ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง “ประชา ประสพดี” ขอถอนมติ ป.ป.ช.-สนช. ปมถูกถอดถอนจากตำแหน่ง รมช.มท. ชี้ ป.ป.ช.-สนช.ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ-ข้อเท็จจริงยุติไปแล้ว
วันนี้ (22 มิ.ย.) ศาลรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัยในกรณีที่นายประชา ประสพดี อดีต รมช.มหาดไทย ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ว่า การที่ ป.ป.ช.มีมติว่านายประชาปฏิบัติหน้าที่ขัดรัฐธรรมนูญ 2550 และมีความผิดอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จากเหตุระหว่างดำรงตำแหน่ง รมช.มหาดไทย ถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจรัฐมนตรีเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงการดำเนินงานของคณะกรรมการองค์การตลาด (อ.ต.ก.) โดยสั่งให้ชะลอการประชุมคณะกรรมการองค์การตลาดเพื่อช่วยเหลือ ผอ.องค์การตลาดที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริต เข้าข่ายเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพหรือไม่ และกรณีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาลงมติถอดถอนนายประชาออกจากตำแหน่ง ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ละเมิดสิทธิเสรีภาพหรือไม่ เนื่องจากไม่มีการยื่นคำร้องขอให้ถอดถอนตามกระบวนการที่รัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 270, 271, 272, 273, 274 กำหนด โดยนายประชาได้ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญเพิกถอนมติของ ป.ป.ช. และ สนช. โดยให้มีผลย้อนหลังให้ถือว่านายประชาไม่เคยถูก สนช.ถอดถอนออกจากตำแหน่ง
โดยศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า เมื่อรัฐธรรมนูญ 50 สิ้นสุดลง มีประกาส คสช.ฉบับที่ 24/2557 ให้ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2542 มีผลบังคับใช้ต่อไป และรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 มาตรา 6 วรรคสองบัญญัติให้ สนช.ทำหน้าที่วุฒิสภา ดังนั้น การที่ ป.ป.ช.มีมติดังกล่าว และเสนอเรื่องให้ สนช.ถอดถอนนายประชา จึงเป็นการกระทำที่อาศัยอำนาจตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2542 มาตรา 66 มาตรา 56 ดังนั้น ป.ป.ช. และ สนช.มีอำนาจดำเนินการตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายซึ่งใช้อยู่ในขณะนั้น จึงไม่ได้เป็นการละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของนายประชาตามที่รัฐธรรมนูญคุ้มครอง ประกอบกับการจะใช้สิทธิยื่นคำร้องต่อรัฐธรรมนูญตามมาตรา 213 นั้น ต้องเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นระหว่างรัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับและต้องไม่เป็นกรณีที่ยุติแล้ว แต่กรณีที่นายประชาร้องเป็นการขอให้พิจารณาวินิจฉัยการกระทำที่มีข้อเท็จจริงซึ่งเกิดขึ้นและยุติแล้ว ก่อนรัฐธรรมนูญ 60 ใช้บังคับ จึงไม่อาจยื่นคำร้องโดยอาศัยช่องทางตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ได้