xs
xsm
sm
md
lg

LikeWar! “ดร.นิว” เปิดโปง พวกคลั่งปฏิวัติฝรั่งเศส ใช้ “โซเชียล” เป็น “อาวุธ” เกมล้มล้างการปกครอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพจาก  เฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan
“ตามหาความจริง” ฟีเวอร์ “ดร.นิว” เปิดโปง “สงคราม” สมัยใหม่ที่ใช้ “โซเชียลมีเดีย” เป็น “อาวุธ” เช่นเดียวกับคนไทยคลั่งปฏิวัติฝรั่งเศส ใช้ยุยงปลุกปั่นความแตกแยก เกลียดชัง เงื่อนไขสู่ความรุนแรง เพื่อล้มล้างการปกครอง

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (21 พ.ค. 63) เฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์หัวข้อ “#ตามหาความจริง การใช้โซเชียลมีเดียเป็นอาวุธ (The Weaponization of Social Media)”

โดยระบุว่า “โซเชียลมีเดีย ถูกนำมาใช้เป็นอาวุธในการบิดเบือนข้อเท็จจริง ยัดเยียดความเกลียดชัง เพื่อนำไปสู่ความรุนแรงทางการเมือง ทั้งในระดับโลกและในระดับประเทศ ตลอดจนการแทรกแซงความมั่นคงภายในประเทศต่างๆ โดยประเทศมหาอำนาจตะวันตก ด้วยการสนับสนุนความขัดแย้งในภายในประเทศ

ดังจะเห็นได้จากตัวอย่างของการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อการร้ายกลุ่มไอเอส ในการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อปลุกระดม รวมพล และปฏิบัติการเคลื่อนไหวก่อความรุนแรงเมื่อหลายปีก่อน, กรณี Cambridge Analytica, การเคลื่อนไหวของม็อบฮ่องกง ฯลฯ ตลอดมาจนกระทั่งสงครามข่าวสารเรื่องไวรัสโควิดระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน ล้วนแต่เป็นตัวอย่างของการใช้โซเชียลมีเดียเป็นอาวุธแทบทั้งสิ้น

จากหนังสือ LikeWar: The Weaponization of Social Media โดย P. W. Singer และ Emerson T. Brooking ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ความมั่นคง ได้อธิบายถึงการทำสงครามในโลกออนไลน์ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ขึ้นในโลกของความเป็นจริง โดยมีคนระดับอดีตหัวหน้า Central Intelligence Agency (CIA), National Security Agency (NSA) และ Defense Intelligence Agency (DIA) ของประเทศสหรัฐอเมริกา เขียนคำนิยมให้กับหนังสือเล่มนี้อีกด้วย หรือแม้แต่กระทั่งการเป็นหนึ่งในหัวข้อลำดับที่ 9 The Weaponisation of Social Media ของการประชุมลับระดับโลก อย่าง Bilderberg Meeting 2019 จึงเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีของการนำโซเชียลมีเดียมาใช้เป็นอาวุธ

อย่างที่ทราบกันดีในทางภูมิรัฐศาสตร์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยค่อนข้างมีบทบาทสำคัญในเกมการเมืองของขั้วมหาอำนาจโลก จึงเป็นสาเหตุที่มหาอำนาจตะวันตกมักจะเล่นเกมสองหน้า แบบทำดีต่อหน้าแล้วแทรกแซงลับหลัง เพื่อฉกฉวยและตักตวงผลประโยชน์จากประเทศไทยของเราเสมอ

ในส่วนของการที่จะแทรกแซงประเทศไทยได้นั้น จะต้องทำให้ประเทศไทยอ่อนแอเสียก่อน และวิธีการที่ได้ผลดีที่สุด ก็คือ การทำลายความสามัคคีของคนในชาติ ยุยงปลุกปั่นให้แตกแยก รวมถึงการบั่นทอนสถานภาพของสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนคนไทยทั้งปวง

ดังนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมา สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยจึงถูกใส่ร้ายด้วยเรื่องปัญญาอ่อน ด้วยหลักฐานที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ การใส่ร้ายทั้งหมดจึงเป็นเพียงข่าวลือหลอกปั่นหัวกันไปมาเพื่อหวังผลทางการเมืองเท่านั้น แถมส่วนมากก็จะมาจากกลุ่มใต้ดินโดยบุคคลหน้าตาเดิมๆ กลุ่มเดิมๆ ที่ใส่ร้ายสถาบันฯ จนเป็นอาชีพ ทั้งหมดนี้เพื่อทำให้สถาบันฯ ดูเป็นผู้ร้ายในสายตาคนไทย ขณะเดียวกัน กลุ่มบนดินก็จะสร้างภาพให้ตัวเองเป็นฝ่ายพระเอกมาปลดแอกจากผู้ร้าย โดยใช้วิธีการการปลุกระดมมวลชน ด้วยหวังว่า จะสามารถจุดชนวนสงครามกลางเมืองนำไปสู่การล้มล้างการปกครองเลียนแบบการปฏิวัติฝรั่งเศสหรือรัสเซียได้

ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้ว สถาบันฯ เป็นเสาหลักของชาติ เป็นผู้สร้างชาติมาในทุกยุคทุกสมัย เป็นรากฐานของประชาธิปไตยและความเจริญรุ่งเรืองมากมาย ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 กำลังจะทรงพระราชทานพระราชอำนาจเพื่อสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริง ด้วยการทำอำนาจอธิปไตยให้เป็นของปวงชน

แต่แล้วคณะราษฎรกลับปล้นพระราชอำนาจ แก่งแย่งกันไปมา สุดท้ายแล้วอำนาจอธิปไตยก็ไม่เคยเป็นของปวงชนอย่างแท้จริง และนี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของระบอบเผด็จการตัวจริงของการเมืองไทยเรื่อยมา ตั้งแต่สมัยคณะราษฎร 2475 อันเป็นสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ประเทศไทยล้าหลัง วุ่นวาย และแตกความสามัคคี มาจนถึงทุกวันนี้

ด้วยการสนับสนุนให้คนในชาติทะเลาะกันเองและพยายามบั่นทอนความมั่นคงของสถาบันฯ โดยมีกลุ่มประเทศมหาอำนาจตะวันตกหนุนหลังการเคลื่อนไหวของกลุ่มใต้ดินมาโดยตลอด ยิ่งในปัจจุบันกลุ่มเหล่านี้เลือกใช้โซเชียลมีเดียเป็นอาวุธสำคัญ ด้วยการปั่นกระแสในโลกโซเชียลด้วยข่าวปลอมและชุดความเชื่อที่อันตราย เพื่อสะสมความขัดแย้ง แตกแยก และเกลียดชัง อันจะนำไปสู่ความรุนแรงในอนาคต

ภาพจาก  เฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan
ก่อนหน้าที่จะมีพรรคอนาคตใหม่ จะสังเกตได้ว่า มีเพจข่าวหน้าใหม่ในเฟซบุ๊กถือกำเนิดขึ้นมาจำนวนหลายเพจเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทางความคิด ค่อยๆ กลืนและสร้างฐานมวลชน ก่อนที่จะค่อยๆ เปิดเผยโฉมหน้าพร้อมกับแสดงธาตุแท้ออกมา และปัจจุบันเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าเป็นของคนกลุ่มใด ยังไม่รวมถึงเพจใต้ดินอีกมากมาย ในฐานะรังของพวกซอมบี้ที่ไร้ความรับผิดชอบต่อการกระทำทางกฎหมาย ซึ่งเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันแทบทั้งสิ้น

พอมีพรรคอนาคตใหม่เกิดขึ้น การเมืองไทยก็ได้พลิกโฉมใหม่ไปสู่การใช้โซเชียลมีเดียเป็นอาวุธอย่างชัดเจน ด้วยการปั่นกระแสโซเชียลด้วยข่าวปลอม สร้างกระแสปั่นความสับสนแล้วทิ้งความแคลงใจพร้อมกับปมแห่งความขัดแย้งไม่รู้จักจบจักสิ้น เรื่องเก่ายังไม่ทันจะเคลียร์ ก็ปั่นกระแสใหม่เรื่อยไป จนท้ายที่สุดเรื่องโกหกอาจจะกลายเป็นเรื่องจริงก็ได้ สำหรับคนที่ไม่มีวิจารณญาณและไม่ได้ติดตามข่าวจนถึงที่สุดของความจริง รวมไปถึงปรากฏการณ์ทัวร์ปัญญาอ่อนของฝูงซอมบี้ที่ระดมโดยเพจใต้ดินให้เข้าไปแสดงความกักขฬะต่อคนที่เห็นต่างหรือเป็นภัยต่อเครือข่ายของพรรคอนาคตใหม่

แม้ปัจจุบันนี้แกนนำพรรคอนาคตใหม่จะผันแปรเป็นคณะก้าวหน้า ก็ยังมีพฤติกรรมเช่นเดิมไม่เคยทำอะไรนอกจากพยายามหลอกใช้คนที่รู้ไม่เท่าทันเป็นเครื่องมือทางการเมือง ด้วยการใช้โซเชียลมีเดียเป็นอาวุธบิดเบือนความเป็นจริง ราวกับเขียนประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่ ทิ้งระเบิดแห่งความแคลงใจ ฉกฉวยโอกาสสร้างความขัดแย้งและเกลียดชังหวังให้เกิดความรุนแรง ล่าสุด จากการหลอกลวงประชาชนด้วยการแจกเงินสามพันบาทถ้วนหน้าจนเพจเฟซบุ๊กของคณะก้าวหน้าก็ฟันยอดไลก์เป็นล้านๆ นั่นเอง

ตัวอย่างอานุภาพของการปั่นกระแสในโลกโซเชียลของคนกลุ่มนี้ จะเห็นได้ชัดเจนในทวิตเตอร์ ถ้าลองสังเกตดีๆ ในทวิตเตอร์บ่อยครั้งจำนวนการรีทวิตในทวิตเตอร์ของเขา และเครือข่ายจะมากกว่าจำนวนการไลก์อย่างผิดสังเกต บางครั้งก็มากกว่าถึง 3-4 เท่าเลยทีเดียว เพราะแม้แต่ทวิตเตอร์ของประธานาธิบดีทรัมป์แห่งสหรัฐอเมริกา ก็ยังต้องอายเลยที่ไม่สามารถทำอะไรได้แบบนี้ ดังนั้น ไม่ต้องถามเลยว่า ใครหรือกลุ่มใดที่อยู่เบื้องหลังการปั่นกระแสเลวๆ ในทวิตเตอร์ของไทย...

ดังนั้น จะเห็นได้ว่า การทำงานของคนพวกนี้ทั้งบนดินและใต้ดิน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีการประสานงานกันอย่างเป็นระบบจนยากที่จะปฏิเสธได้ว่าหากปราศจากการหนุนหลังของชาติมหาอำนาจตะวันตก ที่มีเป้าหมายในการแทรกแซงประเทศไทยแล้ว คนกลุ่มนี้คงไม่ได้มาไกลถึงวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำกลยุทธ์ในการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างโซเชียลมีเดียมาเป็นเครื่องมือยัดเยียดความขัดแย้งและความรุนแรงแบบไม่รู้ตัวเพื่อสร้างระเบิดเวลาแห่งความรุนแรงในที่สุด

เพราะฉะนั้น สงครามในยุคปัจจุบัน จึงไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธหนักทำลายล้างเสมอไป หากแต่เป็นการใช้โซเชียลมีเดียเป็นอาวุธโดยอาศัยความเชื่อและยัดเยียดข้อมูลปลอมๆ เพื่อบ่มเพาะความขัดแย้งให้คนในชาตินั้นๆ แตกความสามัคคี แบ่งฝ่ายรบกันเอง ทำลายล้างกันเอง รอวันที่ชาตินั้นๆ จะอ่อนแอแล้วเข้ามาแทรกแซง กอบโกย และตักตวงผลประโยชน์ในที่สุด”
#ประชาธิปไตยTheseries by ดร.ศุภณัฐ
อ้างอิง...
https://www.likewarbook.com/
https://bilderbergmeetings.org/meetings/meeting-2019/press-release-2019
https://www.theatlantic.com/international/archive/2018/10/social-media-battlefield-internet/571960/
https://www.vox.com/world/2018/10/8/17884154/social-media-cyberwar-isis-taylor-swift-peter-singer
#ขอบคุณกำลังใจดีๆ ที่ช่วยตรวจทานและเรียบเรียงบทความนี้ให้อีกครั้งครับ

ภาพจาก เฟซบุ๊ก Amarat Chokepamitkul อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน วันนี้ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ที่คนเสื้อแดงเรียกกันว่า “เจี๊ยบ นครปฐม” ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ ที่ย้ายเข้าสังกัดพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Amarat Chokepamitkul อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ว่า

“ครบรอบ 3 เดือน “ยุบพรรคอนาคตใหม่ได้แค่ชื่อ”

#สานต่ออุดมการณ์อนาคตใหม่

#ตามหาความจริง

แน่นอน, หลายคนที่ท่องโลกออนไลน์อยู่เป็นประจำ ถ้าสังเกตให้ดี ก็จะมีพฤติกรรมอย่างที่ ดร.นิว บอกเล่าให้เห็นจนชินตาไปหมด และอาจคิดว่า เป็นหน้าที่ของอำนาจรัฐที่จะเข้าไปจัดการ ทั้งที่รู้ว่า มีการเขียนข่าวปลอม มีการแชร์กันโดยไม่ตรวจสอบ และมีการนำเอาไปขยายผลต่อ ทั้งในวงเพื่อน และเครือข่ายการเมืองที่มีแนวคิดเดียวกันเป็นว่าเล่น

แต่มันคือ “อาวุธ” ของคนที่จงใจ ปลุกปั่น ยุยง ให้เกิดความขัดแย้ง แตกแยก เกลียดชัง เพื่อบรรลุผลทางการเมืองอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเมืองของคนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครอง

ส่วนคนบางกลุ่ม ที่ยังภูมิใจในตัวเอง ที่ถูกยุบพรรคแต่ชื่อ แต่อุดมการณ์ยังอยู่ ซึ่งก็ใช้โซเชียลนี่เอง เป็น “อาวุธ” ก็ต้องระวังเช่นกัน เดี๋ยว “อาวุธ” ที่ใช้ จะถูก “หนามยอกเอาหนามบ่ง” เข้าสักวัน เพราะอย่าลืม “โซเชียล” ได้กลายเป็น “อาวุธ” ที่รู้เท่าทันกันแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น