ข่าวปนคน คนปนข่าว
**เบื้องหลังนายแบงก์ ป. เซย์โน ร่วม ครม.นิวนอร์มัลของ “ลุงตู่” ดูแล้วได้ไม่คุ้มเสีย แถมอาจโดนขี่หากร่วมงานกับ “แม่ตุ๊กตาบิ๊กอาย” เสี่ยงสร้างศัตรูทางการเมืองอีกต่างหาก
ความเคลื่อนไหวการเมืองพรรคพลังประชารัฐ ช่วงนี้คึกคักยิ่ง หลัง “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธานยุทธศาสตร์พรรค ตอบรับเทียบเชิญขึ้นเป็น “หัวหน้าพรรค” เรียบร้อยเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.) โดยคำพูดแรกของลุงถึงแกนนำพรรคมีว่า... “ขอให้รักสามัคคี ทำงานให้ดี ห้ามแตกแยก และให้เป็นหนึ่งเดียว”
นี่ก็รอดูกันต่อไปว่า “พลังประชารัฐ” ภายใต้หัวหน้าพรรคลุงป้อม จะเป็นไปอย่างไร แต่ดูหน้าดูตาของเหล่าแกนนำที่มีทั้ง รมว. และ “วอนนาบี” ที่แวดล้อม ถ่ายรูปจับมือกันเป็นเกลียวพร้อมกับลุง อาทิ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.อุตสาหกรรม “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง “ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” รมว.ศึกษาธิการ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมช.เกษตรและสหกรณ์ “วิรัช รัตนเศรษฐ” ประธานวิปรัฐบาล “อนุชา นาคาศัย” ส.ส.ชัยนาท “สุชาติ ชมกลิ่น” ส.ส.ชลบุรี “ไพบูลย์ นิติตะวัน” ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” โฆษกรัฐบาล เป็นต้น ก็ต้องบอกว่า ยิ้มแก้มปริท่ามกลางบรรยากาศชื่นมื่น ที่ชวนฝันไปถึงโอกาสจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ “ครม.นิวนอร์มัล” ของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากนายกฯ ปรับ ครม.ที่กำลังเป็นกระแส
อย่างที่เคยบอกไปว่า พอพูดถึง “ครม.นิวนอร์มัล” ก็มีทั้ง “เสือหิว-เสือโหย” จ้องกันตาเป็นมัน รู้ๆ กันว่ามีที่มาจากความหอมหวนของงบฟื้นฟูโควิด 4 แสนล้าน ที่กำลังจะถูกผันลงไปสู่ระบบเศรษฐกิจนั่นเอง...
แล้วก็ว่ากันว่า “ครม.นิวนอร์มัล” จะมีการเชื้อเชิญคนนอกเข้ามาร่วมทีมเศรษฐกิจด้วย โดยเฉพาะมาคุมคลัง แทนที่ “อุตตม สาวนายน” แต่ที่แพลมรายชื่อกันออกมาอย่าง “นายแบงก์ ป.” ปรากฏว่า “เซย์โน” ไปเรียบร้อย ทิ้งคำถามให้คิดกันว่า เพราะอะไรกันแน่ !!
เบื้องลึกเบื้องหลัง ฟังว่า “นายแบงก์ ป.” คิดสะระตะแล้วจะได้ไม่คุ้มเสีย จุดใหญ่ใจความ คือ ผลตอบแทนของการเป็นรัฐมนตรี จะสู้ความเป็นเอกชนไม่ได้หนึ่งละ
สอง มองไปถึงอนาคตหากลงจาก “หลังเสือ” พ้นตำแหน่งเมื่อไรก็จะมีปัญหา เพราะด้วยข้อห้ามของกฎหมายจะไปประกอบสัมมาชีพ รับเป็นที่ปรึกษาหรือบอร์ดบริษัทเอกชนต่างๆ ก็ทำไม่ได้ ต้องว่างเว้นไปสองปี ดูๆ ยังไงก็อึดอัดข้องใจประสามืออาชีพที่อยากจะทำงานตามความถนัดมากกว่า
มิหนำซ้ำ เจ้าตัวยังเปรยกับคนใกล้ชิด หากตัดสินใจเข้าร่วม ครม.นิวนอร์มัล ที่มีกระแสว่าจะมีพวก “วอนนาบี” เสือ สิงห์ กระทิง แรด ติดโผมาด้วยก็ยิ่งทำใจลำบาก ความเป็นอิสระจะปล่อยของ ฝากฝีมือทำงานก็คงไม่เป็นอย่างที่คิด
ยิ่งแว่วว่า ในบรรดา เสือ สิงห์ กระทิง แรด มี “แม่ตุ๊กตาบิ๊กอาย” คนที่ภายนอกดูบ้องแบ๊ว แต่แอ๊บร้ายในเกมการเมือง ลึกๆ แอบจับจองเก้าอี้ รมช. เพราะเชื่อมั่นว่าตัวเองมีความรู้ ความสามารถ พรีเซนต์ได้ แถมยังร่วมเคลื่อนไหวก่อการปฏิวัติพรรค พปชร. บรรดาขาใหญ่ในพรรคจะผลักดันตบรางวัลให้มาประกบ ยิ่งไม่อยากจะถูกขี่ ถูกการเมืองบีบในลักษณะนี้ และเสี่ยงที่จะสร้างศัตรูทางการเมือง เปลืองเนื้อเปลืองตัวไปเปล่าๆ
สรุปว่า ดรามา ครม.นิวนอร์มัล คนนอกขอนั่งดูความบันเทิงอยู่ห่างๆ ขอบายดีกว่า !!
** สะใจไหมลุง !! เพราะกลัดกระดุมเม็ดแรกผิดตั้งแต่ต้น ที่ใช้ระบบโควตา ยึดคณิตศาสตร์การเมือง ในการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรี ในการฟอร์มรัฐบาล จนเป็นที่มาของการห้ำหั่น โค่นล้มกันวุ่นวาย ... ถึงเวลาปรับเปลี่ยน การวางตัวรัฐมนตรีแบบนิวนอร์มัล อย่างที่ประชาชนคาดหวัง หรือยัง ?
แม้ว่า “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะประกาศว่า ยังไม่ปรับ ครม.ในช่วงนี้ แต่ในอนาคตหลังสภาผ่าน พ.ร.บ.งบประมาณปี 2564 แล้ว ก็คงเข้าสู่ “โหมดปรับ ครม.” อย่างเลี่ยงไม่ได้ ดังจะเห็นความคึกคักในพรรคร่วมรัฐบาลขณะนี้
ล่าสุด “พิเชษฐ สถิรชวาล” ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย ก็ออกมาประกาศสนับสนุน “พี่เต้” มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ขึ้นชั้นเป็นรัฐมนตรี ในฐานะตัวแทนพรรคเล็ก โดยอ้างว่า ในบรรดา 11 พรรคเล็ก มีอย่างน้อย 7 พรรค ที่เห็นดีเห็นงามด้วย ซึ่ง 7 พรรคที่ว่านี้ ได้แก่ พรรคประชาธรรมไทย พรรคไทยศรีวิไลย์ พรรคไทรักธรรม พรรคพลังชาติไทย พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคพลังไทยรักไทย และ พรรคประชานิยม
“พิเชษฐ์” อวยว่าในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา บทบาทของ “พี่เต้” ไม่ว่าจะเป็นผลงานในสภา หรือการเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาของประเทศก็เข้าตา น่าจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติได้ จึงสมควรขึ้นชั้นเป็น “ทั่นเต้” ได้แล้ว
หากย้อนกลับไปในช่วงต้นปีที่ผ่านมานี้ คงยังจำกันได้ว่า “พิเชษฐ” และ “มงคลกิตติ์” ประกาศสลายบทบาทการเป็น “ฝ่ายค้านอิสระ” แล้วไปจับมือกับ “ชัช เตาปูน” ชัชวาลย์ คงอุดม หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท และ “ดำรงค์ พิเดช” หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย เพื่อสนับสนุนรัฐบาล ในนาม “กลุ่มกิจสังคมใหม่” ซึ่งในครั้งนั้นได้มี ส.ส.จากพรรคอนาคตใหม่ เข้ามาซบด้วย ทำให้กลุ่มนี้มี ส.ส.ในมือ 8 เสียง
มีการประเมินกันว่า การที่ “ชัช เตาปูน” เป็นเจ้าภาพรวบรวมเสียง ส.ส.ได้ 8 เสียง เพื่อช่วยรัฐบาลแก้ปัญหา “เสียงปริ่มน้ำ” ในขณะนั้น ก็หวังจะผลักดัน “ลูกเอ็ม” ชื่นชอบ คงอุดม ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ที่เคยเป็น ส.ส.ประชาธิปัตย์ มาแล้ว และปัจจุบันก็มีตำแหน่งเป็น “กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง” ได้ขึ้นชั้น สัมผัสเก้าอี้รัฐมนตรี เสียที
แต่ “พิเชษฐ” กลับมาเสนอชื่อ “มงคลกิตติ์” เป็นรัฐมนตรี แทนที่จะเป็น “ชื่นชอบ คงอุดม”...จุดนี้ย่อมมองเห็นร่องรอยว่ามีการเจรจาต่อรองที่ไม่ลงตัว หรือถึงขั้นแตกหักกับฝ่าย “ชัช เตาปูน” ที่มี “ดำรงค์ พิเดช” และ “เสี่ยติ่ง” มงคล เลิศนุวัฒน์ จากพรรคพลังพลเมืองไทย เป็นแนวร่วม
ความจริงแล้ว การจะมีชื่อ “พี่เต้” หรือ “ลูกเอ็ม” เป็นว่าที่รัฐมนตรี ก็ไม่ได้ผิดกติกา หรือความเคยชินทางการเมือง ที่ใช้ “ระบบโควตา” เป็นตัวตัดสินแต่อย่างใด หากมีเสียง ส.ส.สนับสนุนเพียงพอ... เหมือนอย่างเช่น “พรรคลุงกำนัน” ที่มี ส.ส. 5 เสียง ก็ได้โควตา 1 เก้าอี้รัฐมนตรี หรือ พรรคชาติพัฒนา มี ส.ส. 3 เสียง ก็ส่ง “เทวัญ ลิปตพัลลภ” เป็นรัฐมนตรีได้...แล้วทำไมจะมี “ทั่นเต้” หรือ “ทั่นเอ็ม” ไม่ได้ หากเขามีเสียงสนันสนุนพอ
จะว่าไปแล้ว เรื่องนี้เป็นเพราะ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ “กลัดกระดุมเม็ดแรกผิด” มาตั้งแต่ต้น ที่ใช้ระบบโควตา หรือใช้ “คณิตศาสตร์การเมือง” ในการแจกจ่ายเก้าอี้รัฐมนตรี ให้กับพรรคร่วมในการฟอร์มรัฐบาล...
เมื่อเป็นเช่นนี้ ในระดับพรรค จึงมีกลุ่มก๊วนต่างๆ ที่พยายามรวบรวม ส.ส. มาไว้ในกลุ่มของตัวเอง เพื่อใช้ต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี ...“พรรคพลังประชารัฐ” ที่เป็นแกนนำรัฐบาลนี่ยิ่งเป็นตัวอย่างที่เห็นชัด ...ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มสามมิตร กลุ่มลูกกรอก กลุ่มสี่กุมาร กลุ่มเพชรบูรณ์ กลุ่มโคราช กลุ่มภาคตะวันออก กลุ่มภาคเหนือ กลุ่มภาคอีสาน...จนเป็นที่มาของการแย่งชิงอำนาจภายในพรรค ฟ้องสายตาประชาชนอยู่ในขณะนี้
การปรับ ครม.ในอนาคตที่ไม่ไกลนี้ หาก “ลุงตู่” ยังใช้ระบบโควตา ยังยึดหลักคณิตศาสตร์การเมือง ... สมมติง่ายๆ “กลุ่มสี่กุมาร” ที่ถือว่าเพิ่งถูกโค่นอำนาจภายในพรรค แล้วจะหลุดจากเก้าอี้รัฐมนตรีกันทั้งหมด ตามที่มีกระแสข่าวออกมาหรือ ...ทั้งๆ ที่กลุ่มนี้ก็มีเสียง ส.ส.สนับสนุนอยู่ไม่น้อยกว่า 20 เสียง
จะเป็นไปได้หรือไม่ว่า การปรับ ครม.ครั้งนี้ ซึ่งใครๆ ก็พูดกันเป็นเสียงเดียวว่า ขึ้นอยู่กับ “ลุงตู่” ที่มีอำนาจเด็ดขาด ... ก็หวังว่า “ลุงตู่” ถือโอกาสนี้ เลิกระบบโควตา ทิ้งระบบคณิตศาสตร์การเมือง แล้วเลือกเฟ้นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ ที่เป็นมืออาชีพ มาบริหารจัดการในสายงานที่ตรงกับความรู้ความสามารถของเขา เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ สังคม และปฏิรูประบบการเมือง หลังวิกฤตโควิด ตามที่ “ลุงตู่” ได้ประกาศ ว่าจะเป็น “รัฐบาลนิวนอร์มัล”
หวังว่าในอนาคตอันใกล้นี้ เมื่อเปิดหน้า เปิดตัว ครม.ใหม่ออกมา ประชาชนจะ ร้อง “เย้” ต้อนรับ ... ไม่ใช่ร้อง “ยี้” มีแต่พวกจ้องจะถอนทุน !!