นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊ก “Prasarn Marukpitak “ระบุว่า อนาคตใหม่ ไม่รู้จักคำว่า”ความชอบธรรม” ในการชุมนุม
คำประกาศว่า”การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มี 2 ทางเลือก จะแก้โดยดี หรือจะแก้ด้วยเลือด” แถมบอกว่าจะนำม็อบลงถนนในเดือนหน้า นับว่าคุณธนาธร ท้าทายสังคมไทยอย่างสำคัญ
ในฐานะคนที่มีประสบการณ์ตรงในการชุมนุมทางการเมืองมาหลายครั้ง มีบทเรียนที่ควรคิดว่าการชุมนุมที่จะได้รับพลังร่วมจากมหาชนนั้น ต้องมีความชอบธรรมเป็นแก่นแกน ต้องก้าวพ้นไปจากประโยชน์ตนและประโยชน์พรรคพวก
ดังเช่น การลุกขึ้นสู้ของนักศึกษาประชาชนในกรณี 14 ตุลาคม 2516 เริ่มจากการเรียกร้องรัฐธรรมนูญจากรัฐบาลเผด็จการเต็มรูป แต่รัฐบาลกลับจับกุม 13 กบฏเรียกร้องรัฐธรรมนูญโดยมิชอบ แถมตั้งข้อหาฉกรรจ์ ทำให้ประชาชนเรือนแสนออกมาบนถนน จนรัฐบาลอยู่ไม่ได้
เหตุการณ์ชุมนุมของ กปปส.เริ่มจากเสียงข้างมากที่ฉ้อฉลของสภาที่ลักหลับตอนตีสี่กว่า ออกกฏหมายนิรโทษกรรมสุดซอย ที่ประชาชนไม่อาจอดทนได้
รวมถึงการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ดุจเดียวกันที่รัฐบาลแก้กฏหมายโทรคมนาคมให้ต่างชาติถือหุ้นข้างมากได้แล้วขายกิจการ 73,000 ล้าน
ใช้เพทุบายไม่ต้องจ่ายภาษีให้รัฐบาล
ทั้ง 3 กรณี ล้วนเริ่มต้นจากผลประโยชน์ชาติและประโยชน์ประชาชน ไม่มีประโยชน์เฉพาะตัวเฉพาะพวกที่ใครคนใดกลุ่มใดจะได้รับ
แต่กรณีม็อบลงถนนเดือนหน้า แม้จะอ้างเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรืออ้างเรื่องยกเลิกเกณฑ์ทหาร ก็เห็นได้ว่าเป็นการชุมนุมที่เริ่มมาจากการปะทุอารมณ์ของฝ่ายนำพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูก กกต.ลงมติส่งคำร้องไปศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรค
พรรคอนาคตใหม่ควรเสาะหาหลักฐานและข้อเท็จจริงไปต่อสู้ในศาลตามที่ศาลรัฐธรรมนูญเปิดทางไว้ให้อย่างมีวุฒิภาวะที่วิญญูชนพึงกระทำ
การระดมเหงื่อแรงประชาชนไปเป็นกำลังต่อรองเพื่อการคงอยู่ของพรรคและพวก มีความชอบธรรมอะไร ตรงไหน เป็นพฤติกรรมที่ควรละอายหรือไม่ ลองคิดกันดู