“ดร.นิว” แฉหมดเปลือก ลัทธิ “ล้มเจ้า” โฟกัส “สมศักดิ์ เจียมฯ” ศาสดาใหญ่ “ปิยบุตร” รายต่อไป? ที่ผ่านมา ใช้วิธีปั่นโซเชียลเผยแพร่แนวคิด จนมีสาวกและเครือข่ายจำนวนมาก ภายใต้อดีตพรรคการเมืองหนึ่ง
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (25 พ.ค. 63) เฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา จัดชุดใหญ่ไฟกะพริบให้ท่านผู้ชม หลัง “ซอมบี้ล้มเจ้า” อาละวาดหนัก หัวข้อ “#สมศักดิ์ศาสดาคนโง่นักแต่งเรื่องใส่ร้ายสถาบันฯ”
โดยระบุว่า “นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เป็นมือวางอันดับ 1 ของนักแต่งเรื่องใส่ร้ายสถาบันฯ เริ่มต้นด้วยนิทานหลอกเด็กปัญญาอ่อนตั้งแต่สมัยอยู่ในซอกหลืบรั้วมหาวิทยาลัย จนต่อมาได้สถาปนาตนเองเป็นเจ้าลัทธิแห่งความมั่ว และขยายเครือข่ายเพิ่มมากขึ้น จากการปั่นกระแสใต้ดินในโลกโซเชียล และกลายเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคอนาคตใหม่ไปในที่สุด
ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจเลยกับทัศนคติและพฤติกรรมของเครือข่ายพรรคอนาคตใหม่กลุ่มนี้ ตั้งแต่แกนนำจนถึงเหล่าซอมบี้ในโลกโซเชียลว่ามีจุดประสงค์อันใด
เพราะอดีตแกนนำคนสำคัญของพรรคอนาคตใหม่ อย่างนายปิยบุตร กับภรรยาชาวฝรั่งเศสเอง ก็เคยเดินสายบิดเบือนใส่ร้ายสถาบันฯ ร่วมกับนายสมศักดิ์อยู่หลายครั้ง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยที่พวกเขามีพฤติกรรมและฐานความคิดเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น การใส่ร้ายป้ายสีตุลาการภิวัตน์แบบลอยๆ https://bit.ly/3bb9l0J
ประเด็นหนึ่งที่นายสมศักดิ์เคยใส่ร้ายในหลวง ร.๙ แล้วเหล่าสาวกปัญญาอ่อนชอบเอามาปั่นกระแสบิดเบือนด้วยถ้อยคำและความคิดกักขฬะต่ำตม คือ ข้อกล่าวหา “ในหลวง ร.๙ เรียนไม่จบ ป.ตรี”
โดยที่ความเป็นจริง คือ “ในหลวง ร.๙ เรียนจบ ป.ตรี” พระองค์ทรงสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีด้านกฎหมายมหาชนระหว่างประเทศ จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
สามารถอ้างอิงได้จากหลักฐานสำคัญดังต่อไปนี้...
1. ชื่อในหลวง ร.๙ อยู่ในทำเนียบศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงบนเว็บไซต์ทางการของคณะนิติศาสตร์ ภาควิชากฎหมายมหาชนระหว่างประเทศ ประจำมหาวิทยาลัยโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
https://www.unil.ch/dip/en/home/menuinst/equipe/anciens-etudiants.html
2. ชีวประวัติของในหลวง ร.๙ ช่วงที่ทรงพำนักอยู่ที่เมืองโลซาน ถูกถ่ายทอดไว้ในหนังสือ King Bhumibol and The Thai Royal Family in Lausanne โดย Lysandre Seraidaris, ลูกชายของ Cleon Seraidaris ผู้เป็นคุณครูส่วนพระองค์ของในหลวง ร.๙
https://bit.ly/3gid2Fx
3. ข้อมูล 10 สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองโลซานที่เกี่ยวข้องกับชีวประวัติของในหลวง ร.๙ ที่ถูกจัดทำขึ้นโดยทางการของเมืองโลซาน
https://bit.ly/3bYjM83
https://bit.ly/2ASrZOc
4. ข้อมูลด้านการศึกษาของในหลวง ร.๙ ในหนังสือ Profiles of People in Power : The World's Government Leaders
https://bit.ly/2ztZjL3
5. หนังสือ A King in Switzerland - the Helvetian Youth Years of King Bhumibol of Thailand ที่เขียนโดย Olivier Grivat ที่ใช้เวลาถึง 2 ปี ในการค้นคว้าข้อมูลของในหลวง ร.๙ อย่างละเอียด
https://bit.ly/36zxwFm
https://bit.ly/3eh2apz
จะเห็นได้ว่า เรื่องราวใส่ร้ายสถาบันฯทั้งหมดนั้น มีต้นทางมาจากนายสมศักดิ์ กับ แอนดรูว์ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นภาพตัดต่อ วิดีโอตัดต่อ การแต่งนิทานปัญญาอ่อนหลอกเด็กต่อเติมจากข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์
แต่หากพวกเรามีสติในการรับฟังข้อมูล มีวิจารณญาณมากพอ และรู้จักการพิสูจน์ความเป็นจริงก่อนเชื่อ ก็จะเป็นภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่ง ทำให้ไม่ตกเป็นเครื่องมือของลัทธิปัญญาอ่อนของนายสมศักดิ์ ศาสดาแห่งคนโง่และเครือข่าย ที่กำลังพยายามทำทุกวิถีทางในการใช้โซเชียลเป็นเครื่องมือทำลายความน่าเชื่อถือของสถาบันฯ หวังหลอกใช้ความเชื่อกลวงๆ ของคนรุ่นใหม่เพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทยเป็นระบอบสาธารณรัฐ
ถ้าอยากรู้รายละเอียดว่าเป็นอย่างไร ต้องถามนายปิยบุตรผู้หมกมุ่นกับการปฏิวัติฝรั่งเศส
แต่ที่แน่ๆ นายปิยบุตร ก็น่าจะกลายเป็นศาสดาคนโง่รายต่อไป เพราะนิทานหลอกเด็กเรื่องรัฐประหารโควิดของเขานั่นเอง...”
สำหรับ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ขณะนี้ถูกออกหมายจับตามความผิดมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งลี้ภัยอยู่ในฝรั่งเศส
และเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2562 ได้ออกอากาศสดผ่านเฟซบุ๊ก Somsak Jeamteerasakul เป็นครั้งแรกหลังจากล้มป่วยด้วยอาการ เส้นเลือดในสมองแตก เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว
นายสมศักดิ์ ซึ่งใบหน้าดูมีน้ำมีนวลมากขึ้นกว่าเดิม ได้พูดออกอากาศสดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าเป็นเวลาประมาณ 6 นาที โดยให้เหตุผลว่า ต้องการสวัสดีกับผู้ติดตามเขาทางโซเชียลมีเดีย ในวันครบรอบ 5 ปี ของการออกอากาศทางเฟซบุ๊กเป็นครั้งแรก และเพื่อยืนยันว่า ข้อความที่มีการโพสต์ทางเฟซบุ๊กหลังจากเขาล้มป่วย ล้วนเป็นข้อความที่นายสมศักดิ์โพสต์เองทั้งสิ้น
อย่างไรก็ดี อดีตอาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยอมรับว่า ยังไม่สามารถใช้มือเขียนหนังสือได้เต็มที่ ขณะที่ “การพูดด้วยปากใช้เวลามากกว่าปกติ” แต่ระบบวิธีคิดต่างๆ ยังคงอยู่ ไม่ได้สูญหาย
ในวันนี้ นายสมศักดิ์ ได้เอ่ยถึงการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พ้นสภาพการเป็น ส.ส. และจะถูกดำเนินคดีอื่นๆ ตามมาว่า เป็นเรื่อง “อย่างที่รู้กันและตอนนี้รัฐบาลก็อยู่ได้อย่างสบายไป”
ในการไลฟ์สดวันนี้ มีผู้แสดงความเห็นทางเฟซบุ๊กเกือบ 3,000 ความเห็น ส่วนใหญ่อวยพรให้เขามีสุขภาพแข็งแรงขึ้นโดยเร็ว และมีการแชร์ออกไปเกือบ 2,500 ครั้ง ในเวลาสามชั่วโมงหลังการออกอากาศ
เมื่อกลางปีนี้ ผู้ใกล้ชิดนายสมศักดิ์ ออกมาเปิดเผยว่า เขามีอาการดีขึ้น และสามารถกลับมาใช้งานโซเชียลมีเดียได้หลายเดือนแล้ว โดยใช้มือซ้ายในการพิมพ์แทนมือขวา ซึ่งใช้งานไม่ได้ หลังเกิดอาการเส้นโลหิตในสมองแตก (ข่าวจาก “บีบีซี ไทย”)
แน่นอน, กรณีสมศักดิ์ เจียมฯ เป็นเจ้าลัทธิ หรือ ศาสดาใหญ่ของขบวนการ “ล้มเจ้า” เป็นที่รับรู้ค่อนข้างกว้างขวางอยู่แล้ว เพียงแต่พักหลัง ที่ลี้ภัยทางการเมืองไปอยู่ฝรั่งเศส การเผยแพร่แนวคิดของเขา จึงใช้โซเชียลมีเดียเป็นหลัก อย่างที่ปรากฏเป็นข่าว
แต่เหนืออื่นใด สิ่งที่ “ดร.นิว” โพสต์ในวันนี้ ถือว่ามีความเชื่อมโยงอย่างน่าสนใจเข้าไปอีก ทั้งยังดูเหมือนมีความเป็นปัจจุบันอย่างมากด้วย กรณีมีชื่อ “ปิยบุตร” เข้ามาเป็นเครือข่าย ทั้งยังขึ้นแท่นที่จะเป็น “ศาสดา” รายต่อไปด้วย ไม่เพียงเท่านั้น ยังทำให้เห็นด้วยว่า ฐานความคิดอันถูกเผยแพร่และฝังหัวเหล่าสาวกในเวลานี้ ก็คือ ฐานเสียงของอดีตพรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งดำรงตนอยู่ในลักษณะ “ซอมบี้” อย่างที่มีการเปรียบเทียบ ทั้งยังทำงานกันอย่างเป็น “กองทัพ” ด้วยเช่นกัน เนื่องเพราะหลายเพจเฟซบุ๊ก ที่มีแนวคิดอยู่ฝ่ายตรงข้ามถูกถล่มเละไม่มีชิ้นดี
แล้วที่อันตรายอย่างมากก็คือ เมื่อใดก็ตาม ที่ “เงื่อนไข” ทางการเมือง “สุกงอม” หรืออยู่ในลักษณะที่คนในชาติขัดแย้ง แตกแยกรุนแรง เมื่อนั้น “ลัทธิ” นี้ ก็จะเผยตัวตนออกมาอย่างแหลมคม และปลุกประชาชนให้ลุกขึ้นสู้กับโครงสร้างอำนาจ ด้วยข้ออ้างในการเป็น “ประชาธิปไตย” แบบตะวันตกในทันที
อย่าลืม ที่เห็นและเป็นอยู่ในวันนี้ ตามที่ ดร.นิว แฉออกมา ถือว่า “ผู้นำ” พร้อม “มวลชน” พร้อม “เครือข่าย” จัดตั้งพร้อม เหลือก็แต่สถานการณ์เท่านั้น ที่กำลังรอความ “สุกงอม”
ดังนั้น ประชาชนส่วนใหญ่ จะต้องได้รับการดูแลและเอาใจใส่เป็นอย่างดี ปัญหาปากท้อง ปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ ปัญหาความเป็นธรรมในสังคม จะต้องได้รับการขจัดปัดเป่าโดยเร็ว รวมทั้งปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบของนักการเมือง และข้าราชการ จะต้องเอาจริงเอาจังในการปราบปรามแก้ไข ฯลฯ มิเช่นนั้น นี่คือ “เงื่อนไข” ที่จะนำไปสู่สถานการณ์ “สุกงอม” ที่อาจหลีกเลี่ยงได้และไม่ได้... ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจในขณะนี้นั่นเอง