ข่าวปนคน คนปนข่าว
** “หม่อมเต่า” ทิ้งเก้าอี้หัวหน้าพรรคลุงกำนัน หลังถูกสมาชิกพรรคถล่มเป็น รมว.แรงงาน ที่ไม่ผ่านโปร เยียวยาแรงงานช่วงโควิด-19 ล่าช้า.. จับตา “หมอวรงค์” กินสองต่อ เข้าฮอส !!
เป็นเพราะมีกระแสข่าวปรับ ครม. ที่ทำเอาพรรคฝ่ายรัฐบาลปั่นป่วน เริ่มจากพรรคพลังประชารัฐที่เป็นแกนนำรัฐบาล ตามมาด้วยพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีแรงกระเพื่อม... ล่าสุด ก็เป็นพรรครวมพลังประชาชาติไทย หรือ “พรรคลุงกำนัน” ที่ “หม่อมเต่า” ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค และหัวหน้าพรรค
ว่ากันว่า สาเหตุการลาออกของ “หม่อมเต่า” ครั้งนี้ เนื่องจากถูกคนในพรรค และกระแสสังคมโจมตีหนัก ในเรื่องการทำงานในตำแหน่ง “รมว.แรงงาน” ที่ล่าช้า โดยเฉพาะในเรื่องการเยียวยาในส่วนของสำนักงานประกันสังคม ซึ่งแรงงานที่อยู่ในระบบประกันตนตาม มาตรา 33 ของ พ.ร.บ.ประกันสังคม ที่รัฐโดยกระทรวงแรงงาน ต้องเยียวยาค่าจ้างของแรงงานในระบบ ที่ว่างงานจากคำสั่งของรัฐบาลตามมาตรการสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กระทรวงแรงงาน ต้องเยียวยาให้ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และภาคโรงแรม ที่ว่างงานลง 62 เปอร์เซ็นต์
ปัญหาการเยียวยาล่าช้าของแรงงานที่ถูกพักงานนับล้านคนในช่วงที่ผ่านมานี้ ทำให้ฝ่ายค้านฉวยโอกาสนำมาเป็นประเด็นดิสเครดิต “รัฐบาลลุงตู่” ...ประกอบกับการบริหารในพรรค ที่แม้ว่า “หม่อมเต่า” จะเป็นหัวหน้าพรรค แต่อำนาจการตัดสินใจในเรื่องสำคัญๆ ของพรรคก็เป็นที่รับรู้กันว่า ยังขึ้นอยู่กับ “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่เป็นเจ้าของพรรคตัวจริง
โดยเฉพาะการปรับ ครม. ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนั้น มีข่าวว่าทางพรรคได้รับการแจ้งล่วงหน้าแล้วว่า อาจต้องมีการปรับ “ม.ร.ว.จัตุมงคล” ออกจากตำแหน่ง รมว.แรงงาน จึงทำให้ต้องตัดสินใจไขก๊อก โดย “หม่อมเต่า” บอกกับนักข่าวกระทรวงแรงงานว่า...
“การลาออกไม่มีเหตุผล เหมือนสามี ภรรยา หย่าขาดจากกัน ซึ่งมีผลทันที คนอย่างผมถ้าขอลาออกแล้วก็คือออกเลย และถ้ามีการปรับ ครม. จะเอาผมออก ก็คือออกเลย”
สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาแรงงาน ผู้ประกันตนของประกันสังคม ที่ล่าช้านั้น “หม่อมเต่า” เคยให้สัมภาษณ์ด้วยความอัดอั้นตันใจว่า มีสาเหตุมาจากระบบคอมพิวเตอร์ ของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ที่มีการเช่าในช่วงปี 2549 วงเงิน 2.8 พันล้านบาท ต่อมาเมื่อปี 2552 ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และทางอาญา แก่อดีตเลขาธิการ สปส. ที่เป็นผู้มีอำนาจลงนามอนุมัติในการจัดทำสัญญาดังกล่าว
จากนั้นก็มีการจัดซื้อจัดหา “ระบบคอมพิวเตอร์” กันใหม่ แต่เนื่องด้วยกระทรวงแรงงานมีการเปลี่ยนเจ้ากระทรวงบ่อย จนมาถึงยุค “หม่อมเต่า” การจัดซื้อจัดจ้างก็ยังไม่สำเร็จ... ซึ่งเรื่องนี้ว่ากันว่าเป็นเพราะมี “2 ไอ้โม่ง” ที่เป็นผู้คอยประสานเจรจากับภาคเอกชน เมื่อเงื่อนไขไม่เป็นที่ตกลงกัน การจัดซื้อจัดจ้างก็เลยยังไม่เกิด...
เมื่อเกิดวิกฤตโควิด-19 การจัดทำระบบเอกสารการเยียวยาจึงต้องใช้ “ระบบกรอกมือ” แทน “ระบบคอมพิวเตอร์” ...มิเช่นนั้น ป่านนี้ผู้ประกันตนก็ได้รับการเยียวยา เหมือนโครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” ของกระทรวงการคลังไปแล้ว...
เมื่อ “หม่อมเต่า” ลาออกจากหัวหน้าพรรค ก็มีผลทำให้กรรมการบริหารพรรคต้องพ้นไปทั้งคณะ ต้องมีการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคกันใหม่ ซึ่งการประชุมใหญ่สามัญของพรรค จะมีขึ้นในวันที่ 5 ก.ค.นี้
สำหรับ “คู่แคนดิเดต” ที่จะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคที่มีการพูดถึงกันตอนนี้ ก็คือ “เอนก เหล่าธรรมทัศน์” กับ “นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม”
หากเทียบฟอร์มกันแล้ว “เอนก เหล่าธรรมทัศน์” เป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคมากับ “ลุงกำนัน” ตั้งแต่ต้น มีบุคลิกเป็น “นักวิชาการ” มากกว่า “นักการเมือง” เคยเป็นหัวหน้าพรรคมหาชน ซึ่งมี “เสธ.หนั่น” พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เป็นเจ้าของพรรค แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จในทางการเมืองนัก เมื่อมาร่วมกับลุงกำนันก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ก็ได้รับการคาดหมายว่าจะได้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรค แต่เมื่อถึงวันเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคและหัวหน้าพรรค “ลุงกำนัน” กลับเป็นคนเสนอชื่อ “หม่อมเต่า” ขึ้นมาแทน “เอนก” จึงได้แต่ประกาศถอนตัวไป
ส่วน “หมอวรงค์” อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งลุงกำนันเคยหมายมั่นปั้นมือให้เป็นตัวเแทนในการยึดพรรคประชาธิปัตย์ ในช่วงที่ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ลาออกจากหัวหน้าพรรค โดยเขาเป็น 1 ใน 4 ผู้สมัครชิงหัวหน้าพรรค แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” จากนั้นเขาก็ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ มารับตำแหน่ง “ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรค” เพื่อเดินหน้ารณรงค์ต่อต้านลัทธิชังชาติ และให้ความรู้ทางการเมืองแก่ประชาชน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาบทบาทของ “หมอวรงค์” ในเชิงการเมือง ถือว่า “แหลมคม” กว่า “เอนก เหล่าธรรมทัศน์”
ดังนั้น เชื่อว่า ในวันประชุมใหญ่เพื่อเลือกหัวหน้าพรรค “ลุงกำนัน” จะชี้ไปที่ “หมอวรงค์” มากกว่าจะชี้ไปที่ “เอนก” ... หมากเกมตานี้ จึงมีโอกาสสูงยิ่งที่ “หมอวรงค์” จะกินสองต่อพร้อมเข้าฮอส คือเป็นทั้งหัวหน้าพรรค และรัฐมนตรี เมื่อมีการปรับ ครม. !!
**“ลุงป้อม” นอนมา หัวหน้าพลังประชารัฐ “สันติ-อนุชา” แย่งเลขาฯ ตามคาด ขณะที่ “สิระ-ไผ่” ไฝว้เดือดกลางวงประชุม ปมกรรมการบริหาร
ความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐ จากที่ประชุมพรรคล่าสุด ฟังว่า การประชุมกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคชุดรักษาการ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 19 มิ.ย.นี้ จะพิจารณางวาระแก้ไขข้อบังคับพรรคใหม่ ก่อนจะนำไปสู่การประชุมใหญ่ ในวันที่ 3 ก.ค. นั้นค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า กลุ่มผู้ก่อการ “ล้มโต๊ะ” กรรมการบริหารพรรค จะเสนอชื่อ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานยุทธศาสตร์พรรค เป็นหัวหน้าพรรคเพียงคนเดียว
เรียกได้ว่า “ลุงป้อม” นอนมาแบบชิลล์ๆ ไร้คู่แข่ง ขณะที่ตำแหน่งเลขาธิการพรรค ที่จะทำงานเป็น “แม่บ้าน” ให้กับลุงยังคงมีชื่อของ “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง แกนนำกลุ่มมะขามหวานเพชรบูรณ์ ที่ได้กลุ่ม “วิรัช รัตนเศรษฐ” ประธานวิปรัฐบาล และ “เฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น ประธาน ส.ส.พรรคสนับสนุน พร้อมที่จะแย่งตำแหน่งกับ “แฮงค์” อนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท ภายใต้คอก 2 ส. “สองมิตร” สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-สมศักดิ์ เทพสุทิน ผลักดันเต็มที่
ว่ากันว่า ทั้ง “สันติ- อนุชา” ต่างเคลมว่ามีความสนิทสนมใกล้ชิดกับว่าที่หัวหน้าพรรคคนใหม่ งานนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า “พล.อ.ประวิตร” จะหันมาสบตาใคร แบบว่าใครที่มองตาก็รู้ใจ ก็คงเลือกคนนั้น !!
นอกจากที่ประชุมพรรค พปชร. จะมีการพูดถึงการเตรียมปูพรมแดงต้อนรับ “ลุงป้อม” ขึ้นเป็นผู้นำพรรคแล้ว ...ว่ากันว่า บรรยากาศการประชุมได้เกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อ “สิระ เจนจาคะ” ส.ส.กทม. เจ้าเก่าเล่ายี่ห้อกวนน้ำให้ขุ่น ได้ลุกขึ้นหารือในที่ประชุม โดยเสนอว่าให้คณะกรรมการบริหารชุดรักษาการ ต้องพิจารณาเพิ่มคุณสมบัติผู้ที่จะเป็น กก.บห.พรรคชุดใหม่ โดยอย่าให้ผู้ที่เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเข้ามาดำรงตำแหน่ง...
แม้ “สิระ” จะไม่ได้บอกออกมาตรงๆ แต่ก็รับรู้กันในหมู่สมาชิกที่เข้าร่วมประชุมว่า ส.ส.กทม.ผู้นี้ ต้องการสื่ออะไร แกว่งปากไปหาใคร
จังหวะนั้นเอง “ไผ่ ลิกค์” ส.ส.กำแพงเพชร จึงตะโกนสวนทันทีด้วยความไม่พอใจว่า “บ้ารึเปล่า!” ครั้งเดียวไม่พอ ฟังว่า “ไผ่” ตะโกนซ้ำๆ ดังๆ ถึง 3 ครั้งติดต่อกัน ด้วยอารมณ์คุกรุ่น ควันออกหู ร้อนถึง “ไพบูลย์ นิติตะวัน” ที่ช่วงหลังรับบทออกหน้าบ่อย ต้องรีบตัดบท ระบุว่า สิ่งที่ “สิระ” เสนอนั้น ไม่ได้อยู่ในวาระการประชุม
นอกจากศึกล้มกรรมการบริหารพรรคถูกชาวประชาตราหน้าว่า “ก๊ก-ก๊วน” แย่งชามข้าว ปะฉะดะกันแบบนี้ ก็ต้องบอกว่า เค้าลางดีจริงๆ พปชร.นาทีนี้