ผอ.ซูเปอร์โพล ออก จม.เปิดผนึกโต้ “สิระ เจนจาคะ” ยันผลสำรวจคนยี้ปรับ ครม.กลัวเอานักการเมืองมาถอนทุน ไม่สวนความรู้สึกประชาชน จวกหยุดมั่ว นามสกุลตนเองไม่เหมือนโฆษกกระทรวงพลังงาน แต่จะไม่ฟ้อง ไม่อยากทำเวรกรรมกับเพื่อนมนุษย์
หลังจากที่ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ผลสำรวจของซูเปอร์โพลที่พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่มีความเคลือบแคลงต่อการปรับคณะรัฐมนตรีที่อาจจะนำนักการเมืองเข้ามาหาประโยชน์จากเงินกู้ ว่าเป็นผลสำรวจที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ เพรา ะนายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล มีนามสกุลเดียวกับโฆษกกระทรวงพลังงานนั้น ล่าสุด วันนี้ (8 มิ.ย.) ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล ส่งแถลงการณ์ในหัวข้อ “จดหมายถึงประชาชน เปิดใจ นพดล อย่ากร่างมั่วเลยครับ สิระ คนเก่ง” ให้สื่อมวลชน มีเนื้อหาดังนี้
“มีความเป็นไปได้ที่ผมจะขอพึ่งกระบวนการยุติธรรมจัดการกับนายสิระ เจนจาคะ ที่ไม่ตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อนพูดอะไรออกมาจนอาจทำให้คนทั่วไปเข้าใจว่า ซูเปอร์โพลไม่ดี และเชื่อมโยงถึงนามสกุลของผมที่นายสิระ ปั้นความเท็จอย่างฉะฉานบอกว่า ผมมีนามสกุลเดียวกับโฆษกกระทรวงพลังงาน ซึ่งไม่เป็นความจริงที่นายสิระต้องรับผิดชอบ ขณะนี้กำลังให้ฝ่ายกฎหมายดูอยู่ ผมจึงขอให้ทุกสื่อที่เผยแพร่ออกไปให้ความเป็นธรรมกับซูเปอร์โพล และเรื่องนามสกุลของผมด้วย ผมตัดสินใจเขียนจดหมายถึงประชาชน เปิดใจนพดล เพื่อเล่าอะไรให้ฟังและชี้แจงให้นายสิระ ผ่านสื่อมวลชนทั้งหลายทราบไปพร้อมๆ กัน แต่ผมอาจจะให้อภัยแก่นายสิระ เพราะมีเหตุผลบางอย่างที่เขียนอยู่ในหน้าสุดท้ายของจดหมายถึงประชาชนฉบับนี้
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวานเย็น ขณะที่ผมกำลังเขียนผลวิจัยโควิด-19 เกี่ยวกับวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) ของคนไทยก็ได้มีโทรศัพท์จากนักข่าวมาเล่าว่า นายสิระ อัดซูเปอร์โพลที่ซูเปอร์โพลบอกว่า ข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีจะก่อให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยในหมู่ประชาชนต่อความไม่ชอบธรรมของรัฐบาล แสวงหาผลประโยชน์จากเงินกู้ เข้ากระเป๋านักการเมือง....ซึ่งประเด็นนี้กระมังที่นายสิระ บอกว่า ซูเปอร์โพลไม่น่าเชื่อถือ ผมจึงคิดว่าน่าจะต้องชี้แจงให้ทราบทั่วกันว่า
ซูเปอร์โพลเป็นนิติบุคคลที่สะสมความรู้ความเชี่ยวชาญมานาน และคงไม่ต้องบอกหรอกว่าเก่งแค่ไหน เพราะตัวผมทำมาร่วม 30 ปีแล้ว เพราะฉะนั้นเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีที่ทำมาโดยตลอดนี้ ไม่จำเป็นต้องแลกด้วยภาพลวงตาทางการเมือง และผมก็พิสูจน์ได้ด้วยว่า ซูเปอร์โพลมีทุนสนับสนุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ได้มาด้วยความรู้ด้านระเบียบวิธีวิทยาการที่ผมสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน สหรัฐอเมริกา และศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยคอร์แนล และจบด้านการบริหารจัดการนโยบายสาธารณะเน้นยุทธศาสตร์ เรียนร่วมหลักสูตรเดียวกับคณะนายทหารในองค์คณะระดับผู้นำ (Joint Chiefs of Staff) กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา มหาวิทยาลัยจอร์ชทาวน์ วอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา จึงใช้ความเชี่ยวชาญวิเคราะห์วิจัยข้อมูลเกี่ยวกับชาติบ้านเมืองล้วนๆ เพราะผมถูกฝึกมาให้เป็น “ผู้สร้างตนเอง” ไม่ใช่เป็น “ผู้พึ่งพิงอิงแอบ” กลุ่มก๊วนคนมีอำนาจคับบ้านคับเมืองในการแสวงหาผลประโยชน์ ดูประวัติผมของจริงได้ที่ www.superpoll.co.th และ นายสิระ จะมาว่าซูเปอร์โพลไม่น่าเชื่อถือ ไร้ราคาได้อย่างไรในหลายประเด็นต่อไปนี้
ประเด็นที่ 1 นายสิระ คนเก่ง บอกว่า ผลโพลไม่มีความน่าเชื่อถือ เพราะสวนความรู้สึกของประชาชน ผมขอให้ สิระ คนเก่ง กลับไปอ่านผลโพลให้ดีถี่ถ้วนก่อนเพราะผลโพลพบว่า หลังอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงินผ่านสภาฯ ฝ่ายการเมืองก็กดดันให้นายอุตตมลาออก จึงทำให้ประชาชนเขาเกิดความเคลือบแคลงสงสัยต่อความชอบธรรมของรัฐบาล ประชาชนเขากลัวว่า รัฐบาลจะเอานักการเมืองยี้เข้ามาหาผลประโยชน์บนหนี้สินที่รัฐบาลก่อขึ้นให้กับทุกคนในชาติ.....ผลโพลนี้มันสวนความรู้สึกของประชาชนตรงไหน... สิระ คนเก่ง ช่วยตอบผมที
แต่ถ้าจะถามเรื่องนี้และ สิระ คนเก่งอยากให้ผลโพลออกมาว่า ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธาต่อรัฐบาลที่จะเอาคนดีมือสะอาดไม่มีประวัติด่างพร้อย ไม่มีแผล ไม่มีชะนักติดหลัง ไม่เคลือบแคลงสงสัยนักการเมืองที่พัวพันโครงการผักสวนครัวรั้วกินได้ คดีเยียวยาเสื้อแดง โยกย้ายข้าราชการไม่เป็นธรรม และคดีถือหุ้นสื่อ ผมเสนอว่า สิระ คนเก่งคงต้องทำโพลถามประชาชนรอบๆ ตัวของ สิระ คนเก่ง เอาเองล่ะกัน
แต่ซูเปอร์โพลไม่ทำแบบนั้น เพราะ ซูเปอร์โพลทำตามระเบียบวิธีวิทยาการด้านการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนโดยไม่โกหกบิดเบือน เพื่อให้ตนเองอยู่รอดแต่ประเทศชาติและประชาชนเสียหาย แต่ซูเปอร์โพลทำงานเพื่อปกป้องผลประโยชน์ชาติและประชาชนมาโดยตลอด ตรงไหนที่ดี เราสนับสนุนเต็มที่ เราเป็นคนเฝ้าระวังเพื่อไม่ให้ความไม่ดีจะโดยพลั้งเผลอหรืออะไรก็ตามไปก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติและประชาชน เพราะฉะนั้นซูเปอร์โพลมีความชัดเจนว่า ซูเปอร์โพลทำไปไม่ใช่เพื่อมุ่งหวังอำนาจหรืออามิสสินจ้าง
ประเด็นที่ 2 คือ สิระ คนเก่ง พูดย้อนแย้งกันชอบกล เพราะผมอ่านข่าวแล้วผมเข้าใจถูกหรือเปล่าว่า นายสิระ ไม่พอใจซูเปอร์โพลที่ออกผลโพลไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาลเรื่องปรับคณะรัฐมนตรี แต่ในข่าวเดียวกันคล้ายๆ กับว่า นายสิระ อยากจะให้ซูเปอร์โพลออกโพลถล่มเรื่องการลดค่าไฟล่าช้า ความผิดพลาดของบิลค่าไฟ และอื่นๆ จนผมนี่รู้สึกเป็นห่วงนายสิระ ระวังจะถ่มน้ำลายขึ้นที่สูงที่มันอาจจะตกลงมาโดนหน้าตนเอง เพราะการลดค่าไฟฟ้า มันเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน หลายกระทรวง เช่น การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่อยู่กับกระทรวงมหาดไทย... อ้าว ๆ ๆ สิระ ไม่รู้เหรอว่าใครคุมกระทรวงมหาดไทย ผมเป็นห่วงทั้งสิระ และการตัดสินใจของผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองจริงๆ
ดังนั้น การที่ซูเปอร์โพลออกมาเตือนรัฐบาลว่ามีจุดที่ต้องปรับปรุงนั้นเป็นไปเพื่อรัฐบาลที่นำโดย นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรัฐนาวาที่พาประเทศไปให้ได้ถึงฝั่งดังที่รัฐบาลประยุทธ์ 1 เคยทำมา แต่นี่ถ้าจะให้ซูเปอร์โพลไปทำโพลให้ออกมาว่ากระทรวงพลังงานไม่มีผลงานนั้น ซูเปอร์โพลไม่มีความจำเป็นต้องทำอะไรออกมาว่ากระทรวงพลังงานดีหรือไม่ดีอย่างไร เพราะฉะนั้นถ้าจะให้ชมรัฐบาลในเรื่องข่าวปรับคณะรัฐมนตรีและมาอัดรัฐบาลเรื่องค่าไฟฟ้า คนอัดนี่มีสติอยู่กับตัวหรือเปล่า มันช่างย้อนแย้งกันเหลือเกิน เพราะฉะนั้นกระทรวงพลังงานทำอะไรที่ดีเราก็บอกว่าดีและชาวบ้านได้ประโยชน์นี่แหละที่รัฐบาลประยุทธ์ 1 เคยทำและต้องทำต่อไป เช่น โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานสะอาด และโรงไฟฟ้าชุมชน แต่อะไรไม่ดีซูเปอร์โพลก็บอกไม่ดีเพื่อให้ป้องกันปัญหาไม่ใช่มาตามแก้ปัญหาไม่จบไม่สิ้น โดยซูเปอร์โพลไม่เคยพึ่งพิงอิงแอบอำนาจของนายกรัฐมนตรีเพื่อได้ผลประโยชน์ใดๆ ตอบแทนทั้งสิ้น
ประเด็นที่ 3 คือ จากข้อ 1 และ 2 ข้างต้น ซูเปอร์โพลทำมาไม่ได้บิดเบือนผลโพล รวมทั้งเรื่องของกระทรวงพลังงานและข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี ดังนั้น จึงเป็นที่ประจักษ์และเป็นที่เชื่อมั่นของภาคีเครือข่ายที่ซูเปอร์โพลเคยทำงานด้วยว่าของจริงและข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำอยู่ที่ซูเปอร์โพล สิ่งที่ซูเปอร์โพลทำนั้นไม่มีอามิสสินจ้างใดๆ ทำไปเพื่อปกป้องผลประโยชน์ชาติได้ที่ปรากฏในตัวยุทธศาสตร์ต่างๆ ด้วยคำว่า “กรุณาอนุมัติตามเสนอในข้อ ๔” ของยุทธศาสตร์ต่อต้านการค้ามนุษย์ ต่อต้านการค้างาช้าง ต่อต้านการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน ไร้การควบคุม และต่อต้านแรงงานเด็กแรงงานบังคับที่ผมเชื่อมั่นว่า บุคคลที่เห็นข้อความที่ว่า “กรุณาอนุมัติตามเสนอในข้อ ๔” นี้คงจำได้ว่าผู้เป็นเจ้าของซูเปอร์โพลคนนี้เคยร่วมรบกันเหนื่อยยากกันมาขนาดไหนจนประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤต....
ดังนั้น ซูเปอร์โพลจึงไม่จำเป็นต้องทำโพลเอาใจใคร...ในห้วงเวลาแรกๆ ที่ร่วมรบกันมา ลุงตู่คงทราบดีว่า ใครอยู่ข้างแกเสมอ ลุงตู่คงรู้ดีว่า “ตราบเท่าที่ลุงตู่อยู่ข้างประชาชนรักประชาชน คนคนนี้อยู่ข้างลุงตู่เสมอ” ....แต่น่าเสียดายที่ สิระ คนเก่งคงไม่รู้เรื่องเหล่านี้
ประเด็นที่ 4 นี่น่าจะถือว่า ผิดพลาดอย่างแรงที่คนจะทำงานใหญ่ให้บ้านเมืองไม่น่าจะพลาดเรื่องข้อมูลพื้นฐานแค่ชื่อ นามสกุลของคน สิระ คนเก่งยังพลาดเลย เพราะ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เขาชื่อว่า นายนพดล กรรณิกา ไม่มี ร.เรือการันต์ ส่วนโฆษกกระทรวงพลังงาน เขาชื่อว่า นายวัชระ กรรณิการ์ มี ร.เรือการันต์ ที่สิระ คนเก่งอ่านแล้วขอให้อ่านอีกสักสิบรอบจะได้บรรลุความจริง อย่าปรุงแต่งจิตอคติกับคนไปทั่ว เพราะทำแบบนั้นมันจะดีเหรอ มันคือปั้นความเท็จบอกประชาชนเลยนะ คนเก่งๆ จึงต้องระวังอย่า “มั่วอย่างฉะฉาน” #สิระคนเก่ง #มั่วอย่างฉะฉาน
ประเด็นที่ 5 คือ กร่างมั่วเรื่องความน่าเชื่อถือของซูเปอร์โพล ที่ขอแนะนำให้ สิระ คนเก่ง ค้นข้อมูลในอินเทอร์เนตดู ลองพิมพ์คำว่า ซูเปอร์โพล และ ประชามติ เข้าไป ก็จะพบว่า ซูเปอร์โพลสำรวจพบก่อนล่วงหน้า 2 สัปดาห์ว่า คนจะเห็นชอบรัฐธรรมนูญ 61.5% และ กกต. ประกาศ คนเห็นชอบจริง 61.4% ทำให้ ซูเปอร์โพลได้รับเชิญไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน มีนักวิชาการทั่วโลกมาฟังซูเปอร์โพลที่บอกว่า สำนักโพลคนไทยทำได้ไงคลาดเคลื่อนน้อยกว่าร้อยละ 1 สิระ คนเก่ง ควรอ่านเยอะๆ หาข้อมูลให้แม่นๆ ก่อนพูด
ดังนั้น ตอนแรกผมคิดว่าจะอาศัยกระบวนการยุติธรรมช่วยเหลือปกป้อง ซูเปอร์โพล ในฐานะนิติบุคคล และตัวผมที่เป็นปัจเจกบุคคลที่สิระ คนเก่งมาปั้นความเท็จว่าผมมีนามสกุลเดียวกับโฆษกกระทรวงพลังงาน แต่ยังไม่ทำหรอกเพราะตั้งใจไว้ว่าจะไม่ก่อกรรมทำเวรต่อเพื่อนมนุษย์ไม่ว่ามิตรหรือศัตรู ตรงกันข้ามผมขอใช้หนี้แผ่นดินให้หมดสิ้นในภพภูมินี้ นี่แหละคือเหตุปัจจัยที่ทำให้ผมมีจิตอาสาด้วยหัวใจคนไทยเข้าไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายทำงานยุทธศาสตร์ปกป้องผลประโยชน์ชาติกับผู้ใหญ่ของบ้านเมืองที่น่าจะคุ้นเคยกับคำว่า “กรุณาอนุมัติตามเสนอในข้อ ๔” ของยุทธศาสตร์ต่อต้านการค้ามนุษย์ ต่อต้านค้างาช้าง ต่อต้านการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน ไร้การควบคุมและต่อต้านแรงงานเด็กแรงงานบังคับ จนรัฐบาลประยุทธ์ทำได้สำเร็จทุกตัว ผมจึงคิดว่าน่าจะใช้หนี้แผ่นดินได้หมดสิ้นแล้ว เพราะกลัวเหลือเกินว่าจะเกิดมาอีกกี่ร้อยชาติก็จะเจอนักการเมืองยี้ ถ้าผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองยังไม่ล้างการเมืองน้ำเน่าไทย ไม่ปกป้องคนดี ไม่เหนี่ยวรั้งคนดีๆ ไว้ปกครองบ้านเมือง
สุดท้าย...ใครอยากดูหลักฐานที่ผมเก็บไว้เตรียมเล่าให้ลูกหลานฟังมาดูได้ว่าผมเคยรับใช้ชาติในฐานะพลเรือนธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่เคยกร่างกับใครเพราะ ลุงตู่ เคยสอนเตือนสติว่า ยิ่งมีอำนาจยิ่งต้องทำตัวเล็ก ผมก็น้อมรับมาปฏิบัติตอนอยู่กระทรวงแรงงาน ใครมาห้อมล้อมผม จะกดลิฟต์ให้ผม จะเปิดประตูรถให้ ผมขอให้กลับไปทำงานหมด ไม่ต้องเรียกผมว่า “ท่าน” เรียกผม “อาจารย์” ก็ถือว่าให้เกียรติผมมากที่สุดแล้ว โดยผมจะเปิดหลักฐานให้ลูกหลานเห็นลายเซ็น “นายกฯลุงตู่” ว่า ลุงตู่เขียนอะไรที่อ่านยากชะมัด แต่ข้อสั่งการทุกข้อแหลมคมสุดยอด เป๊ะมาก ปกป้องผลประโยชน์ชาติได้อยู่หมัดตามยุทธศาสตร์ที่ทีมยุทธศาสตร์เคยออกแบบไว้ทุกตัว โดยผมจะสอนเด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่ว่า ความสำเร็จในการปกป้องผลประโยชน์ชาติบ้านเมืองให้สำเร็จได้แท้จริงอยู่ที่การฝึกให้เด็กและเยาวชนมีคุณลักษณะ 5 ประการคือ สำนึกรู้คุณแผ่นดินและสถาบันหลักของชาติ มีทัศนคติที่ดี มีวินัย มีงานทำ และเป็นพลเมืองที่ดี ที่สิระ คนเก่ง ควรรู้เรื่องเหล่านี้ไว้บ้างนะ ถ้า สิระ คนเก่ง คิดจะทำงานใหญ่ให้บ้านเมืองอย่างแท้จริง”