูญอันคับแคบของพวกเขา ในขณะที่เหล่าแกนนำคณะก้าวหน้า นั่งควบคุมการปั่นกระแสโซเชียลและยัดเยียดอคติให้กับมวลชนของพวกเขากันอย่างสุขสบายอยู่หน้าจอ แม้คณะก้าวหน้า เชื่อว่า ความรุนแรงและการทำลายล้างเป็นทางออก แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยังมีทางออกที่เป็นสันติวิธีอีกมากมาย ซึ่งอยู่ภายใต้กระบวนการทางกฎหมายและมีความเป็นประชาธิปไตยที่เจริญแล้ว

นี่คือเหตุผลที่ผมในฐานะประชาชนคนธรรมดาๆ คนหนึ่ง ได้ลุกขึ้นมาต่อสู้กับลัทธิรัฐธรรมนูญที่เป็นเผด็จการประชาธิปไตยจอมปลอม เพราะลัทธิรัฐธรรมนูญนี้ได้ขวางกั้นการสร้างประชาธิปไตยตัวจริงมาตลอดระยะเวลาเกือบ 90 ปี อีกทั้งในปัจจุบันสถานการณ์ยังกลับยิ่งแย่ไปกว่าเดิม เพราะมีความพยายามในการยัดเยียดความขัดแย้งและความรุนแรงให้กับสังคม หวังหลอกใช้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นเครื่องมือทางการเมือง อย่างปราศจากความละอายใดๆ

ท้ายที่สุดนี้ ผมอยากฝากไปถึงคณะก้าวหน้าให้หยุดใช้วิธีการที่สกปรก และความรุนแรงในการสร้างประชาธิปไตย เพราะในความเป็นจริงแล้ว ผมกับคณะก้าวหน้า ต่างก็มีต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีๆ ขึ้นในประเทศไทย ไม่ได้แตกต่างกันเลย แต่ก็อาจจะต่างกันตรงที่ผมเชื่อในวิธีการที่ขาวสะอาด อยู่ภายใต้กฎหมายบนพื้นฐานของหลักมนุษยธรรม และสำคัญที่สุด จะต้องใช้สันติวิธี อีกทั้งต้องไม่ดึงสถาบันพระมหากษัตริย์มาอยู่ในความขัดแย้งทางการเมือง

แต่ลัทธิรัฐธรรมนูญตั้งแต่คณะราษฎร ตลอดมาจนคณะก้าวหน้า ตลอดจนแนวร่วมทั้งบนดินและใต้ดิน กลับมีความพยายามในการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด ทั้งๆ ที่สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยทรงอยู่ในฐานะผู้สร้างประชาธิปไตยและวางรากฐานของประเทศไทยในยุคปัจจุบันมาตั้งแต่ในสมัยล้นเกล้ารัชกาลที่ 5
และผมก็อยากฝากไปถึง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เช่นกัน ในฐานะที่ท่านเป็นผู้นำฝ่ายบริหารของประเทศด้วยความปรารถนาดี

ในเมื่อเขาตราหน้าท่านว่า เป็นเผด็จการ แต่ถ้าหากท่านไม่ได้เป็นเผด็จการ และมีเจตนาอันบริสุทธิ์ในการที่จะรวมไทยสร้างชาติอย่างแท้จริง ท่านก็ควรเป็นฝ่ายที่สร้างประชาธิปไตยตัวจริงให้เกิดขึ้น โดยอาศัยทุกองคาพยพของสังคมไทยมาสร้างประชาธิปไตยและสร้างชาติไทยให้เจริญรุ่งเรืองไปด้วยกัน

เพราะถ้าหากท่านทำได้ ในท้ายที่สุดท่านจะลงจากเวทีการเมืองในฐานะวีรบุรุษทางการเมืองอีกท่านหนึ่ง แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าท่านไม่สร้างประชาธิปไตย ท่านก็จะพังเหมือนนายกรัฐมนตรีคนอื่นในห้วงที่ผ่านๆ มา
#ประชาธิปไตย Theseries by ดร.ศุภณัฐ”

เชื่อว่า โพสต์ที่หยิบยกมานำเสนอนี้ มีเหตุมีผลอยู่ในตัวมันเองอยู่แล้ว ว่าใครเป็นใคร และมีความคิดความอ่านอย่างไร ส่วนการตัดสิน ก็ให้อยู่ที่วิจารณญาณของผู้อ่านและประชาชนคนไทยทุกคน ที่ล้วนแต่รู้อยู่แล้วว่า อะไรเป็นอะไร คงไม่ยอมให้ใครมาปลุกระดมได้อยู่แล้ว!


กำลังโหลดความคิดเห็น