xs
xsm
sm
md
lg

ตีปลาหน้าไซ! นักวิชาการ เหน็บ “ฝ่าย ปชต.” ลุ้น “นิรโทษกรรม-รบ.แห่งชาติ” แบบเท่ๆ สื่อแม้วเชื่อ “เทพ” ใกล้คุก!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล จากแฟ้ม
“พิชิต” นักวิชาการ มธ. ตอบสังคม ทำไม “ฝ่าย ปชต.” จึงโหยหา “นิรโทษกรรมเหมาเข่ง-รบ.แห่งชาติ” เพราะอยากกลับบ้านแบบเท่ๆ ร่วมรัฐบาลแห่งชาติแบบเท่ๆ “สื่อแม้ว” ฟันธง เพราะคดี “เทพเทือก” ใกล้คุก!

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (19 มิ.ย. 63) เฟซบุ๊ก พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ ของ รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ อดีตอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความระบุว่า

“โหยหา “นิรโทษกรรมเหมาเข่ง” กันมาตลอด แม้โดน รปห.57 ไปแล้ว ก็ยังไม่สำนึกบทเรียน คราวนี้ พอมีกระแสลม “เหมาเข่ง” อีกรอบ บวกกับเสียงกระซิบ “รัฐบาลปรองดองแห่งชาติ” ก็หูผึ่งกันอีก

ทำไมนักการเมืองและบางพรรคที่อยู่ฝาย “ประชาธิปไตย” จึงโหยหา “เหมาเข่ง และ รบ.แห่งชาติ” เหลือเกิน? ก็เพราะจะทำให้ความอยาก “กลับบ้านแบบเท่ๆ” เป็นจริงสักที ได้ปรองดองนั่งร่วมโต๊ะสามัคคีกับฝ่ายตรงข้าม “แบบเท่ๆ” โดยทิ้ง ปชช.ที่ถูกเผด็จการกดขี่ไว้ข้างนอกห้อง ไม่ต้องแอ๊บแบ๊วว่า เป็นนักการเมืองและพรรคฝ่ายประชาธิปไตยอีกต่อไป

ใจจริงก็อยากให้ “เหมาเข่ง+รบ.แห่งชาติ” เป็นจริงสักครั้งนะ เป็นหินลองทอง ขีดเส้นแบ่งให้เห็นกันชัดๆ ว่า ใคร นักการเมืองและพรรคการเมืองไหน ให้มวลชนออกมาสู้จนต้องติดคุกล้มตายเพียงเพื่อผล ปย.ตัวเอง และใครที่ยืนหยัดในประชาธิปไตยจริง!

#นิรโทษกรรมเหมาเข่ง #รัฐบาลปรองดองแห่งชาติ”

ขณะที่ เมื่อย้อนดูเฟซบุ๊ก การเมืองไทย ในกะลา ซึ่งเป็นกระบอกเสียงใกล้ชิดฝั่งตรงข้ามรัฐบาล เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 63 พบว่า โพสต์หัวข้อ “ลุ้นนิรโทษกรรมคดีการเมือง!!”

โดยระบุว่า “มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า “ประยุทธ์” มอบหมายให้ “ทีมปฏิบัติการลับ” รวบรวมรายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีการเมืองทั้งหมดมาพิจารณานิรโทษกรรม

เบื้องต้นอาจนิรโทษกรรมให้กับคดีที่มีแรงจูงใจทางการเมือง ที่ไม่รวมถึงคดีทุจริต คาดปลายปีนี้

โดยอ้างอิงรายงานข่าว เอ็กซ์คลูซีฟ! “ประยุทธ์” ปลดล็อกประเทศ! ไฟเขียว “ทีมลับ” ลุยนิรโทษกรรม คดีการเมืองเว้นทุจริต เปิดเงื่อนไข “นักวิชาการ” ออกกฎหมายสางคดีม็อบ

โดยเนื้อหาระบุว่า การสร้างความปรองดอง ถือเป็นพันธกิจหนึ่งของรัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มีการตั้งคณะกรรมการหลายชุดขึ้นมาศึกษาแนวทาง ซึ่งการออกกฎหมายนิรโทษกรรม “คดีชุมนุมทางการเมือง” ที่น่าจับตายิ่ง

แหล่งข่าวระดับสูงจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้มอบหมายให้ “ทีมปฏิบัติการลับ” ไปรวบรวมรายชื่อบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีการเมือง ทั้งในชั้นศาล และการดำเนินคดีทั้งหมดเพื่อนำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจในการนิรโทษกรรม

เบื้องต้น จะเป็นการนิรโทษกรรมให้กับคดีที่มีแรงจูงใจทางการเมือง ที่ไม่รวมถึงคดีทุจริต และคดีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือ ความผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ สำหรับช่วงเวลาที่จะนำไปสู่การออกกฎหมายนิรโทษกรรมนั้น แหล่งข่าวกล่าวว่า อาจจะดำเนินการในช่วงกลางปี หรือไม่ก็ปลายปีนี้

ภาพ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จาก MGR PHOTO
ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้พูดคุยกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ และอดีตแกนนำ กปปส. แล้ว

ด้าน แหล่งข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ แกนนำรัฐบาลได้พยายามประสานงานและติดต่อเพื่อดึงพรรคเพื่อไทย เข้ามาร่วมทีมรัฐบาลเพื่อเข้าสู่การเป็นรัฐบาลปรองดองมาแล้ว เมื่อ 2-3 เดือนก่อน

นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และ คณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง ของ สปช. กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า เรื่องแบบนี้ต้องอาศัยความพยามยามทุกภาคส่วน รวมทั้งภาครัฐบาล ถ้ารัฐบาลไม่ขยับตัวในเรื่องนี้ โอกาสให้เป็นไปได้ยากเหมือนกัน

“ผมเข้าใจดีว่า เรื่องแบบนี้ต้องอาศัยเวลา จะเร่งเหมือนมะม่วงบ่มแก๊สไม่ได้ ต้องให้สังคมเกิดความสุกงอมขึ้นมาพร้อมๆ กันด้วย เราจะไปเร่งเวลามันก็ไม่ได้ จะวางเฉยก็ไม่เหมาะ จะก่อให้เกิดความปรองดองได้ต้องมีตัวกฎหมายออกมา ถ้าอารมณ์ของผู้คนไม่ต้อนรับกฎหมาย ก็ออกมาไม่ได้”

อย่างไรก็ตาม นายประสาร ชี้ว่า ถ้าจะมีการนิรโทษกรรม สมควรออกเป็น พ.ร.บ เพราะถ้าเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) จะละเลยบทบาทความสำคัญของ ส.ส. และถ้าออกมาเป็น พ.ร.ก. อาจดูคับแคบไปหน่อยในแง่ของการยอมรับ

“เรื่องการปรองดองควรเป็นความพยายามของทุกภาคส่วน ไม่ว่าภาคการเมืองทั้งฝ่ายค้าน รัฐบาล ส.ส. ส.ว. ภาคประชาชน หรือบรรดากลุ่มที่เป็นผู้แค้น สีเหลือง สีแดง กลุ่มสีธงชาติ หรือกลุ่มไหนก็แล้ว เราควรใช้ความพยายามเพื่อนำไปสู่บรรยากาศการปรองดอง สร้างความรู้สึกร่วมกันในการที่จะก่อให้เกิดความปรองดอง”

นายประสาน กล่าวด้วยว่า นักการเมืองควรคำนึงถึงทิศทางที่จะก่อให้เกิดความปรองดองโดยมีเงื่อนไขที่สามารถจะรับกันได้อย่างกว้างขวาง คือ

1. ไม่ยกคดีให้คนที่ผิดด้านคอร์รัปชัน คนไม่ควรได้อานิสงส์ คือ คนทุจริต 2. คนที่ผิด มาตรา 112 คือ ละเมิดสถาบัน และ 3. ผู้ที่ผิดอาญาร้ายแรง ประเภทที่ทำให้ถึงแก่ชีวิต หรือประเภททำให้ถึงแก่ทรัพย์สินและชีวิตรุนแรงถึงเลือดถึงเนื้อ นอกนั้นเป็นความผิดลหุโทษ ความผิดจราจร ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาชุมนุมและถูกจับไป ต้องได้ยกเว้น

พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า และอดีตผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) กล่าวว่า เห็นด้วยและเป็นจังหวะเวลาที่เหมาะสม เพื่อจะสร้างความสามัคคีปรองดองในสังคมไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ได้พยายามผลักดันกันมานานแล้ว

ส่วนความกังวลว่าอาจเป็นชนวนความขัดแย้งขึ้นใหม่นั้น พล.อ.เอกชัย ยํ้าว่า จะไม่เกิดขึ้น เพราะไม่ใช่การนิรโทษกรรมเหมาเข่ง แต่มีการทำอย่างเป็นขั้นตอน มีรายละเอียดที่ชัดเจน

ส่วนกรอบเวลาคือ คดีทางการเมืองที่เกิดขึ้นนับแต่การยึดอำนาจของ คมช. เมื่อ 19 กันยายน 2549 ซึ่งคณะกรรมการเพื่อสร้างความปรองดองในชุด สนช. เสนอให้นิรโทษกรรมถึงปี 2557 แต่เพื่อให้ครอบคลุมถึงความผิดจากการเคลื่อนไหวทางการเมืองหลังจากนั้น เช่น การเคลื่อนไหวของกลุ่มอยากเลือกตั้ง เป็นต้น เห็นว่าครั้งนี้ควรจะขยายให้ถึงวันยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อจัดการเลือกตั้งครั้งล่าสุด”

พล.อ.เอกชัย ยํ้าว่า “เวลานี้เหมาะสมที่สุดแล้ว เพราะเพื่อไทยก็มีไปอยู่กับพลังประชารัฐ แกนนำทั้งพันธมิตรฯ นปช. หรือ กปปส. ก็ถูกตัดสินไปอยู่ในคุกแล้ว และจะเจอกันอีกหลายคดี ถึงเวลาที่น่าจะทำเรื่องนี้เพื่อให้สังคมคืนสู่ความปรองดองเสียที”
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/885429

อย่างไรก็ตาม วันเดียวกัน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ออกมาปฏิเสธข่าวทันควัน ว่า ไม่มีมูลความจริงใดๆ และไม่ทราบเจตนาผู้ปล่อยข่าวว่ามีความประสงค์สิ่งใด

ด้าน “วอยซ์ทีวี” ได้หยิบเอาข่าว “ฐานเศรษฐกิจ” เครือ “เนชั่น” ที่ระบุว่า “ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้พูดคุยกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ และอดีตแกนนำ กปปส.แล้ว” โดย ชูวัส ฤกษ์ศิริสุข ฟันธงว่า ทำไมถึงมาทำกันตอนนี้

“เพราะว่าคุณสุเทพใกล้คุกแล้วไง ตอบง่ายๆ...เพราะว่าคดีที่เกี่ยวกับคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ไปหมดแล้ว (ติดคุกแล้ว-ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ แทรก) ออกจากคุกแล้ว มีบางคนที่โดนตลอดชีวิต...คนเหล่านี้ก็ไม่ได้ออกจากคุก”

ชูวัส ย้ำให้ชัดลงไปอีกว่า แกนนำบางคนของ นปช. อย่าง จตุพร พรหมพันธุ์ หมอเหวง โตจิราการ และ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เข้าข่าย นอกนั้นจะไปช่วยพันธมิตรฯ และ กปปส.ซึ่งส่วนใหญ่ยังไม่ได้เข้าคุก (ยึดสนามบงสนามบิน ยึดทำเนียบ-ศิโรตม์เสริมด้วยว่า)

ภาพ การชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง จากแฟ้ม
“แล้วเสื้อแดงเขาไม่เคยเรียกร้องให้ทำแบบนี้ เขาเรียกร้องให้เอาทุกฝ่ายเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่ให้ทุกคนลอยนวลนะ” หากแต่ฐานฯ เสนอข่าวดันอานิสงส์ไปถึง “อนาคตใหม่” คดีคนอยากเลือกตั้ง และ แฟลชม็อบด้วย...

ทั้งนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ ขณะเดินทางมาขึ้นศาลเพื่อรับฟังการพิจารณาคดีเกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. เมื่อช่วงปี 2556-2557(18 มิ.ย. 63)

โดยยืนยันจะไม่ขอ “นิรโทษกรรม” และขอสู้คดีตามกระบวนการ

“วันนี้ได้มาขึ้นศาลตามปกติ เป็นคดีที่สืบเนื่องมาจากการเดินขบวนและชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ในปี 2556-2557 ทั้งนี้ ได้ต่อสู้คดีมาเป็นระยะเวลาปีกว่าแล้ว คาดว่า ภายในเดือนหน้าที่จะถึงนี้ การให้การของพยานโจทก์ก็จะสิ้นสุดลง หลังจากนี้ ก็แล้วแต่ว่าศาลจะพิพากษาเช่นไร ก็พร้อมที่จะยอมรับคำตัดสิน ขณะนี้อยู่ขั้นตอนของการสืบพยานจำเลย ซึ่งวันนี้มีจำเลย 9 คน และคนอื่นๆ ที่พลอยติดรากแหไปด้วยประมาณ 30 คน รวมทั้งหมด 39 คน...i;,57’
แน่นอน, ไม่ว่าเรื่องนี้เบื้องลึกจะเป็นจริงตามข่าวหรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่ในข่าวพูดถูก ก็คือ ภารกิจ “ปรองดอง” ของรัฐบาล “ลุงตู่” ยังถือว่า ไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร และคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ก็ยังเป็นแค่ลมปาก ตราบใดที่ยังไม่มีผลสำเร็จออกมาให้เห็น ดังนั้น ถ้าจะใช้แนวทาง “นิรโทษกรรม” เป็นหนึ่งในเงื่อนไขปรองดองอย่างที่หลายฝ่ายเสนอ ก็น่าจะเป็นผลบวกมากกว่าลบ และรัฐบาลก็จะได้เครดิตในทางการเมืองจากคนทุกกลุ่มด้วย

ส่วนที่ อาจารย์พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ มองว่า ต้องการกลับบ้านแบบเท่ๆ และร่วมรัฐบาลแห่งชาติแบบเท่ๆนั้น ก่อนหน้านี้ ก็คุ้นๆ คำพูดนี้อยู่เหมือนกัน

กรณี นายทักษิณ ชินวัตร โฟนอินมาเวทีการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2555 ณ สำนักงานพรรคเพื่อไทย อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ พร้อมทั้งประกาศ

“ขอให้คนเสื้อแดงใจเย็นๆ ผมกำลังคุยกับผู้พิพากษาอยู่ ทุกอย่างน่าจะเรียบร้อย ขอให้อดทนอีกไม่นานผมก็จะกลับบ้านแล้ว และจะไม่กลับแบบที่ขวัญชัย (ไพรพนา) พูด เพราะมันไม่เท่ ต้องกลับมาอย่างเท่ๆ แล้วจะบอกว่ากลับแบบไหนถึงจะเรียกว่าเท่”...

ไม่รู้เกี่ยวกันหรือไม่!?


กำลังโหลดความคิดเห็น